มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 29 พื้นทรายราบเรียบ หิมะปลิวงามวิจิตร
ด้านบนคือคันฉ่อง ด้านล่างคือกระบี่ รอบด้านมิได้ปิดผนึกแน่นหนาอะไรนัก แต่เปลวเพลิงที่น่ากลัวเหล่านั้นก็ยังยากที่จะมุดเข้ามาได้ ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือโลหะนำความร้อนได้ดีอย่างมาก เพียงไม่นานถงเหยียนก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกร้อนระอุที่แผ่ขึ้นมาจากใต้เท้า
เขานึกถึงพวกมดที่อยู่บนหม้อร้อนๆ ขึ้นมาทันที จากนั้นเหยียบอากาศทะยานขึ้นไปอย่างไม่ลังเล ใช้วิชาหลบหนีฟ้าดินของสำนักจงโจวทำให้ตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ
จิ๋งจิ่วรู้ว่านี่เป็นเพียงแค่การชะลอได้ชั่วคราวเท่านั้น กระทั่งตัวเขาก็ยังมิอาจทนอยู่ในเปลวเพลิงอันร้อนระอุของธงสุริยันได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นและกระบี่ หากเป็นแบบนี้ต่อไป กระบี่คมจักรวาลอาจจะหลอมละลายได้ทุกเมื่อ แต่แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นถงเหยียนจะต้องถูกเผาตายอย่างแน่นอน เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงเรียกจักจั่นเหมันต์ออกมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเอามันวางไว้บนหัวของตัวเอง ขณะเดียวกันมือขวาก็คว้าจับออกไปกลางอากาศ บนพื้นมีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ดินที่ถูกเผาจำนวนมากถูกเขาเก็บไปไว้ที่อื่น
ความรู้สึกเย็นยะเยือกจนเสียดกระดูกสายหนึ่งแผ่กระจายจากด้านบนลงไปยังด้านล่าง ปกคลุมตัวของเขาไว้คล้ายเสื้อคลุม ความเย็นที่เหลือลอยตกลงไปยังกระบี่คมจักรวาล จากนั้นก็แผ่กระจายออกอีกครั้ง ทำให้อุณหภูมิลดลงไปได้บ้าง
ถงเหยียนมองดูด้วงตัวเล็กสีขาวตัวนั้น รู้สึกค่อนข้างตกใจ ในใจครุ่นคิดว่านี่คือของวิเศษอะไร คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทานความร้อนที่มาจากธงสุริยันได้บ้าง?
จักจั่นเหมันต์เกาะอยู่บนศีรษะของจิ๋งจิ่ว รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ก่อนหน้านี้มันเกาะอยู่แต่บนศีรษะของหลิวอาต้า ส่วนหลิวอาต้าก็เกาะอยู่บนศีรษะของจิ๋งจิ่วอีกที อย่างน้อยก็มีอะไรมาคั่นกลางเอาไว้ชั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้เท่ากับว่ามันเกาะไปบนศีรษะของผู้เป็นนาย รู้สึกเหมือนไม่ค่อยเคารพเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านอยากจะให้ตัวเองทำอะไร? หรือว่าจะให้ข้าดับเปลวไฟน่ากลัวที่อยู่ด้านนอกพวกนั้น? แต่ข้าเป็นเพียงด้วงหิมะที่มีระดับชั้นต่ำที่สุดในแคว้นเสวี่ย ไหนเลยจะมีความสามารถเช่นนั้นได้?
ในขณะที่มันกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ภายในคันฉ่องฟ้ากระจ่างที่กำลังแบกรับการโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วนพลันมีเสียงของชิงเอ๋อร์ดังออกมา “ไม่ไหวแล้ว! ไม่ไหวแล้ว!”
ถงเหยียนมองจิ๋งจิ่ว ในใจคิดว่าไหนก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าคันฉ่องฟ้ากระจ่างค่อนข้างทนความร้อน? นี่เพิ่งจะผ่านไปได้ครู่เดียวเอง มันก็จะทนไม่ไหวแล้วหรือ?
