มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน (เฉินเกอรีรัน) - บทที่ 1313
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1313
“ช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่าพวกเธอจะพาฉันไปที่ไหน?” เจอรัลด์ถาม
“ฮึ! หุบปากของนายจะดีกว่า ถ้ารู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง ไอ้คนเลว! หากทุกอย่างราบรื่น และนายปฏิบัติตามคำสั่งของพี่เฟลอร์ทั้งหมด เรารับประกันว่านายจะไม่เป็นอะไร! แต่ถ้ามีบางอย่างผิดพลาดแล้วล่ะก็ นายอาจจะต้องตายก็ได้นะ!” เยนนี่เย้ยหยัน
ทันทีที่เธอพูดจบ บอดี้การ์ดสองคน ซึ่งเป็นคนของเยนนี่ ก็รีบเข้ามาจับตัวเจอรัลด์ทันทีที่ตาข่ายลดระดับลงมาจากต้นไม้ หลังจากมัดข้อมือและขาของเจอรัลด์อย่างแน่นหนาด้วยโซ่เหล็กแล้ว พวกเขาก็ผลักเขาเข้าไปในรถ
‘เด็กพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันต้องมาขอยาแล้วล่ะก็ ฉันคงจะทุบพวกมันจนเละไปแล้ว โทษฐานที่พวกมันหลอกฉันก่อนหน้านี้!’ เจอรัลด์คิดกับตัวเอง
แม้จะไม่พอใจ แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและทำตามสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ จากนั้นเจอรัลด์ก็เฝ้าสังเกตุการณ์ขณะที่ขบวนรถแล่นออกจากหุบเขาไป…
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอาคารขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนสนามกีฬา ที่ทางเข้าอาคาร จะเห็นรถหรูหลายคันรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ชายและหญิงที่แต่งตัวดูดีมีชาติตระกูลจำนวนหนึ่งกำลังเดินเข้าออกอาคารนั้นเช่นกัน
เมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดสองคนที่เยนนี่พามาด้วย เจอรัลด์ก็ถามเสียงแผ่วว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
“ฮึ มันคือโคลอสเซียมน่ะสิ! นายไม่เคยเห็นมาก่อน ใช่ไหมล่ะ? ก็ไม่น่าแปลกหรอก เพราะที่นี่มีเพียงเหล่านายน้อยจากสมาคมลับ หรือหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยระดับนานาชาติเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าออกได้! เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว นายควรจะดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่นะ!” บอดี้การ์ดตอบ
“… เข้าใจล่ะ นอกจากนี้แล้ว ฉันยังได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดว่าจะใช้ฉันไปเป็นเหยื่อล่อ… มันคืออะไรกัน?” เจอรัลด์ถาม ขณะที่เขาขมวดคิ้ว
ตระกูลลับที่ร่ำรวยบ้าบอน่ะสิ… เจอรัลด์เป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก! เขาเคยเห็นภาพเหล่านี้มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว!
