มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 131
ตอนที่ 131 ตามเจ้าไป!
รอยยิ้มแห่งความเย็นเยือกเผยผ่านมุมปากหยางเย่ เขาสะบัดมือส่งคัมภีร์ทั้งสองคืนให้หยินฉวนเอื้อพร้อมกล่าว “แม่นางหยิน ข้า หยางเย่ไม่คู่ควรกับเคล็ดวิชาทั้งสอง สําหรับข้อตกลงของเรา ข้าขอกลับคํา!”
หากก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่ามีความประทับใจเล็กน้อยกับสตรีตรงหน้า ตอนนี้หลังจากถูกเย้ยหยันจากนาง ความประทับใจนั้นหายไปหมดสิ้น
“ใจแคบนัก!” หยินฉวนเอ๋อมองไปที่หยางเย่ “ได้ ข้าขออภัยในสิ่งที่เอ่ยออกไปก่อนหน้านี้และข้ารับประกันว่าจะไม่ลงมือกับคนรักของเจ้าด้วย ตกลงหรือไม่?”
” ข้าไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น!” หยางเย่ส่ายหัวพร้อมเอ่ย “แม่นางหยิน ข้าคิดว่าพวกเราไม่เหมาะที่จะร่วมมือกันอย่างแท้จริง การบังคับร่วมมือกันอย่างไม่เต็มใจ มันจะทําให้เกิดปัญหาขัดแย้งกันในอนาคต”
อันที่จริงเขาไม่ได้มีความประทับใจต่อความงามนี้แม้แต่น้อย และก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะมีความสัมพันธ์ใดกับนาง
“ข้าขอโทษไปแล้ว เจ้าต้องการอะไรอีก?” หยินฉวนเอ๋อกล่าวอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ”มันจําเป็นไหมที่ชายอย่างเจ้าต้องมาเอาเรื่องกับสตรีอย่างข้า?”
หยางเย่ส่ายหัวก่อนจะกล่าวตามตรง ” ข้าไม่ต้องการสิ่งใดทั้งนั้น ข้าแค่ไม่ต้องการจะมีความสัมพันธ์ใดกับท่าน มันก็แค่นั้น”
หยินฉวนเอ๋อแสดงท่าที่เย็นเยือกก่อนจะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด ” ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ทันใดนั้นไข่มุกโลหิตมารได้ปรากฏบนมือหยางเย่ ทันทีที่มันถูกนําออกมา กลิ่นคาวเลือดได้คละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ขณะเดียวกัน ร่างของหยินฉวนเอ๋อที่กําลังจะโจมตีเข้ามาได้เผยประกายแห่ง ความกลัวออกมาทางดวงตา
“วัตถุเต่ําจําแลง!” หยินฉวนเอ๋อกล่าวเสียงต่ํา
ท่าที่ฉินเยว่เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นั่นคือความหวาดกลัวที่ได้เกิดขึ้นในจิตใจ นางไม่คาดคิดว่าหยางเย่จะมีวัตถุทมิฬที่น่าสะพรึงถึงเพียงนี้ ไม่ กล่าวให้ถูกคือมันเป็นวัตถุแห่งเต๋
ดวงตาหยางเยู่ปิดแน่นขณะที่ปล่อยท่าที่เจ็บปวดออกมา หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาค่อย ๆ เบิดตาขึ้นมองไข่มุกตรงหน้า เขาเข้าใจชัดเจนว่าเหตุใดซูชิงฉือถึงหวาดกลัวมันนัก ทันใดนั้นพลังมหาศาลอันน่ากลัวได้พุ่งเข้าสู่หัวของเขา โชคดีที่รีบใช้เจตจํานงแห่งดาบเพื่อต้านทานได้ทันมิเช่นนั้นแม้เขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียสติสัมไปแน่นอน
ขณะที่พยายามต้านทานพลังนั้นสุดกําลัง เขามองไปที่หยินฉวนเอ๋อพร้อมเอ่ย “แม่นางหยินพวกเราขัดแย้งกันและข้าได้ช่วยเจ้าก่อนหน้านี้ เช่นนั้นตอนนี้ก็ไม่จําเป็นต้องมีความขัดแย้งกันอีกและข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อท่าน ข้าแค่ไม่ต้องการร่วมมือกับแม่นางหยินเท่านั้น ตอนนี้ช่วยปล่อยพวกเราออกจากพื้นที่ตรงนี้ด้วย ข้าสามารถออกไปได้ด้วยตนเองหากท่านไม่ยอม!”