จิ๋งจิ่งเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ในใจครุ่นคิดว่าจากการคำนวณของตน ความสามารถในการทนความร้อนของคันฉ่องฟ้ากระจ่างน่าจะเหนือกว่ากระบี่คมจักรวาล ตอนนี้กระบี่คมจักรวาลเพิ่งจะเริ่มกลายเป็นสีแดง ยังไม่ละลาย เหตุใดคันฉ่องฟ้ากระจ่างถึงทนไม่ไหวแล้ว?
ชิงเอ๋อร์ขยับปีกที่โปร่งใสของตัวเอง บินออกมาจากในคันฉ่องฟ้ากระจ่าง มองดูจักจั่นเหมันต์ที่อยู่บนหัวของจิ๋งจิ่ว ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมา กระโจนเข้าไปเหมือนกับผึ้งที่เห็นดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นนั่งลงบนหัวไหล่ของจิ๋งจิ่วแล้วกอดศีรษะของเขาเอาไว้พร้อมกับกอดจักจั่นเหมันต์เอาไว้ในอ้อมอก ในที่สุดก็รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตรงข้างหูของจิ๋งจิ่วว่า “หากยังไม่คิดหาวิธีอื่น ทุกคนได้ตายกันหมดแน่”
ได้ตายกันหมด ก็หมายความว่าคนที่ตายมิได้มีแค่คนเดียว
ภายในดินแดนแห่งความฝันของคันฉ่องฟ้ากระจ่าง ท้องฟ้าได้กลายเป็นสีแดงสลัว
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ทางใต้ของแคว้นฉู่เก่า คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางที่ผมขาวทั้งศีรษะกำลังกินข้าวอยู่ อากาศอันร้อนอบอ้าวทำให้เขาเหงื่อไหลไม่หยุด โจ๊กข้าวฟ่างที่ถูกน้ำในบ่อน้ำทำให้เย็นลงก็ไม่สามารถทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากอาหารได้
เขามองดูท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้าและแผ่ไอความร้อนลงมา ก่อนจะโยนชามข้าวลงพื้นจนแตกพลางตะโกนด่าเสียงดังว่า “แม่งเอ้ย! โลกนี้มันเป็นบ้าของมันวะเนี่ย?”
หลังจากโลกในคันฉ่องฟ้ากระจ่างถูกน้ำแข็งผนึกเอาไว้ คุณชายใหญ่ตระกูลจางเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา เขาย่อมต้องรู้ว่าโลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ อย่างเช่นเวลาที่เดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นนอกจากตัวเองแล้วไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย ลูกชายและเหล่าหลานสาวล้วนแต่นอนหลับอยู่ คนอื่นๆ ในหมู่บ้านต่างก็นอนหลับอยู่เช่นกัน กระทั่งภายในอำเภอก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แปลกประหลาดจนน่าขนลุก
นิสัยของเขาค่อนข้างคล้ายผู้เป็นบิดา ในช่วงเวลาที่สำคัญบางครั้งเขาจะค่อนข้างใจกล้า ไม่อย่างนั้นในอดีตเขาคงจะไม่กล้าลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้โดยไม่บอกพ่อของตัวเอง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เมื่อต้องมาอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เกรงว่าคงจะหวาดกลัวจนตายไปตั้งนานแล้ว แต่เขากลับใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่าวันปรับตัวเข้ากับมัน เพราะอย่างไรเสียภายในบ้านก็เก็บเสบียงเอาไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะอดตาย เพียงแต่การที่เขาต้องมาทำข้าวด้วยตัวเอง มันกลับทำให้เขารู้สึกเสียใจที่เมื่อก่อนนี้เคยติฝีมือการทำอาหารของลูกสะใภ้
