มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 98
ตอนที่ 98 สีเงิน
เมื่อถูกเจตจํานงแห่งดาบเข้าโอบล้อม ราชันหมาป่าถึงกับหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาของมันหรี่เล็กลงพร้อมแสดงท่าที่เคร่งขรึมออกมา
เวลานี้มันยอมรับแล้วว่าหยางเย่คือศัตรูที่แท้จริง
ถูกต้อง เป็นเพราะแรงกดดันจากเจตจํานงแห่งดาบ ทําให้ราชันหมาป่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอาจริง
บรู๊ว!
พื้นแผ่นดินสะเทือนไปทั่วพร้อมเสียงเห่าหอนอันทรงพลัง มันเริ่มกระโจนเข้าไปตรงหน้า กรงเล็บที่แหลมคมปรากฏให้เห็นความเย็นยะเยือกก่อนที่จะถึงหยางเย่
มันทั้งรวดเร็วและรุนแรงเกือบสองเท่าหากเทียบกับครั้งแรก!
ขณะที่ราชันหมาป่าเริ่มจู่โจม หยางเย่เองก็เริ่มจู่โจมเช่นกัน เขาเริ่มวิ่งเข้าหาราชันหมาป่า เมื่อราชันหมาป่าอยู่ห่างเพียงหกเมตร ดวงตาหยางเย่หรี่เล็กลงขณะใช้ก้าววายุ เขาทิ้งภาพติดตาไว้ข้างหลังก่อนจะพุ่งตรงเข้าไป
เคล้ง!
เขาตวัดดาบพร้อมแทงไปที่ขาของราชันหมาป่า
โดยปกติราชันหมาป่าจะไม่หลบ เพราะของอาวุธของมนุษย์นั้นแทบจะไม่ต่างจากกิ่งไม้!
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่
ชิ้ง!
ดาบแทงเข้าไปในขาของราชันหมาป่าที่หนากว่าตัวหยางเย่ เปลือกตาราชันหมาป่ากระตุก เมื่อมันเห็นว่าดาบสามารถแทงทะลุได้ นั่นหมายความว่ามนุษย์ผู้นี้ทลวงพลังป้องกันของมันแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้น มันทั้งโกรธและตกตะลึง ไม่นานกรงเล็บขาขวาได้เหวี่ยงเข้าไปที่หยางเย่
ทันทีที่ดาบแทงเข้าไป หยางเย่เตรียมจะชักดาบออกแต่ดูเหมือนว่าจะช้าเกิน กรงเล็บราชันหมาป่าได้ตะปบเข้ามาแล้ว เขาไม่คิดที่จะรับการโจมตีครั้งนี้ เช่นนั้นหยางเย่จึงตัดสินใจทิ้งดาบ เขาใช้ก้าววายุกระโจนถอยห่างจากกรงเล็บราชันหมาป่า
ปั้ง!
กรงเล็บตะปบพลาด ร่างกายของราชันหมาป่าทรุดลงกับพื้น ทําให้พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน
ราชันหมาป่าก้มลงมองดาบที่ปักอยู่ในขาก่อนจะเงยหน้ามองหยางเย่ จากนั้นมันเงยหน้าขึ้นหอนอย่างเกรี้ยวกราด มันโกรธจนถึงขีดสุด
ไม่นานมันกระทับขาหลังเพื่อกระโจนเข้าหาหยางเย่ราวกับลูกปืนใหญ่ เวลานี้กรงเล็บที่แหลมคมราวกับใบมีดเผยให้เห็นถึงจิตสังหารอันรุนแรง
ท่าที่หยางเย่ยังคงเหมือนเดิมเมื่อเห็นราชันหมาป่าโจมตี เขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นก่อนจะชี้ไปตรงหน้าพร้อมเอ่ย “เข้ามาเลย!”
ทันทีที่กล่าวจบ ดาบที่อยู่ในขาของราชันหมาป่าได้ส่งเสียงร้องกังวาล จากนั้นมันกลายเป็นประกายแสงพุ่งกลับไปที่มือหยางเย่
เมื่อดาบได้กลับเข้ามาในมือ ร่างของหยางเย่ก็พุ่งเข้าไปหาราชันหมาป่าเช่นกัน ขณะที่พุ่งไป หยางเยู่ได้สร้างปราณดาบอีกอันขึ้นมาด้วยนิ้วมือซ้ายพร้อมปล่อยพุ่งไปยังราชันหมาป่า
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ปราณดาบทองคําห้าเล่มถูกยิงไปที่ราชันหมาป่า
ราชันหมาป่าหาได้หลบไม่ เพราะหากหลบก็เท่ากับดูถูกตนเอง ยิ่งกว่านั้นมันเองก็ไม่สามารถหลบได้เพราะระยะที่ใกล้เกินไป
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
ปราณดาบทั้งห้าเล่มโดนราชันหมาป่าเข้าอย่างจัง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ทําอันตรายมันเท่าไหร่ มีเพียงแค่รอยแผลถลอกบนหัวของราชันหมาป่าเท่านั้น
“เราได้รับบาดแผลจากมนุษย์ผู้นี้อีกแล้วงั้นหรือ?”
