มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 145
ตอนที่ 145 บาดเจ็บหนัก!
การเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดของดาบเร้นลับทําให้เฟิงอวี่หน้าซีดเผือด นางไม่มีเวลามาคิดให้มากมายก่อนจะเอนหลังหลบดาบที่ใกล้จะถึงคอ แต่ทันใดนั้นหมัดของหยางเยู่ได้กระแทกไปที่หน้าท้องนางเรียบร้อย
ปัง!
เฟิงอวี่ราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ฟาด เลือดไหลซึมออกจากปากขณะร่างของนางกระเด็นลอยไป ถึงแม้จะทราบว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของหยางเย่น่าสะพรึง แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เพราะมันคือหมัดธรรมดาไม่ใช่เคล็ดวิชาอะไรทั้งสิ้น
หยางเย่ไม่ให้โอกาสเฟิงอวี่ได้พักหายใจ ขณะที่นางกําลังลอยไป เขากระทืบเท้าพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้ดาบเร้นลับได้ถูกยิงออกไปราวกับสายฟ้า และมันตรงไปยังเฟิงอวี่ที่ยังไม่กระทบกับพื้น
เมื่อเขาอยู่ห่างจากนางหกเมตร หยางเย่ขยับมือขวาเรียกสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสองตัวออกมา สิ่งมีชีวิตมหึมาทั้งสองคือสีเงินและสีหมอก เขาไม่ต้องการเรียกทั้งสองออกมาในตอนแรก เพราะกลัวเฟิงอวี่จะวิ่งไปด้วยความกลัว เพราะหากยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณคิดจะหนี เช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อยที่จะหยุดยั้ง ถึงแม้ผู้นั้นจะบาดเจ็บหนักก็ตาม
พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือนขณะที่ราชันหมาป่าทั้งสองลงกระทบกับพื้น พวกมันเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะกระโดดตะครุบเฟิงอวี่
เมื่อเห็นราชันหมาป่าทั้งสองตัว ประกายแห่งความประหลาดใจและตกตะลึงปรากฏขึ้น มันคือสัตว์อสูรราชัน! ชายหนุ่มที่เป็นผู้ใช้พลังปราณขั้นปราณสวรรค์ไม่เพียงแต่จะมีเจตจํานงแห่งดาบในตํานานแล้ว เขายังมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับสัตว์อสูรราชัน และยังสามารถควบคุมสัตว์อสูรราชันได้ด้วย เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ไปแล้ว?
ผ่านไปชั่วครู่นางไม่มีเวลาคิดให้มาก เพราะการโจมตีของสัตว์อสูรราชันทั้งสอง และหยางเยได้มาถึงตรงหน้าแล้ว
หลบ?” นางสามารถหลบได้หากอยู่ในสถานะปกติ แต่ตอนนี้นางได้รับผลกระทบจากวิชายันต์ก่อนหน้านี้ ทั้งยังรับหมัดจากหยางเยโดยตรงถึงสองครั้ง ร่างของนางบาดเจ็บอย่างหนักทั้งภายนอกและภายใน มันทําให้ไม่สามารถหลบได้ทัน ยิ่งกว่านั้นหากนางหลบ หยางเย่ต้องตามไปอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสถานะที่ล่าบากกว่าตอนนี้แน่นอน
เมื่อไม่สามารถหลบได้ นางจึงต้องฝืนต่อสู้เท่านั้น!
เมื่อนึกได้เช่นนี้ แววตาที่มุ่งมั่นได้ปรากฏขึ้นก่อนจะตัดสินใจโจมตี นางเลิกลังเลพร้อมโคจรพลังปราณในร่างอย่างคลุ้มคลัง จากนั้นใช้มือประสานตรงหน้าอก ทันใดนั้นร่างของเฟิงอวี่หมุนราวกับกระแสน้ําวน ทําให้พลังงานจากสวรรค์และปฐพีไหลเข้าตัวนางอย่างไม่หยุดหย่อน
แขนขวาเฟิงอวี่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ดอกไม้เพลิงแดงก่อนจะมองหยางเยด้วยท่าที่ดุร้าย “ไอ้เด็กเวร! ตายเสีย!”
ทันทีที่กล่าวจบ แขนขวาของนางได้ทุบลงพื้นอย่างรุนแรง
ปัง!
แผ่นดินบริเวณนั้นสั่นไหวอย่างหนักจากจุดที่เฟิงอวี่ยืนอยู่ สัตว์อสูรทั้งสองที่อยู่ใกล้เฟิงอวีทรับแรงกระแทกจนกระเด็นลอยไป
และมันยังไม่จบ!
