มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 115
ตอนที่ 115 สามีอีกครั้ง
“ไม่หรอก!” สตรีชุดเงินยิ้ม “หากเจ้าร่วมมือกับข้า เช่นนั้นพวกเราก็สามารถทําให้หลานชายหยุดกระทําทุกสิ่ง หากสําเร็จ มันไม่ยากที่จะดึงเขาลงมาจากบัลลังก์! เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะต่อสู้เพื่อบัลลังก์!”
หยางเย่สายหัวปฏิเสธ “ข้ามีสิ่งที่ต้องทํา และไม่จําเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในวังหลวงของท่าน สําหรับหลานชายท่าน เขาต้องการทําอะไรก็ให้เขาทํา”
หยางเย่ต้องการแค่เพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ คว้าเหรียญตรา ของสวรรค์และทําข้อตกลงกับซูชิงฉือให้สําเร็จ สําหรับสิ่งอื่น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
สตรีชุดเงินถอนหายใจเมื่อได้ยินหยางเย่ปฏิเสธ ผ่านไปชั่วครู่นางจึงกล่าว “เจ้าจะไม่ลองไตร่ตรองดูอีกครั้งหรือ?”
เห็นได้ชัดว่านางยังไม่คิดยอมแพ้
หยางเยส่ายหัว อันที่จริงเขาเกือบจะเชื่อนางแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธ เพราะเหตุผลเดิมคือเขาไม่เชื่อสตรีผู้นี้
นางเติบโตมาในวังหลวง ดังนั้นความเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายของนางไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทัดเทียมได้
หากพวกเขาร่วมมือกัน และหากนางมีเจตนาอื่นหรือเปลี่ยนความคิด เช่นนั้นหยางเย่จะต้องถูกหักหลังอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้จะถูกไล่ล่าจากจักรวรรดิต้าฉิน หรืออาณาจักรสัตว์อสูร เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธ
“พี่หญิงเยว่ นั่นท่านจริงหรือ?” ขณะที่นางกําลังจะกล่าวบางอย่าง น้ําเสียงประหลาดใจได้ดังขึ้นมาจากด้านข้าง
เมื่อได้ยิน หยางเย่หันไปมองที่มาของเสียง เขาเห็นชายสองคน สตรีสองคนกําลังเดินเข้ามาทั้งสี่คนอายุราวยี่สิบปี ผู้ชายดูหล่อเหลา และสตรีเองก็งดงาม โดยเฉพาะสตรีทั้งสองถึงแม้รูปลักษณ์พวกนางไม่สามารถทัดเทียมได้กับสตรีชุดเงินด้านข้าง พวกนางก็มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดอย่างแปลกประหลาด
พวกเขาเดินตรงไปหาหยางเยู่และสตรีชุดเงินอย่างรวดเร็ว เมื่อชายทั้งสองเห็นรูปลักษณ์ของสตรีข้างหยางเย่ สีหน้าประหลาดใจถูกเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด ” พี่หญิงเยว่ ท่านมาทําอะไรที่ซากปรักหักพังราชวงศ์ชาง? หรือท่านมาเพื่อสุสานจักรพรรดิโจว?”
“ซี่เยว่?” หยางเย่มองไปที่สตรีชุดเงิน “นางมีนามว่าฉินเยวสินะ” เมื่อชายหนุ่มเรียกว่าพี่หญิงแสดงว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งของสถาบันจักรพรรดิ
”เจ้าคือ?” ชี้เยว่ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม เมื่อเขาทราบว่านางคือใคร เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเขาอยู่ในสถาบันจักรพรรดิ แต่นางกลับจําเขาไม่ได้
ประกายแห่งความหดหูปรากฏผ่านดวงตาชายหนุ่มเมื่อได้ยิน นางจําเราสินะ
เขาข่มความหดหูไว้ในใจก่อนจะแสดงรอยยิ้ม “ข้าจวินหลินผู้ที่เคยได้รับคําชี้แนะจากพี่หญิงในสถาบันไม่ทราบว่าพี่หญิงพอจะจําได้บ้างหรือไม่?”