“เจ้าสัญญากับพระบิดาว่าจะดูแลข้า!” หยินฉวนเอ๋อกล่าวเสียงต่ํา
” แม่นางหยินได้โปรดเลิกล้อเล่นเสียที!” หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา “ด้วยความแข็งแกร่งของท่านยังจะต้องการคนอื่นมาดูแลอีกหรือ? ข้าเกรงว่าต้องเป็นแม่นางหยินต่างหากที่ต้องดูแลข้าเลิกสนทนาเรื่องนี้เสียที ปล่อยพวกเราไปได้แล้ว!”
ฉินเยวมองหยางเย่จากด้านข้างพลางนึกคิดในใจ ช่างเป็นคนที่น่าชื่นชมนัก เพียงเพราะคํากล่าวของนางตอนโกรธเกรี้ยว เขาถึงกับยอมสละคัมภีร์ขั้นปฐพีกับองครักษ์ขั้นปราณจิตวิญญาณได้เลยทีเดียวเราไม่ทราบจริง ๆ ว่าควรจะชมเขาว่าโง่หรือกล้าหาญ
“เจ้าเกลียดข้ามากจากคําที่ข้าเอ่ยไปงั้นหรือ?” หยินฉวนเอ๋อกล่าว “ในฐานะบุรุษ เจ้าไม่ควรน้อยใจเพียงเพราะเรื่องแค่นี้นะ?”
หยางเย่เก็บไข่มุกโลหิตมารไว้ก่อนจะกล่าว ” บอกตามตรงข้าไม่ได้มีความประทับใจในตัวแม่นางหยินแม้แต่น้อย แต่มันก็ไม่ถึงขั้นที่ข้าต้องยอมทิ้งเคล็ดวิชาขั้นปฐพี่ทั้งสองเล่มทิ้งเพราะวาจาไร้สติของท่าน เหตุผลนั้นง่ายมาก ข้าไม่ต้องการร่วมมือกับแม่นางหยิน ข้ารู้สึกว่าท่านคิดไม่ซื่อและต้องการเพียงจะหลอกใช้ข้าเท่านั้น! และที่สําคัญสุดข้าไม่ชอบความที่แม่นางหยินคิดว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่น!”
“เจ้าบอกว่าข้าคิดจะใช้งานเจ้า แต่เจ้าก็คิดจะใช้ประโยชน์จากข้าเช่นกันไม่ใช่หรือ?” หยินฉวนเอ๋อเอ่ยกลับ
หยางเย่ยิ้ม “หากแม่นางหยินไม่มีความคิดที่ชอบข่มผู้อื่น เช่นนั้นเราคงร่วมมือกันได้ เพราะพวกเราต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่กล่าวโดยแท้จริง ข้าไม่ต้องการเอาตนเองเข้าไปทรมานในการร่วมมือกับคนที่ข้าเกลียด ขออภัยที่ข้าตรงไปตรงมา แต่ข้าก็คิดว่าแม่นางหยินเองเกลียดข้าเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนั้นเหตุใดเราต้องเอาตนเองเข้าไปทุกข์ทนอีก?เราไม่ได้ต้องการจะช่วยเหลือกันและกันเพื่ออยู่รอดแม้แต่น้อย!”
ผ่านไปชั่วครู่หยินฉวนเอ๋อหัวเราะเย้ยหยันตนเอง ”ข้าไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกรังเกียจเข้าสักวันดีมันไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องสนทนากันอีก”
หลังจากกล่าวจบ นางโยนคัมภีร์ทั้งสองให้หยางเย่ “อย่าปฏิเสธมัน รับคัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้ไว้มันคือคําขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าก่อนหน้านี้ จากนี้ไปพวกเราไม่ติดหนี้อีก ตกลงหรือไม่?”