ส่วนคนที่นอนหลับอยู่เหล่านั้นก็เหมือนว่าไม่ต้องกินอาหาร เขาคิดว่าคนเหล่านี้น่าจะค่อยๆ ตื่นขึ้นมา จึงไม่กังวลอะไร ทุกวันก็ไปหยิบปลาเค็มมาจากบ้านนั้นตัวหนึ่ง เด็ดผักมาจากบ้านนี้กำหนึ่ง แต่ในช่วงกลางวันของวันนี้ ทั่วทั้งโลกพลันร้อนระอุขึ้นมา เวลานี้เป็นช่วงเวลาตอนเย็นแล้ว แต่ท้องฟ้ายามค่ำคืนกลับยังไม่มาเยือนเสียที นี่ทำให้เขารู้สึกทนไม่ไหว
เขาถือเอาท่อนไม้เดินออกมาจากในบ้าน ปีนขึ้นไปบนเขาลูกเล็ก จากนั้นทอดตามองออกไป เสื้อผ้าถูกเขาถอดออกจนหมด บนร่างกายที่ผอมแห้งเต็มไปด้วยเหงื่อ
ต้นไม้แห้งเหี่ยวจนใกล้จะตาย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าน้ำในแม่น้ำคงต้องเหือดแห้งไปจนหมด แล้วคนที่กำลังนอนหลับอยู่เหล่านั้นล่ะ? หรือพวกเขาจะตื่นขึ้นมาไม่ทัน นอนร้อนตายไปทั้งแบบนั้น?
คุณชายใหญ่ตระกูลจางเหลียวหน้ากลับไปดูบ้านของตัวเองที่อยู่ตรงตีนเขา คิดถึงหลานสาวที่น่ารัก ริมฝีปากที่แห้งผากค่อยๆ สั่นขึ้นมา กล่าวพึมพำว่า “ฝ่าบาท หากพระองค์ยังไม่รีบจัดการ พวกกระหม่อมคงต้องตายกันหมดแน่”
……
……
ภายในส่วนลึกของใจแห่งเต๋าของจิ๋งจิ่งพลันมีเสียงกระดิ่งดังขึ้นมา
กระดิ่งของเซ่อเซ่อนั้นคืนให้กับนางไปตั้งนานแล้ว แล้วเสียงกระดิ่งนี้มาจากไหน?
หลังจากนั้น เขาก็คล้ายได้ยินเสียงคนพูดกับตัวเองประโยคหนึ่ง จึงพอจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา
คันฉ่องฟ้ากระจ่างยังสามารถทนธงสุริยันไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ในโลกนั้นกลับทนไม่ไหวแล้ว
นี่คลาดเคลื่อนไปจากการคาดการณ์ของเขา เขาจึงได้แต่ต้องปรับเปลี่ยนแผนการเล็กน้อย ใช้วิธีการนั้นออกมาล่วงหน้า ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย
เปลวเพลิงร่วงตกลงมาบนคันฉ่องฟ้ากระจ่างไม่หยุด ส่งเสียงดังทึบๆ และน่ากลัว ส่วนเปลวเพลิงที่ปะทุออกมาจากในรอยแตกบนพื้นดินก็พวยพุ่งขึ้นมา แผดเผากระบี่คมจักรวาลไม่หยุด ดูแล้วช่างน่าเป็นห่วงว่ามันจะกลับไปเป็นคบเพลิงเหมือนตอนที่อยู่ในที่ราบหิมะหรือเปล่า
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีดินทรายจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นมา ดินทรายส่วนใหญ่ตกลงบนคันฉ่องฟ้ากระจ่าง แล้วก็มีบางส่วนที่ตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง แต่แน่นอนว่าบางส่วนก็ตกลงไปบนกระบี่คมจักรวาล
กระบี่คมจักรวาลส่งเสียงดังซู่วๆ ขึ้นมา เกิดควันลอยขึ้นมาจำนวนมาก ตัวกระบี่ดูสลัวลงไปกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิลดลงไปไม่น้อย คันฉ่องฟ้ากระจ่างเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ชิงเอ๋อร์ตกใจ ในใจคิดว่าดินเหล่านี้มาจากไหน
ถงเหยียนคิดถึงท่าทางคว้าจับไปในอากาศของจิ๋งจิ่วก่อนหน้านี้ จึงมองไปยังหลุมขนาดใหญ่ที่อยู่บนพื้นหลุมนั้น ในใจคิดว่าหรือจะเป็นดินพวกนี้?