ช่เยาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะแสดงท่าที่คิดออก ”เป็นเจ้านี่เอง ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะบรรลุไปถึงขั้นปราณสวรรค์ระดับหกแล้ว ไม่เลว นับว่าไม่ทําให้ข้าเปลืองลมหายใจ”
ชายหนุ่มแสดงท่าที่เคร่งขรึมก่อนจะโค้งคํานับฉินเยว่ จวินหลินจะไม่มีวันลืมความมีน้ํา ใจของท่านในวันนั้น”
ฉินเยว่เผยรอยยิ้ม “ไม่ต้องใส่ใจหรอก เจ้าน่าจะทราบดีที่ข้าแนะนําก็เพื่อส่วนหนึ่งของสถาบันตอนนี้เจ้าบรรลุขั้นพลังด้วยตนเองจากการฝึกฝนอย่างหนัก”
ชายหนุ่มนามจวินหลินยิ้มก่อนจะหยุดสนทนาเรื่องนี้ “พี่หญิงมาที่นี่เพื่อสุสานจักรพรรดิโจวงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้น พวกเราสามารถร่วมทางกันได้”
“สุสานจักรพรรดิโจว?” ฉินเยว่เอ่ยถาม ” มันคือสิ่งใดกัน”
หยางเย่มองไปยังชายนามจวินหลินอย่างสงสัยเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาสงสัยเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิโจว
” พี่หญิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อสุสารจักรพรรดิหรอกหรือ?” จวินหลินกล่าวอย่างประหลาดใจ
ฉินชี้เยวส่ายหัว ” สามีและข้ามาที่นี่ด้วยความบังเอิญ!”
“สามี!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งสี่ต่างตกตะลึงก่อนจะหันไปมองหยางเยู่ที่ยืนข้างฉันเยว่พวกเขาแสดงท่าที่แปลกประหลาดเมื่อสังเกตว่าหยางเย่อยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้าในอีกด้านหนึ่ง แววตาอํามหิตปรากฏผ่านดวงตาจวินหลิน แต่เขาก็ปกปิดมันได้อย่างดี
หยางเย่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน “นางต้องการจะทําอะไรอีก? หรือตั้งใจจะใช้คนพวกนี้ ดึงเราลงไปด้วยงั้นหรือ?”
เมื่อนึกได้เช่นนั้น ดวงตาหยางเย่หรี่เล็กลง นางคิดจะใช้ประโยชน์จากเราอีกแล้วสินะ”
ไม่นานจวินหลินฝืนยิ้มออกมา ”พี่หญิงแต่งงานแล้วงั้นหรือ?”
“ยังหรอก!” ฉินเยว่ยิ้มเล็กน้อย ” แต่มันจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากนี้”
หยางเย่หาได้คิดผิดไม่ ฉินเยว่คิดจะลากเขาเข้าไปด้วยให้ได้ เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทําให้นางและมารดามีชีวิตรอด ราชวงศ์จะไม่ยอมข่าวที่สมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักรสัตว์อสูรแพร่สะพัดไปได้ ดังนั้นถึงแม้นางจะรายงานยังไงกับหลานชาย นางกับมารดาก็ไม่สามารถรอดพ้นจากความตายได้ หรืออาจถูกส่งไปทรมานที่วังเนรเทศตลอดชีวิต ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง นางก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อนางมีข้อหาจากการหนีไปกับใครบางคน ราชวงศ์นั้นสนใจเกี่ยวกับศักดิ์ศรีมากกว่าสิ่งใด ดังนั้นไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยนางไป ดังนั้นเมื่อกลับไปยังจักรวรรดิต้าฉินผลลัพธ์ที่ต้องเจอคือหายนะเท่านั้น
เหตุผลที่นางต้องการดึงหยางเย่มาด้วยนั้น เพราะเขาสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ที่จะต้องเผชิญได้หากคนที่นางเลือกจะหนีด้วยเป็นแค่เศษขยะ เช่นนั้นจักรวรรดิต้าฉันจะต้องเสียหน้าอย่างมากแต่หากคนผู้นั้นเป็นอัจฉริยะ ผลลัพธ์มันก็จะต่างออกไป นอกจากจักรวรรดิจะไม่ลงโทษนางแต่อาจจะยกระดับนางแทนด้วยซ้ํา
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ท่าที่จวินหลินดูผ่อนคลายลง มันยังไม่เป็นอะไรหากนางยังไม่ได้แต่งงาน”
เขาหันไปสนทนากับหยางเย่ก่อนจะมองไปที่ดาบในมือ “น้องชายเป็นศิษย์สํานักดาบราชันงั้นหรือ?”
หยางเย่มองอย่างเย็นเยือกไปที่ฉินเยว่ก่อนจะสายหัว “ไม่ ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกฝนไร้สังกัด!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของพวกเขาจากสถาบันจักรพรรดิเปลี่ยนไปอีกครั้ง เป็นเพียงผู้ฝึกฝนไร้สังกัด และยังอยู่แค่ขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้า เหตุใดพี่หญิงถึงไปชอบคนที่มีความแข็งแกร่ งเพียงเท่านี้ได้”
ฉินเยว่เกาะแขนหยางเยู่พร้อมกล่าว “สามีของข้าเป็นเพียงผู้ฝึกฝนไร้สังกัด แต่พรสวรรค์ของเขานับว่าไม่เลว ข้าคิดจะแนะนําเขาเข้าสถาบันจักรพรรดิ ด้วยพรสวรรค์ของเขานั้นจะต้องสามารถได้ตําเหน่งที่ดีในนั้นได้แน่นอน!”