ราชันหมาป่าโกรธเพิ่มเข้าไปอีกขั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนผ่านใบหน้าที่ดุร้าย มันอ้าปากกว้างพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หยางเย่ ดูเหมือนครั้งนี้มันต้องการจะสังหารหยางเย่จริง ๆ
ราชันหมาป่าประเมินหยางเย่ต่ำเกินไป มันมัวแต่รับการโจมตีของหยางเย่เพราะห่วงศักดิ์ศรีของราชัน แต่หยางเย่หาได้ประเมินมันต่ำไม่ เขาเข้าใจดีว่าควรใช้ข้อดีจากจุดไหนเพื่อหลบหลีกและควรใช้ข้อเสียเปรียบตรงไหนเพื่อมาพัฒนาตนเอง
ขณะที่หยางเย่กําลังจะสัมผัสปากชุ่มเลือดของราชันหมาป่า เขาได้กระทืบเท้าอย่างเบา หยางเย่ใช้ก้าววายุดีดตัวออกไปด้านขวาของราชันหมาป่าเพื่อหลบหลีกการถูกกัด
เมื่อหยางเย่ไปอยู่ด้านขวาของราชันหมาป่า เขาชักดาบออกไปฟันทันที ไม่นานรอดแผลนับสิบปรากฏขึ้นบนร่างกายด้านขวาของราชันหมาป่า
ราชันหมาป่าหยุดชะงักไปก่อนจะหันไปมองหยางเย่ แต่ตอนนี้เขาอยู่ห่างออกไปถึงสามสิบเมตรแล้ว
ขณะที่จ้องไปยังบาดแผลของราชันหมาป่า หยางเย่ก็สามารถเข้าใจได้สิ่งหนึ่ง ร่างกายของสัตว์อสูรนั้นไม่ได้น่าสะพรึงเท่าไหร่นัก เมื่อมันสามารถแทงทะลุพลังป้องกันได้ สัตว์อสูรที่ร่างกายมหึมาก็ไม่ได้ต่างจากกระสอบทราบมีชีวิต
ราชันหมาป่าไม่ได้โจมตีหยางเย่ต่อ ภายใต้การต่อสู้ที่ผ่านมา กําลังใจในการต่อสู้ของราชันหมาป่าได้ลดลงไปถึงครึ่ง สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการที่มนุษย์ผู้นี้สามารถเจาะทะลุพลังป้องกันของมันได้ สิ่งนี้ทําให้ข้อได้เปรียบที่มีหายไปหมดสิ้น
มนุษย์และสัตว์อสูรสองตัวไม่ได้มาเพื่อยึดดินแดน และไม่มีทั้งความขัดแย้งระหว่างกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะหากพวกเขาตั้งใจจะมาล่าตั้งแต่แรก เขาคงใช้แรงกดดันจากมิงค์ม่วงตอนที่ปะทะกันไปแล้ว
ดังนั้นในความเป็นจริงคือไม่จําเป็นต้องสู้ถวายชีวิตอีก!
หยางเย่เดินอย่างช้า ๆ ไปทางราชันหมาป่า เมื่อเขาเดินไปถึงระยะหกเมตรก็ได้เอ่ยขึ้น “ราชันหมาป่า หากข้าต้องการจะสังหารเจ้า เจ้าคงตายไปแล้ว มากับข้าแล้วเจ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต”
หากเขาสามารถปราบราชันหมาป่าตนนี้ได้ ชีวิตในอนาคตของหยางเยู่ที่ราวกับมีองครักษ์อยู่ข้างกายตลอดเวลา!
ราชันหมาป่าจ้องไปที่หยางเย่อยู่นาน แต่มันก็ส่ายหัวในที่สุด หากมันยอมจํานนแก่มนุษย์ มันจะถูกหัวเราะเยาะโดยเหล่าสัตว์อสูรราชนทั้งหลายแน่นอน มันสามารถตายได้แต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี
หยางเย่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นราชันหมาป่าส่ายหัว ทันใดนั้นหมาป่าสีหมอกและมิงค์ม่วงได้เดินเข้ามา ทั้งสองมองไปทางราชันหมาป่า ราชันหมาป่ายังดูหวาดกลัวมิงค์ม่วงอย่างเห็นได้ชัด มันถอยหลังไปสองสามก้าวและไม่กล้าเผชิญหน้า
หมาป่าสีเทาเดินไปทางราชันหมาป่า จากนั้นมันเริ่มสนทนากับราชันหมาป่า
ขณะที่มันสนทนากันด้วยภาษาสัตว์อสูร ดวงตาของราชันหมาป่ากเปิดกว้างขึ้นทุกขณะ
จากนั้นไม่นานราชันหมาป่าหันไปมองหยางเย่ หรือกล่าวให้ชัดคือมันมองไปที่หน้าท้องหยางเย่
คิ้วที่ขมวดของหยางเย่คลายออกพร้อมมองไปยังมิงค์ม่วง “สหาย ช่วยส่งมันเข้ามาในตัวข้าที!”