ทันใดนั้นคลื่นกระแทกของอากาศก็พุ่งออกก่อนจะเป็นเถาวัลย์เพลิงแดงโผล่ออกมาจากใต้ดิน จากนั้นมัน เข้าปกคลุมตัวเฟิงอวี่ ดอกไม้เพลิงที่ห่อหุ้มนางอยู่ถูกยิงไปทางหยางเย่
ปราณดอกไม้น่าสะพรึงอย่างยิ่ง ทุกที่และทุกสิ่งที่มันตัดผ่านกระจุยกระจายเป็นชิ้น เสียงตัดอาการระเบิดออกจนทะลุหู
“บัดซบ!” หยางเย่สบถในใจเมื่อเห็นเฟิงอวี่ใช่วิชา แม้กระทั่งราชันหมาป่าทั้งสองตัวยังไม่อาจต้านแรงคลื่นนั้นได้ เช่นนั้นเขาก็คงต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน แต่มันยังไม่จบ หลังจากคลื่นอากาศได้พัดกระจายหายไป ดอกไม้แปลกประหลาดที่ถูกยิงออกมานั้นยังทําให้หยางเย่ตกตะลึงไปอีก
ถึงแม้เขาจะตกตะลึง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ทําไมนะหรือ? เพราะเฟิงอวี่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ทั้งยังฝืนใช่วิชาขั้นสูง กล่าวคือนางกําลังจนมุมถึงกับไม่สนใจสิ่งอื่นและคิดจะสังหารเขาด้วยการโจมตีเดียว ดังนั้น หากเขาป้องกันการโจมตีนี้ได้ก็หมายความว่าเขาคือผู้ชนะ!
แต่จะป้องการวิชาของยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณได้ยัง? แม้กระทั่งพลังป้องกันของหมาป่าทั้งสองยังไม่อาจต้านทานได้ ดังนั้นมันจึงเป็นการโจมตีที่รุนแรงอย่างเห็นได้ชัด!
แต่หยางเย่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องป้องกัน พลังปราณดอกไม้ครั้งนี้หนาแน่นและรวดเร็วอย่างมาก เช่นเดียวกับเฟิงอวี่ เขาทําได้เพียงต้องป้องกันเท่านั้น!
หยางเย่สูดหายใจลึก ขณะที่เขากําลังจะใช้ร่างทางกายภาพป้องกันการโจมตีที่น่าสะพรึง มิงค์ม่วงได้ปรากฏตัวตรงหน้าหยางเย่ มันกะพริบตาก่อนจะขยับกรงเล็บ จากนั้นเกราะพลังสีม่วงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหยางเย่ เมื่อมันทราบว่ายังไม่พอมันขยับกรงเล็บอีกครั้งก่อนจะมีเกราะพลังปรากฏขึ้นอีกหลายชั้น…
ปัง!
ดอกไม้เพลิงแดงที่มาถึงได้กระทบกับเกราะพลังสีม่วงที่มิงค์ม่วงสร้าง เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ไม่นานดอกไม้และเกราะพลังสีม่วงได้กระจายหายไปในอากาศ แต่ยังมีดอกไม้เพลิงแดงจํานวนนับไม่ถ้วนอยู่ข้างหลัง…
มิงค์ม่วงกะพริบตาปริบก่อนจะขยับกรงเล็บอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นาน เกราะพลังสีม่วงนับยี่สิบชั้นปรากฏรอบตัวหยางเย่ และมันยังเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน…
ดอกไม้ทุกดอกระเบิดออกอย่างรุนแรง โชคดีที่สหายตัวจ้อยรวดเร็ว เกราะพลังมากมายจึงปรากฏขึ้นมากมายเช่นกัน
หยางเย่รู้สึกประทับใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เขาไม่คาดคิดว่าเกราะพลังของมิงค์ม่วงจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ และมันยังป้องกันวิชาของยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณได้ด้วย แต่ไม่นาน รอยยิ้มของหยางเย่ได้หายไปและเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแทน เพราะเขาสังเกตเห็นมิงค์ม่วงอยู่ในสถานะไม่ค่อยดีนัก
บางทีมันอาจเป็นเพราะเกราะพลังที่ถูกสร้างขึ้น ดวงตาของมันยังเผยประกายแห่ง
หยางเยรีบเตือนสติตนเองและเข้าไปกอดสหายตัวจ้อยอย่างรวดเร็วขณะที่มันสร้างเกราะพลัง “พอได้แล้ว รีบเข้าไปข้างในเถอะ!” น้ําเสียงของเขาฟังดูโต้เถียงไม่ได้
มิงค์ม่วงมองไปยังหยางเย่ จากนั้นมันมองไปยังเกราะพลังที่ระเบิดออกเป็นเสี่ยงก่อนจะเผยสีหน้ากังวลใจ
“อย่ากังวลไปเลย เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าร่างกายข้านั้นแข็งแกร่งกว่าหมาป่าทั้งสอง? ดอกไม้พวกนี้ทําไรข้า ไม่ได้หรอก! เร็วสิ รีบเข้าไปข้างใน! มิเช่นนั้นข้าจะโกรธนะ!” หยางเย่กล่าวด้วยน้ําเสียงสุภาพ
มิงค์ม่วงกะพริบตาก่อนจะพยักหน้า จากนั้นมันคลอเคลียกับใบหน้าหยางเย่ก่อนจะกลายเป็นแสงสีม่วงพุ่งเข้าไปในตัวเขา
ปิ้ง!
