มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 160 โรงเรียนปราชญ์!
“อวี่เหิง เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของพวกเราในอดีต ข้าขอแนะน่าเจ้าสักเรื่อง เป็นการดีที่สุดที่สํานักดาบราชั้นจะไม่ไปยุ่งเรื่องหยางเยู่กับราชวังบุปผา การกระทําเช่นนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับสํานักดาบราชั้นแม้แต่น้อย!” ไชเฟิงมองไปที่หยางเย่ที่กาลงสนทนาอย่างมีความสุขกับชิงหง
อวี่เพิ่งขมวดคิ้ว นางไม่คิดว่าตนเองโอหังและยโสเกินไปหน่อยหรือกับค่ากล่าวเช่นนั้น?
ทันใดนั้นซูชิงฉือกล่าวขึ้น “ไม่ว่าสํานักดาบราชันจะทําอะไรมันก็ไม่ใช่ธุระของพวกท่าน ไม่จําเป็นต้องมากังวลเรื่องของสํานักดาบราชันและหยางเย่!”
“เจ้าคือซูชิงฉือสินะ?” ดวงตาไชเฟิงหรี่ลงเล็กน้อย
“อะไร?” คิ้วของซชิงฉือยกขึ้น ทั้งยังไม่ได้เผยความกลัวบนใบหน้าแม้แต่น้อย
“อย่างที่คาดไว้ คนที่มีอันดับในเทียบอันดับมังกรเร้นลับอย่างเจ้าช่างหยิ่งผยองนัก!” ไชเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา
ซูชิงฉือกําลังจะกล่าวบางอย่าง แต่ถึงอวีจากราชวังหิมะได้กล่าวขัดก่อน “ไช่เฟิงยิ่งเจ้ามีชีวิตอยู่นานขึ้น เจ้าก็ยิ่งดูแย่ลงไปทุกที เจ้าเป็นถึงยอดฝีมือขั้นปราณจุติ ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไงที่ไปข่มขู่ผู้ที่อายุน้อยกว่า? โอ้ ใช่สิ ยังไงเจ้าก็ไม่เคยละอายกับทุกสิ่งอยู่แล้ว เช่นนั้นจะให้เจ้ารู้สึกละอายกับเรื่องแค่นี้ได้ยังไง?”
“ทําไมพวกเราไม่ออกไปนอกเมืองแล้วประลองกันเสียหน่อยล่ะ?” ไชเฟิงมองไปที่ปิงอวี่พร้อมเผยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน!” ซึ่งอวี่กล่าวต่อ “ศิษย์ของราชวังบุปผา และราชวังหิมะอยู่ที่นี่วันนี้ ดังนั้นทําไม่ไม่ให้พวกนางวัดพลังกันที่เสานั้นกันล่ะ? มาดูกันว่าศิษย์ของราชวังบุปผาหรือราชวังหิมะใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
“ข้าเห็นด้วย!” ไชเฟิงเอ่ยกลับ
เมื่อเขาได้ยินการสนทนาของทั้งสอง หยางเย่หยุดคุยกับชิงหงชั่วครู่ จากนั้นเขาหันไปมองสตรีคนหนึ่งของราชวังบุปผาที่ปกปิดใบหน้าอยู่ ถึงแม้รูปลักษณ์หน้าตาจะถูกปกปิดไว้ แต่ประกายแห่งความงามก็ยังถูกเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าหยางเย่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาสนใจแค่ความแข็งแกร่งของนาง!
เขาต้องการเห็นว่าตัวแทนของราชวังบุปผานั้นแข็งแกร่งเพียงใด!