ตอนนั้นดินเหล่านั้นกำลังลุกไหม้อยู่ แต่เหตุใดในเวลานี้ไฟถึงดับไปหมดแล้ว อีกทั้งยังหนาวเย็นถึงเพียงนี้?
ด้านหน้าหน้าผาของภูเขาหิมะ หวังเสี่ยวหมิงรับรู้ผ่านทางธงสุริยันได้อย่างชัดเจนว่าทางด้านนั้นมีพลังที่เย็นยะเยือกเป็นอย่างมากสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา จึงตกใจเป็นอย่างมาก ในใจคิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เพราะว่าเพลิงของธงสุริยันนั้นร้อนระอุถึงขนาดที่ยากจะจินตนาการได้ แต่ความหนาวเย็นสายนั้นกลับทำให้เปลวเพลิงหายไปได้ไม่น้อย นั่นมันต้องหนาวเย็นขนาดไหนกัน?
เขาคิดไม่ออกเลยว่าบนโลกจะมีอะไรที่หนาวเย็นได้ขนาดนี้อีก ต่อให้เป็นกระบี่สามฉื่อของยอดเขาซั่งเต๋อก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้
……
……
อย่าว่าแต่กระบี่สามฉื่อของยอดเขาซั่งเต๋อเลย ต่อให้เป็นเส้นปราณเหมันต์ที่อยู่ใต้ยอดเขาซั่งเต๋อหรือกระทั่งยอดน้ำแข็งที่อยู่ในส่วนลึกของที่ราบหิมะก็ยังไม่หนาวเย็นเท่าความเย็นที่แอบซ่อนอยู่ในดินเหล่านั้น
จักรวาลคือสถานที่ที่หนาวเย็นที่สุดในโลก
จิ๋งจิ่วเอาดินที่ลุกไหม้เหล่านั้นส่งไปในจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นเพลิงสุริยันของธงสุริยันหรือว่าเพลิงอะไรอย่างอื่นก็ล้วนแต่จะต้องดับลงในพริบตา
หลังจากนั้น อุณหภูมิของดินก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจิ๋งจิ่วค่อยเอาดินเหล่านั้นกลับมา เพื่อใช้ลดอุณหภูมิให้แก่คันฉ่องฟ้ากระจ่างและกระบี่คมจักรวาล
หากเขาสามารถส่งสิ่งของไปยังจักรวาลได้ไม่จำกัด ธงสุริยันนั้นย่อมไม่มีความหมายใดๆ สำหรับเขา แต่นั่นไม่มีทางเป็นไปได้
เพราะหากเป็นแบบนั้น อย่าว่าแต่ธงสุริยันเลย ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือหรือของวิเศษใดๆ บนแผ่นดินเฉาเทียนก็ล้วนแต่ต้องสลายหายไปเพียงแค่เขาดีดนิ้ว
ถึงแม้การทำแบบนี้มันจะเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ แต่การเอามือใส่ลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบเงินออกมามันก็ต้องใช้เรี่ยวแรงเหมือนกัน แล้วนับประสาอะไรกับดินปริมาณมหาศาลขนาดนี้
ดินที่เย็นยะเยือกป้องกันเปลวเพลิงที่น่ากลัวเหล่านั้นเอาไว้ จากนั้นอุณหภูมิก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จิ๋งจิ่วรู้ว่าวิธีนี้มิอาจใช้ต่อไปได้ จึงกล่าวกับถงเหยียนว่า “ข้าจะไปฆ่าเขา”
ถงเหยียนกล่าว “กี่ส่วน?”
จิ๋งจิ่วคิดถึงไม้ตายก้นหีบอย่างลัญจกรแห่งจักรพรรดิหมิง ป้ายไม้ไผ่ กระบี่เซียนแห่งยมโลก ก่อนกล่าวว่า “สองส่วน”
ชิงเอ๋อร์กล่าวอย่างกังวลว่า “นั่นจะได้ยังไง?”