หลังจากมันเข้าไป เกราะพลังอันสุดท้ายได้ถูกระเบิดออกโดยดอกไม้เพลิงแดง หลังจากนั้น ดอกไม้ที่มีขนาดนั้นเท่าร่างมนุษย์ได้มาถึงตรงหน้าหยางเย่ เขาไม่สามารถหลบได้อีก ดังนั้นมันจึงกระทบกับหน้าอกหยางเย่โดยตรง
ปัง!
ร่างของหยางเย่ลอยกระเด็นไปไกล ใบหน้าซีดเผือดกลายเป็นเคร่งขรึมกลางอากาศจากการโดนแรง กระแทกของดอกเพลิงแดง มันทําให้หยางเย่ตระหนักได้ว่าไม่ควรรับมากกว่านี้ มิเช่นนั้นเขาอาจตายได้ เพราะหลังจากโดนดอกไม้เพลิงแดง มันทําให้เขารู้สึกว่ามีรอยแตกจํานวนมากปะทุขึ้น หากรับไปอีกสองถึงสามดอก หน้าอกเขาต้องระเบิดแน่นอน
หยางเย่ไม่กล้ารับดอกไม้เพลิงแดงพวกนี้อีก ด้วยการพลิกข้อมือ หีบดาบล้ําค่าที่ได้มาจากเปาเอ๋อก็ปรากฏขึ้น พลังปราณล้ําลึกได้โคจรเข้าไปยังสามสิบหกดาบก่อนจะถูกยิงออกไป
ทั้งสามสิบหกดาบยังไม่ได้โจมตีไปที่เฟิงอวี่ มันหมุนวนเป็นวงกลมภายใต้การควบคุมของหยางเย่
ปัง!
ดอกไม้จํานวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกส่งเสียงดังก้องไปทั่ว ดอกไม้จํานวนมากหายไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดาบของหยางเย่เองก็แตกเป็นเสี่ยง!
ทันใดนั้น เฟิงอวี่ที่ควบคุมดอกไม้อยู่ได้เผยใบหน้าซีดเผือดพร้อมเลือดที่ไหลซึมออกทางมุมปาก หากใช้วิชาขั้นสีดําระดับสูงตอนสถานะปกติคงไม่เป็นเช่นนี้ แต่นางกลับใช้ขณะบาดเจ็บหนัก ดังนั้นอาการบาดเจ็บจึงทวีคูณ แต่มันก็ยังไม่เป็นอะไรในความคิดของนาง เพราะมันยังจะพอต่อกรกับหยางเย่ได้!
ตอนนี้นางเข้าใจหลักการบางอย่างลึกซึ้งขึ้น ว่าไม่ควรประเมิณคู่ต่อสู้ต่ําเกินไป ถึงแม้คู่ต่อสู้จะเป็นเพียงมดปลวกก็ตาม
หากนางโจมตีตั้งแต่ต้นโดยไม่มัวแต่อวดดี เช่นนั้นหยางเย่คงไม่มีโอกาสมากถึงขนาดนี้ มันคือความเป็นจริง แม้หยางเย่จะมียันต์ที่น่าสะพรึงก็ตาม แต่สถานะปัจจุบันของนางตอนนี้นั้นเกิดจากการประมาททั้งหมด
เฟิงอวี่คิดในใจ แต่ทุกอย่างก็ยังพออยู่ในการควบคุม ไอ้หนูนั้นจะต้องแหลกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้วแน่นอน!