ไม่ใช่เพียงแค่หยางเย่ แม้แต่อวี่เหิง ซูชิงฉือ และคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ศิษย์ของทั้งสองราชวัง ทั้งสองมหาอานาจเป็นรองแค่โรงเรียนปราชญ์เท่านั้น และพวกเขาต้องการจะเห็นถึงความห่างของสํานักดาบราชัน และทั้งสองราชวัง
เมื่อได้สัญญาณจากปิงอรี่ สตรีด้านหลังคนหนึ่งได้เดินออกมา สตรีผู้นี้อาจกล่าวได้ว่าโดดเด่นที่สุดในหมู่พวกนาง รูปร่างหน้าตาของนางงดงามอย่างมาก แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นมากที่สุดคือเส้นผม มันไม่ได้เป็นสีดําแต่กลับเป็นสีเงิน ถูกต้อง มันเป็นสีเงินทั่วทั้งศีรษะ นอกจากนั้นนางยังดูเย็นชา แม้กระทั่งใบหน้ายังดูเย็นเยือกราวกับเดือนผู้คนว่าอย่าบังอาจมาเข้าใกล้
ท่าทางของซูชิงฉือนั้นเฉยชาและสูงส่ง ขณะที่สตรีผู้นี้งดงามและเยือกเย็น แต่ไม่ว่ายังไงทั้งสองก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก และก็มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์
สตรีผมเงินไม่ได้มองดูใคร นางเดินตรงไปยังเสาวัดพลัง จากนั้นมณีเก้าสิบหกก่อนได้เปล่งแสงขึ้น
ทุกคนรอบด้านต่างพากันตกตะลึง
ท่าทีของศิษย์สํานักดาบราชันและราชวังบุปผาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งหยางเย่เองก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเช่นกัน สตรีผมเงินดูเหมือนจะไม่ได้กระทําสิ่งใด แต่พวกศิษย์จากสํานักอื่นเห็นการโจมตีนั้น ท่าที่พวกเขาจึงเปลี่ยนไปทันที เพราะมันเป็นเพียงเส้นผมเพียงเส้นเดียวที่ทําให้มณีเปล่งแสง…
ที่สําคัญที่สุดคือวิธีโจมตีของนางนั้นไร้เสียงและสัญญาณใด นี่เป็นสิ่งน่าสะพรึงอย่างมาก และหยางเย่เองก็รู้สึกกลัวเช่นกัน! ทันใดนั้นเขารู้สึกโชคดีขึ้นมาในใจ เขารู้สึกโชคดีที่ได้บ่มเพาะพลังกับผู้อาวุโสม่เมื่อหลายเดือนก่อน มิเช่นนั้นการเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ด้วยความแข็งแกร่งตอนนั้นคงเป็นไปไม่ได้!
เพียงแค่ผมเส้นเดียวของนางยังนางสะพรึงเพียงนี้… ผู้เข้าร่วมประลองจากสํานักดาบราชันถูกทําลายความมั่นใจเช่นกัน และท่าทีของซีตูหรงเองก็ไม่สู้ดีนัก ถึงแม้เขาจะใช้ความสามารถหรือไพ่ตายที่มีก็ไม่สามารถทําได้ถึงเก้าสิบหกก้อน! สิ่งนี้ทําให้ซีตุหรงที่แต่เดิมมีความมั่นใจมากมายคิด เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรายังอ่อนแอเกินไป?
การดูถูกและเย้ยหยันหายไปจากสายตาไชเฟิง และกลายเป็นท่าที่เคร่งขรึมแทน
หลังจากหินทั้งหมดเปล่งแสง สตรีผมเงินเดินกลับอยู่ข้างหลังปิงอวี่ ตั้งแต่มาถึงที่นี่นางยังไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คําเดียว นางมองไปยังเหวินเหรินเยว่ขณะกลับไปอยู่หลังปิงอรี่
การแสดงออกของเหวินเหรินเยว่ถูกปกปิดทั้งหมด แววตานางยังสงบและไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เมื่อสตรีผมเงินมองไปที่นาง นางเองก็มองกลับเช่นกัน จากนั้นได้ไปที่เสาตรงหน้าช้า ๆ
ทันใดนั้น ทุกคนรอบด้านได้หายจากอาการตกใจ พวกเขาไม่ทราบว่าสตรีผมเงิน โจมตีด้วยวิธีใด แต่พวกเขาทราบว่ามีอยู่เก้าสิบหกก้อนที่เปล่งแสงขึ้นเพราะนาง!
เก้าสิบหก! นั่นเป็นแต้มที่โรงเรียนปราชญ์ทําได้เมื่อปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้ราชวังบุปผาสามารถทําได้เช่นกัน ครั้งนี้ราชวังบุปผาจะแซงหน้าโรงเรียนปราชญ์ได้หรือไม่? ทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างพากันตื่นเต้นระหว่างการต่อสู้ของทั้งสองมหาอํานาจนี้!
เมื่อเหวินเหรินเยว่เดินไปที่เสา สายตาของทุกคนจ้องมองที่นาง เพราะพวกเขาเองก็ต้องการจะทราบว่าราชวังบุปผาจะทําได้เท่าไหร่
ขณะยืนอยู่ตรงหน้าเสา เหวินเหรินเยว่ยกมืออันงดงามขึ้น ทันใดนั้นกลีบดอกไม่ได้ก่อตัวขึ้นจากพลังปราณบนฝ่ามือ กลีบดอกไม้มีขนาดเท่าหัวแม่มือและสว่างสดใส จากนั้นกลีบดอกไม้ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มหมุนจนไม่เห็นเป็นรูปร่างอีก
“ไป!” เหวินเหรินเยว่พลิกนิ้วมือปล่อยแสงสีขาวยิงไปที่เสา
ซึ้ง!
เสียงที่คมจนบาดหูแหวกทะลอากาศไปตรงหน้า
ปิ้ง!
เสียงระเบิดดังขึ้น จากนั้นมณีทั้งเก้าสิบหกก้อนได้เปล่งแสง!