มิงค์ม่วงดูเหมือนจะไม่ค่อยโปรดปรานราชันหมาป่าเท่าไหร่นัก ดังนั้นมันจึงส่ายหัวปฏิเสธ เพราะมันไม่ต้องการให้สัตว์อสูรที่ไม่เชื่อฟังมาใช้ประโยชน์จากสิ่งล้ำค่านั้น!
หยางเยู่หัวเราะลั่นทันทีพร้อมกล่าวด้วยเสียงเบา “สหาย ลองคิดแบบนี้สิ หากมันติดตามข้า เจ้าจะแกล้งมันยังไงก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
มิงค์ม่วงดวงตาเปิดกว้าง จากนั้นจึงพยักหน้าตอบรับ มันขยับกรงเล็บไปที่ราชันหมาป่า จากนั้นราชันหมาป่าเงินได้กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งเข้าไปในร่างหยางเย่
เมื่อราชันหมาป่าเข้าไปข้างในแล้ว มันเองก็ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นเมื่อสังเกตเห็นสระน้ำปราณทองคําภายในแล้ว ดูเหมือนจะยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก จากนั้นไม่นานมันเห่าหอนพร้อมพุ่งลงสระน้ำปราณทองคํา
ทันใดนั้นเอง สหายตัวจ้อยได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า พลังแรงกดดันมหาศาลที่อยู่ในกรงเล็บได้ตบไปที่ราชันหมาป่าอย่างรุนแรง มันทําให้ร่างของราชันหมาป่าหยุดชะงัก และไม่กล้าจะก้าวต่อ
สหายตัวจ้อยมองไปที่ราชันหมาป่าอย่างชิงชัง เพราะมันคิดว่าราชันหมาป่ากําลังจะใช้ประโยชน์จากสระที่เป็นของมัน!
หยางเย่ไม่ทราบว่ามิงค์ม่วงสนทนาสิ่งใดกับราชันหมาป่าข้างในนั้น แต่เมื่อราชันหมาป่าปรากฏตัวออกมาตันเถียนน้ำวน ท่าทีของมันจากหวาดกลัวและเคารพต่อสหายตัวจ้อยเปลี่ยนเป็นประจบประแจงในทันที ไม่ว่ายังไงตอนนี้มันยอมทําตามทุกอย่างที่หยางเย่บอก สิ่งนี้ทําให้หยางเย่รู้สึกงุนงงไปชั่วครู่
ไม่นานราชันหมาป่าได้แสดงท่าที่ที่เต็มใจจะไปกับหยางเย่และมิงค์ม่วง แต่มันก็ยังมีปัญหาบางอย่างที่หยางเยู่ต้องแก้ไขให้ได้ ปัญหานั้นคือฝูงหมาป่าด้านหลังจะเอาตัวรอดได้อย่างไรหากปราศจากจ่าฝูง
เพราะหากไร้ซึ่งจ่าฝูง สัตว์อสูรโดยรอบนี้จะต้องเข้ามาก่อกวนพวกมันอย่างแน่นอน นอกจากจะถูกยึดอํานาจ พวกมันอาจถูกกดขี่ข่มจากสัตว์อสูรอื่นอีก ดังนั้นหยางเย่จึงหวังว่าเขาจะหาวิธีจัดการปัญหานี้ได้ เมื่อแก้ไขปัญหานี้ได้มันก็จะติดตามหยางเยด้วยความเต็มใจ
แต่มันก็หาได้ใช่ปัญหาที่ยากจะแก้ไขไม่ หยางเย่สะบัดมือพร้อมกล่าวอย่างกล้าหาญ “ฝูงสัตว์กลุ่มอื่นงั้นหรือ? อย่าได้กังวลไป พวกเราจะไปหาทุกฝูงและจัดการให้หมด เมื่อพวกมันไม่มีจ่าฝูงแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะไปรุกรานใครได้อีก”
เมื่อเป็นเช่นนั้น หยางเย่จึงได้สหายร่วมต่อสู้เพิ่มอีกหนึ่งตัวพร้อมตั้งชื่อให้มันว่า สีเงิน และอีกตัวเป็นสีหมอก