มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน (เฉินเกอรีรัน) - บทที่ 1193
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1193
อย่างไรก็ตาม เจอรัลด์ยังไม่คิดที่จะออกมาปกป้องตัวเอง อย่างน้อยก็ในตอนนี้
เห็นได้ชัดว่าสองพ่อลูกตระกูลกรอสกำลังใส่ร้ายป้ายสีเขา ในความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ เจอรัลด์จึงมีเหตุผลที่จะเชื่อว่า พวกเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องเด็กอนุบาลที่โดนทำร้ายเช่นกัน
ดูจากความเชี่ยวชาญ และความรวดเร็วในการสร้างเรื่องจัดฉากใส่ร้ายเขาแล้ว เจอรัลด์ก็สามารถบอกได้เลยว่า สองพ่อลูกคู่นี้ มีความถนัดในเรื่องการใช้แผนการที่เลวทราม และความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถหว่านล้อมพวกสไนเดอร์ให้กำจัดเจอรัลด์ได้ โดยใช้เวลาไม่นานนัก ก็เป็นข้อพิสูจน์ในสิ่งที่เขาคิดเอาไว้
“ใครก็ได้ ลากตัวเขาออกไป แล้วจัดการหักแขนหักขาของเขาซะ!” คุณสไนเดอร์พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
ไม่กี่วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดหลายคนก็ก้าวเข้ามา และเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับเจอรัลด์
แต่แล้วไรเลย์ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อนค่ะ! ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่! เขาไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้!”
ไรเลย์ค่อนข้างที่จะมั่นใจในเรื่องนี้ เพราะเธอและคุนดรี้เห็นมากับตาเมื่อวานว่า ชายคนนี้เป็นฮีโร่ที่ช่วยทวงความยุติธรรมให้ผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชอบลักขโมย หรือแม้แต่ทำร้ายเด็กเล็ก!
นอกจากนั้นแล้ว เธอและเจอรัลด์ได้แชร์โลเคชั่นให้กันตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้แผนการของพวกเขาราบรื่นขึ้น และเท่าที่เธอรู้ เจอรัลด์นั่งอยู่ที่ร้านโดมิโนไม่ไกลจากโรงแรมนี้เกือบตลอดเวลา
แล้วข้อกล่าวหาของพวกเขาจะเป็นความจริงได้อย่างไร? ไรเลย์ที่กำลังรู้สึกสับสน ค่อนข้างจะมั่นใจว่าพวกพ่อค้าแม่ค้ากำลังเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง
“…หืม? คุณดูจะมั่นใจมากเลยนะ คุณสมิท เป็นเพราะอะไรเหรอ?” ซียอนถาม ในขณะที่หันไปมองเธอ
“ใช่ ไรเลย์ ถ้าเธอไม่มั่นใจว่ากำลังพูดอะไรออกมา เธอก็เลิกพูดจาไร้สาระเถอะนะ!” สไนเดอร์พูด ในขณะที่หันไปมองหญิงสาวเช่นเดียวกัน
“ลูกกำลังทำอะไรน่ะ ไรเลย์?” คุณหญิงสมิทถามด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก
ก่อนหน้านั้น เธอได้ถามไรเลย์ไปแล้วว่า ทำไมถึงพาชายขี้แพ้คนนั้นเข้ามาในงาน เหตุการณ์นั้นทำให้เธอรู้สึกอับอายมากพอแล้ว แต่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกขายหน้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงแม้ไรเลย์อยากจะบอกทุกคน เรื่องที่เธอรู้ว่า เจอรัลด์อยู่ที่ไหนเมื่อเช้านี้มากเพียงใด แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เธอจึงพยายามใช้สมองของเธอครุ่นคิดหาทางออก จนในที่สุด เธอก็คิดอะไรบางอย่างออก
“…แล้วใครบอกล่ะ ว่าฉันไม่มั่นใจ? เขาไม่มีวันขโมยของของใครอย่างแน่นอน! และที่คุณยังสงสัยในตัวของเขา ก็เพราะว่าคุณยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนอย่างไรล่ะ ตวามจริงแล้ว พวกคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขามาทำอะไรที่นี่!” ไรเลย์ป่าวประกาศเสียงดัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็หยุดพูดและหันไปมองไรเลย์
“คืออย่างนี้นะ เขาเดินทางมาไกลถึงที่นี่ เพื่อที่จะนำจดหมายเชิญมาส่งให้พี่สาวของฉัน จดหมายนี้ถูกส่งมาจากทายาทมหาเศรษฐีของตระกูลหนึ่งในเมืองเมย์เบอร์รี่!” ไรเลย์พูด
ทุกคนนิ่งเงียบในทันที พวกเขารู้ดีว่า พวกเขาไม่ควรท้าทายคนจากตระกูลเมย์เบอร์รี่เป็นอันขาด
ในขณะเดียวกัน โนเอล สไนเดอร์ ผู้นำของตระกูล ก็ก้าวเท้ามาข้างหน้า ก่อนจะพูดว่า “ฮ่าฮ่า! เธอบอกว่า เขาเป็นตัวแทนจากทายาทของตระกูลในเมย์เบอร์รี่ เพื่อมาส่งจดหมายเชิญเหรอ? เขาดูไม่เหมือนคนรับใช้ของตระกูลในเมย์เบอร์รี่เสียด้วยซ้ำ! ฉันหมายถึง ดูชุดที่เขาใส่อยู่สิ! แต่ถึงแม้ว่าเราจะเชื่อว่าเขามาส่งจดหมายนั่นจริง แล้วทายาทมหาเศรษฐีของตระกูลในเมย์เบอร์รี่ผู้นั้นคือใครกัน?”
“ฮึ่ม! เขาก็ต้องแต่งกายด้วยชุดธรรมดาอยู่แล้ว ในเมื่อทายาทมหาเศรษฐีที่ส่งจดหมายฉบับนี้มา เป็นบุคคลลึกลับของตระกูลในเมย์เบอร์รี่ และเขาก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาให้ใครรู้!”
พอพูดจบ ไรเลย์ก็เอามือขึ้นมาเท้าเอวทั้งสองข้างของเธอ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “และทายาทมหาเศรษฐีที่ฉันพูดถึงก็คือ คุณคลอฟอร์ด จากเมย์เบอร์รี่!”
ทันทีที่ไรเลย์พูดจบ ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา! แม้กระทั่งพวกคนใหญ่คนโตที่ยืนอยู่บนแท่นยกสูง ก็ยังหันมามองไรเลย์ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ และไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมา
จากเรื่องราวที่เล่าต่อกันมา คุณคลอฟอร์ดเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล อีกทั้งยังเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เกือบครึ่งโลก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกลายเป็นทายาทมหาเศรษฐีผู้ลึกลับ และทรงเกียรติที่สุด
ผู้คนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ ต่างก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขามาแล้วทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอามาพูดจาล้อเล่นเช่นนี้
ทายาทมหาเศรษฐีของตระกูลในเมย์เบอรี่ ที่มีนามว่าคลอฟอร์ด ผู้ที่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา…ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอกำลังพูดถึงคุณคลอฟอร์ด คนเดียวกันกับคนที่ทุกคนกำลังนึกถึง
เมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่มีใครรับเรื่องนี้ไหวอีกต่อไป…