“แน่นอน!” หยางเยเก็บคัมภีร์ทั้งสองไว้ ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าไม่ควรรับมัน แต่ก็ได้เปลี่ยนความคิดเมื่อสตรีตรงหน้ากล่าวพวกเราจะไม่ติดหนี้บุญคุณกันอีก มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการได้ยินจากนางเพราะไม่ต้องการพบเจอนางอีก
ฉินที่เยว่ยืนยิ้มชื่นชมอยู่ด้านข้าง ชายนี้คนช่างน่าสนใจนัก”
หยินฉวนเอ๋อมองอย่างเย็นชาก่อนจะหยุดเสียเวลา ทันที่สะบัดมือ องครักษ์ทองคําทั้งสิบสองคนได้กลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าไปอยู่ใต้แขนเสื้อนาง
ผ่านไปชั่วครูหยางเย่เปิดตาขึ้นก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบ เขาสังเกตว่าได้กลับมาตรงโถงทางเดินเรียบร้อยแล้ว
หยางเย่สูดหายใจลึกก่อนจะมองไปที่หยินฉวนเอ๋อ ” แม่นางหลิน ไว้พบกันใหม่”
ขณะที่กล่าว ท่าที่หยางเย็ได้เปลี่ยนไปทันที เขาหันไปมองทางด้านขวา และฉินที่เยว่ไม่ได้อยู่ที่นี่
ดวงตาหยางเย่กระตุกก่อนจะหันไปมองหยินฉวนเอ๋อ “แม่นางหยิน มันหมายความว่าอะไร?”
“พวกเราไม่มีอะไรต่อกันแล้วไม่ใช่หรือ?” หยินฉวนเอ๋อมองไปที่หยางเยู่พร้อมเอ่ย “นี่มันเป็นเรื่องระหว่าข้ากับนาง เจ้าต้องการเข้ามาพัวพันหรือไง? อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าเพียงแค่มีไข่มุกหรอกนะ!”
“เจ้าทําอะไรกับช่เยว?” หยางเย่กําดาบในมือแน่น เสียงของเขาเต็มไปด้วยประกายเย็นเยือกฉินเยว่คือคนที่เขายอมรับให้เป็นสหาย และเขาไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับนาง
“แล้วจะทําไม?” ประกายเย็นเยือกปรากฏผ่านมุมปากหยินฉวนเอ๋อ ” ข้าจะสังหารนางแน่นอน จักรวรรดิต้าฉินของนางทําลายราชวงศ์ชางของข้า ดังนั้นจึงมีข้อขัดแย้งระหว่างเราแน่นอนเป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะไม่สังหารนาง อะไรนะ? เจ้าต้องการแก้แค้นให้นางงั้นหรือ? เจ้าควรคิดให้ดีนะหากลงมือกับข้า ข้าหยินฉวนเอ๋อจะไม่ออมมือให้แน่นอน!”
หยางเย่ตรวจสอบจิตวิญญาณของฉันช่เยว่ ทันใดนั้นเขาถอนหายใจออกมาทันทีเมื่อทราบว่านางยังปลอดภัย “แม่นางหยิน ข้าทราบว่าเจ้ายังไม่ได้สังหารชีเยว่ เช่นนั้นปล่อยนางไปเสีย หากเจ้าต้องการแก้แค้น เช่นนั้นทําไมไม่ไปเอาเรื่องกับจักรวรรดิต้าฉิน เพราะมันเป็นฝีมือของจักรวรรดิต้าฉันไม่ใช่นางที่ทําลายราชวงศ์ชาง!”
” แล้วมันแตกต่างกันยังไง?” หยินฉวนเอ๋อกล่าวอย่างเย็นชา ” นางเป็นองค์หญิงของจักรวรรดิต้าฉินถึงแม้สังหารนางไปก็ไม่ได้หายแค้นอะไร แต่มันก็ทําให้เจ้ากลับมาสนใจได้อยู่ดี เจ้าเองก็พูดจาดูสนิทสนมกันดี อย่างเช่นเรียกว่าเยว่ อะไรนะ? เจ้าชอบนางงั้นหรือ?”