อันที่จริงนางไม่ได้อธิบายความสามารถของหยางเย่ นางมีจุดประสงค์เดียว และมันคือการให้คนของสถาบันจักรพรรดิบอกผู้อื่นว่า นางคิดจะนําชายผู้ที่ควบคุมสัตว์อสูรได้เข้าร่วมสถาบัน!
หยางเย่มองอย่างเย็นชาไปที่ฉินเยว่ หากสตรีผู้นี้ไม่อธิบบายเหตุผลที่ทําเช่นนั้น เขาจะต้องลงมือสังหารนางแน่นอน ถึงแม้พลังขั้นของนางจะสูงกว่าเขาถึงสองขั้นก็ตาม!
”เข้าร่วมสถาบันจักรพรรดิ?” ชายด้านข้างจวินหลินแสดงท่าที่ประหลาดใจก่อนจะกล่า วด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน“พี่หญิง สถาบันจักรพรรดิหาได้ใช่สถานที่ที่ผู้ใดจะเข้าก็ได้ สามี… สหายของท่านอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่เขายังไม่สามารถบรรลุขั้นปราณสวรรค์ได้พรสวรรค์เพียงเท่านี้อาจไม่เพียงพอที่จะเข้าสถาบัน!”
ฉันซี่เยว่หยุดยิ้มก่อนจะเปลี่ยนใบหน้าที่งดงามเป็นเย็นชาและดุดัน นางมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นพร้อมเอ่ยอย่างเย็นเยือก “เจ้ามีนามว่าอะไร?”
เปลือกตาจวินหลินกระตุกทันทีที่ได้ยินน้ําเสียงไม่เป็นมิตรของนาง เความแข็งแกร่งของนางไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อต้านได้แม้แต่น้อย เพราะนางอยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับแปดเมื่อหนึ่งปีก่อนดังนั้นจวินหลินจึงรีบตอบแทน “พี่หญิง เขาคือเฉินอวี่ สหายร่วมสถาบันของข้า ข้าคิดว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา…”
ฉินเยวสะบัดมือขัดจวินหลินก่อนจะมองไปที่ชายนามเฉินอวี่ “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ามีความมั่นใจอะไรขนาดนั้นที่มาบอกว่าสามีค่าไม่มีความสามารถพอ?”
การถูกหยามเกียรติโดยสตรีต่อหน้าสหายและคนที่ชื่นชอบ มันทําให้ใบหน้าเขากลายเป็นสีแดงจากความโกรธ เขากําหมัดแน่นแต่ก็หาได้กล้าโจมตีไม่ เพราะยังเกรงกลัวในความแข็งแกร่งของฉันช่เยว่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป็นกล่าวด้วยน้ําเสียงต่ํา ” พี่หญิง ข้าหาได้กล่าวเท็จไม่นอกจากนั้นเขายังไม่คู่ควร…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ท่าทีของเฉินอวีและจวินหลินเปลี่ยนไปในทันที เพราะพี่หญิงตรงหน้าพวกเขาได้โจมตีอย่างฉับพลัน
เพี้ยะ!
ร่างของฉินเยว่พุ่งไปอยู่ตรงหน้าเฉินอวี่ จากนั้นรอยมือแดงปรากฏบนใบหน้าของเขา
ฉินเยวดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือก่อนจะโยนทิ้งด้านข้าง นางมองไปที่เฉินอวี่ที่ตกตะลึง”สามีข้ามีคู่ควรกับข้าหรือไม่มันก็ไม่ใช่ธุระของเจ้า ข้าต้องใส่ใจกับความคิดเห็นเจ้างั้นหรือ? ไสหัวไปเดียวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไม่ตบเจ้าอีก แต่หัวของเจ้าจะลงไปกองอยู่บนพื้นแทน!”
จวินหลินมองไปที่ฉินเยวด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ “พี่หญิง ท่านอยู่ชั้นปราณราชันแล้วงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เปลือกตาเฉินอวกระตุก ทันทีที่หายจากอาการตกใจ ดวงตาเขาเผยถึงความกลัวและหวาดผวาออกมา
ฉินเยวสะบัดมืออีกครั้ง ” พวกเจ้าทุกคนไปได้แล้ว”
จวินหลินเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาเมื่อได้ยิน เขาไม่กล่าวสิ่งใดอีกนอกจากประกบมือคารวะนี่เยว่และมองไปที่หยางเย่ก่อนจะพาทั้งสามจากไป
เมื่อทั้งสี่จากไป หยางเย่หันไปมองฉินที่เยว่ “ข้าไม่ชอบถูกใช้ประโยชน์ อธิบายมาเดี๋ยวนี้ มิ เช่นนั้นพวกเราจะจบลงที่การต่อสู้!”