ขณะมองไปที่มณีเหล่านั้น ไชเฟิงถอนหายใจโล่งอกทันที ก่อนหน้านี้นางเองก็กังวลว่าเหวินเหรินเยว่จะพ่ายแพ้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนางจะต้องถูกปิงอวี่เย้ยหยันแน่นอน โชคดีที่นางไม่แพ้ แต่ก็ไม่ชนะเช่นกัน
ถึงแม้จะได้เก้าสิบหกก้อนเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอาการตกตะลึงเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะสตรีผมเงินได้โจมตีน่าตกตะลึงกว่า
“ฮ่า ๆ ! ช่างน่าตื่นเต้นนัก!” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดังขึ้นจากที่ห่างไกลออกไป ทุกคนหันไปมองตาม พวกเขาเห็นชายหนุ่มกาลังออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย
ชายหนุ่มผู้นั้นมีรูปลักษณ์หล่อเหลา สวมผ้าคลุมสีขาวที่มีรูปดวงจันทร์ และกำลังเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
“นั่นหยวนหัวจากโรงเรียนปราชญ์ที่อยู่อันดับสี่ของเทียบอันดับโรงเรียนปราชญ์ชั้นนอก!” ทันใดนั้นมู่หรงเหยาหันไปหาหยางเย่ “ตามข่าวลือ ยอดฝีมือขั้นปราณราชน ยังไม่ใช่คู่มือของเขา ยังมีข่าวลืออีกว่าเขาได้หนีรอดจากยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณได้ ข่าวลืออันแรกพอจะน่าเชื่อถือ แต่อันหลังนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทํากันได้ง่าย!”
“เจ้าเชื่อหรือไม่?” หยางเย่เอ่ย
มู่หรงเหยามองหยางเย่ “ข้าเชื่อในสิ่งที่ดวงตาเห็นเท่านั้น อีกไม่นานพวกเราก็จะทราบเองไม่ใช่หรือ?”
หยางเย่พยักหน้า
หยวนหัวเดินไปอยู่ตรงหน้าไชเฟิงและปิงอวี่ จากนั้นเขาประกบมือคารวะทั้งสอง “น้องหยวนหัวทักทายพี่หญิงทั้งสอง” ไม่มีใครทราบว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่ดูเหมือนหยวนหัวจะไม่ชายตามองอวี่เพิ่งจากสํานักดาบราชันแม้แต่น้อย
“เจ้าหนู โรงเรียนปราชญ์ส่งเจ้ามาคนเดียวงั้นหรือ?” ไชเฟิงกล่าว
“แน่นอนว่าไม่!” หยวนหัวยิ้มเล็กน้อย “พวกเรามีห้าคนจากโรงเรียนปราชญ์ ศิษย์พี่ทั้งสี่ของข้าได้เข้าไปในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้วผ่านค่ายกลแหล่งอื่น ศิษย์พี่ของข้าทราบว่ามีคนต้องการเห็นความแข็งแกร่งของโรงเรียนปราชญ์ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งข้าที่มีพลังระดับกลางมาแทน!”
“เจ้าหนู ราชวังบุปผา และราชวังหิมะทําได้เก้าสิบหกก้อนเวลานี้ เพื่อไม่ให้เสียชื่อของโรงเรียนปราชญ์ เจ้าควรเรียกศิษย์พี่ของเจ้ามาเสีย มิเช่นนั้นความสามรถระดับกลางของเจ้าอาจจะขายหน้าได้” ปิงอวี่กล่าวอย่างเย็นเยือก
“เก้าสิบหกก้อน ทําได้เยี่ยม ทั้งสองราชวังทําได้ดีกว่าปีแล้วเสียอีก!” หยวนหัวกล่าว “อย่างไรก็ตาม ข้าคงไม่ไปรบกวนพวกเขาเพียงเรื่องแค่นนี้หรอก ไม่งั้นข้าคงโดนตําหนิเป็นแน่”
“เช่นนั้นก็แสดงพลังของเจ้าเสีย” ปิงอวี่กล่าว
หยวนหัวพยักหน้าและไม่เปลืองลมหายใจอีก เขาเดินตรงไปยังเสาวัดพลัง จากนั้นยกฝ่ามือขึ้นตบลงไปที่เสา
ปัง!
หลังเสียงระเบิดสิ้นสุด มณีบนเสาได้เปล่งแสงขึ้นเก้าสิบแปดก้อน!
เสียงอึกทึกจากฝูงคนดังขึ้นขณะที่ศิษย์ของราชวังบุปผา ราชวังหิมะ และสํานักดาบราชันต่างพากันตกใจ
“ฮ่า ๆ ! “หยวนหัวคารามเสียงหัวเราะก่อนจะเดินเข้าเมืองไป และไม่นานเขาก็หายไปจากสายตาของทุกคน
“ช่างร้ายกาจนัก!” มู่หรงเหยากล่าวเสียงต่า นางมองไปที่เสาวัดพลัง
“เขาไม่ธรรมดาแน่นอน!” หยางเย่เห็นด้วย