หยางเย่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน “เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงเข้าใจยากนัก? หรือหัวของนางมีอะไร ผิดปกติขณะถูกผนึกอยู่ในโลงศพ?หรืออยู่ข้างในนั้นนานเกินไป? แต่ก็ดูเหมือนนางจะสบายดี…”
” แม่นางหยิน ว่ามา เจ้าต้องการอะไรถึงจะปล่อยนางไป!?” หยางเย่กล่าวเสียงต่ํา
ดวงตาหยินฉวนเอ๋อเปิดกว้าง “ให้ข้าเข้าไปในตัวเจ้า!”
“มาอยู่กับคนที่ไม่คู่ควรจะเอ่ยนามท่านงั้นหรือ?” หยางเย่กล่าวอย่างเย้ยหยัน “แม่นางหยินท่านไม่คิดว่าตนเองผิดบ้างหรือยังไง?”
“เลิกพล่ามเสียที่” หยินฉวนเอ๋อเผยรอยยิ้ม ” ข้าพลาดเองเพราะข้าอารมณ์ไม่ดีจึง เอ่ยเช่นนั้นออกไปหยุดหัวเสียกับเรื่องนี้ได้แล้วหรือยัง?”
“แม่นางหยิน กล่าวตามตรง ตันเถียนนวนของข้าดึงดูดทานขนาดนี้เชียวหรือ? เพราะมันทําให้องค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้องมายอมลดตัวถึงเพียงนี้” หยางเย่กล่าว
หยินฉวนเอ๋อชะงักรอยยิ้มไปก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา ”เจ้ามันก็เหมือนคนที่เพียบพร้อมมีอาหารกินตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าผู้หิวโหยเป็นยังไง ข้ายังยืนยันคําขอเดิม และจะปล่อยฉินเยว่ไปหากเจ้าให้ข้าไปด้วย อย่าคิดว่าจะสู้เด็ดขาด แม้เจ้าจะใช้ไข่มุกนั้น ข้าก็ยังมีหนทางที่จะเอาชนะเจ้าได้เจ้าน่าจะทราบดีว่าข้าไม่ได้โกหก!”
ทันใดนั้นแสงสีม่วงได้สว่างขึ้น ไม่นานมิงค์ม่วงได้ปรากฏตัวตรงหน้าหยางเย่
หยางเย่ชี้ไปยังมิงค์ม่วงและกล่าวออกมา ” หากข้าร่วมมือกับมันล่ะ?”
ประกายแห่งความกลัวปรากฏผ่านดวงตานางทันที่ที่เห็นมิงค์ม่วง ”เจ้าคิดจะสู้เอาเป็นเอาตายจริง ๆ สินะ?”
“สู้เอาเป็นเอาตาย?” รอยยิ้มเย็นเยือกเผยขึ้นบนใบมุมปากหยางเย่ “แม่นางหยิน ไม่ว่ายังไงข้ากับชีเยว่ก็เป็นคนที่ปล่อยเจ้าออกมา แต่เจ้ากลับทําเช่นนี้กับพวกเรางั้นหรือ? ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือไง?”
“ข้าแค่ต้องการจะไปกับเจ้า!”
” แค่นามท่านข้ายังไม่คู่ควรจะเรียกด้วยซ้ํา เช่นนั้นข้าจะคู่ควรให้ท่านไปได้ด้วยงั้นหรือ?”
” ท้ายที่สุดก็เป็นเพราะสิ่งที่ข้ากล่าวออกไปมันทําให้เจ้าเสียความภาคภูมิใจสินะ?”
” ท่านไม่ได้สําคัญกับข้าขนาดนั้น แค่เพียงคํากล่าวจะมาทําให้ข้าสูญเสียความภาคภูมิใจได้ยังไง!”
หยินฉวนเอ๋อเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นนางได้เอ่ยขึ้น “ถึงยังไงหากเจ้าสังหารข้า ข้าก็ไม่ปล่อยนางไปนอกจากเจ้าจะยอมให้ข้าไปด้วย”
” ท่านไม่ละอายใจเลยสินะ?”
“ไม่แม้แต่น้อย!”
หยางเย่ ” ”