“…ก็ หัวหน้าของแฟร์ลีห์วัลเลย์น่ะสิ เขาจับคนป่าเถื่อนมาได้คนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว และคนป่าเถื่อนคนนั้นก็แข็งแกร่งเกินไป รู้ไหมล่ะ? ในขณะที่เซมัส แฟร์ลีห์ ลูกชายของเจ้าของหุบเขาพาคนป่าเถื่อนมายังโคลอสเซียมได้สำเร็จ ความโหดเหี้ยมของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขาปราบอาจารย์ไปแล้วนับไม่ถ้วนในเดือนแรกที่เขามาอยู่ที่นี่!” บอดี้การ์ดตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อพูดถึงคนป่าเถื่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้ให้ความสนใจเจอรัลด์มากนัก
หลังจากนั้น เขาก็กล่าวต่ออีกว่า “และด้วยความแข็งแกร่งของเขา มันจึงค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาเชื่อฟังแต่โดยดี ด้วยเหตุนี้ นายน้อยแฟร์ลีห์จึงต้องคอยใช้เครื่องช๊อตไฟฟ้าช็อตเพื่อต้อนให้เขาเข้าไปในห้อง แต่น่าเสียดายที่พอเขาเข้าไปข้างในแล้ว คนป่าเถื่อนกลับไม่ยอมที่จะออกจากห้องนั้นอีกเลย! ตอนนี้เมื่อเรารู้แล้วว่าคนป่าเถื่อนเป็นมนุษย์กินคนกระหายเลือด เราจึงคิดที่จะใช้คนเป็นเหยื่อล่อเขาให้ออกมา! และเมื่อเขาออกมาจากห้องนั้นแล้ว เหล่าอาจารย์ยอดนักสู้จากหุบเขาของเราก็จะสามารถเอาชนะเขาได้ และเมื่อคนป่าเถื่อนพ่ายแพ้แล้ว เราก็จะได้รับสิทธิ์ในการนำตัวเขากลับไปยังหุบเขาของเราด้วย! แน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณหนูเฟลอร์ก็จะชนะเดิมพันเช่นกัน และนายน้อยแฟร์ลีห์จะต้องยอมเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ เมื่อใดก็ตามที่เขาเจอเธอหลังจากนั้น! ฮ่าฮ่า!”
ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพูดด้วยความตื่นเต้น เมื่อพวกเขานึกถึงการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง เจอรัลด์เองก็สามารถสรุปสาระสำคัญของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด
โดยพื้นฐานแล้ว เฟลอร์ได้เดิมพันกับนายน้อยแฟร์ลีห์ เพื่อจะจัดการกับคนป่าเถื่อนไร้พ่ายคนนั้นให้ได้ แต่ก่อนที่พวกเขาจะทำเช่นนั้นได้ พวกเขาจำเป็นต้องล่อให้เขาออกจากห้องนั้นให้ได้ก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาพาเจอรัลด์มาที่นี่ เมื่อเจอรัลด์หลอกล่อคนป่าเถื่อนได้สำเร็จ เฟลอร์ก็จะให้เหล่าอาจารย์ยอดนักสู้ประจำหุบเขาเข้าไปปราบเขา
หากสิ่งที่บอดี้การ์ดพูดเป็นความจริง เกี่ยวกับเรื่องที่คนป่าเถื่อนเป็นมนุษย์กินคนที่โหดเหี้ยม คนธรรมดาทั่วไปก็คงจะต้องถูกเขากินอย่างแน่นอน ช่างโหดร้ายเหลือเกิน!
เจอรัลด์ขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็ถามอย่างเย็นชา “พวกยอดนักสู้ที่นายพูดถึง… แน่ใจหรือว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะเขาได้?”
“… นายพูดอะไรของนาย? ฮึ่ม! ไอ้สารเลว! กล้าดียังไงถึงสงสัยในฝีมือของอาจารย์ยอดนักสู้จากคิงวัลเลย์! พวกเขาแต่ละคนได้รับการคัดเลือกอย่างดีจากนายหญิงของเรา รู้ไหม? นายกล้าดียังไงมาพูดจาดูถูกฝีมือของพวกเขาแบบนั้น!” บอดี้การ์ดตะคอก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ และบอดี้การ์ดสองคนก็ดึงเขาออกจากรถหลังจากนั้นไม่นาน
แน่นอน เฟลอร์เป็นคนที่เดินนำทุกคนเข้าไปข้างใน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มที่ย้อมผมสีขาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเฟลอร์ มือของเขาข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าไว้ จากนั้นเขาก็ยิ้มให้เธอก่อนจะพูดว่า “อยู่นี่เอง เฟลอร์! เรารอเธออยู่ตั้งนาน รู้ไหม?”
เมื่อมองไปที่เขา เฟลอร์ก็ตอบอย่างใจเย็นว่า “พอดีเรามีเรื่องต้องให้ล่าช้านิดหน่อยน่ะ!”