จิ๋งจิ่วกล่าวกับชิงเอ๋อร์ว่า “ข้าตายยาก หากข้าฆ่าเขาไม่ได้ ค่อยพาเจ้าหนีไป”
ชิงเอ๋อร์เคยเข้าไปในร่างกายของเขา เคยเห็นโลกที่มืดมิด ไร้ขอบเขตและเย็นยะเยือกแห่งนั้น จึงเดาได้ว่าเขาน่าจะมีวิธีพาคันฉ่องฟ้ากระจ่างหนีไป จากนั้นกล่าวว่า “เจ้าก็เก็บเขาเข้าไปด้วยสิ?”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “เขามีชีวิต”
ชิงเอ๋อร์กล่าวอย่างร้อนใจ “ข้าเองก็มีชีวิต”
“นั่นเป็นการมีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน”
จิ๋งจิ่วมองไปทางถงเหยียนพลางกล่าวว่า “เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียก็พูดให้นางฟังก่อน”
เมื่อพูดจบประโยคนี้ เขาก็ยื่นมือไปหยิบชิงเอ๋อร์ส่งให้ถงเหยียน จากนั้นหายตัวไป
จักจั่นเหมันต์อยู่ในอ้อมอกของชิงเอ๋อร์ มันมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว คิดในใจว่านายท่านเตรียมจะทิ้งตัวเองแล้วหรือ?
เมื่อไม่มีทรายที่เย็นยะเยือกมาใหม่ คันฉ่องฟ้ากระจ่างก็ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็กลายเป็นสีแดง หากเป็นแบบนี้ต่อไป มันอาจจะมีน้ำทองแดงไหลออกมาก็ได้ สถานการณ์ของกระบี่คมจักรวาลแย่ยิ่งว่า ตอนนี้มันเริ่มอ่อนยวบ ดูแล้วคล้ายกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่สิ เหมือนแป้งขนมเปี๊ยะ
ชิงเอ๋อร์เป็นร่างดวงจิต สถานการณ์ของนางค่อนข้างดีหน่อย แต่ถงเหยียนกลับไม่สามารถแบกรับความร้อนขนาดนี้ได้ เสื้อผ้าถูกเผาจนมีรอยไหม้ปรากฏขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน ผมเผ้าหงิกงอ บนปากและใบหน้ามีตุ่มน้ำปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ดูแล้วย่ำแย่เสียยิ่งกว่ากระบี่คมจักรวาลอีก
จักจั่นเหมันต์ปีนป่ายไปมาบนใบหน้าของถงเหยียน ด้วยคิดอยากจะช่วยเขาลดอุณหภูมิเพื่อหยุดความเจ็บปวด แต่ความจริงมันต่างหากที่สถานการณ์ย่ำแย่ที่สุด ร่างกายที่เป็นสีขาวเหมือนหิมะกลายเป็นสีแดงขึ้นมา ดูแล้วเหมือนกำลังจะสุก
“อดทนอีกหน่อย บางทีเขาอาจจะฆ่าอีกฝ่ายได้”
ชิงเอ๋อร์กระพือปีก บินหลบไปหลบมาอยู่ในเปลวเพลิง คอยให้กำลังใจถงเหยียนและจักจั่นเหมันต์ไม่หยุด
“ความเป็นไปได้หนึ่งส่วนมันน้อยเกินไป”
ถงเหยียนกล่าวกับชิงเอ๋อร์ “เก็บคันฉ่องฟ้ากระจ่างกลับมา ข้าจะพาเจ้าหนีไป”
จนกระทั่งตอนนี้ ชิงเอ๋อร์ถึงได้รู้ว่าที่แท้เขายังมีแผนสำรองอยู่ จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในใจคิดว่าคนที่เชี่ยวชาญการเล่นหมากล้อมอย่างพวกเจ้านี่เยือกเย็นน่ากลัวกันขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ
บอกว่าทิ้งก็ทิ้ง บอกว่าเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ก็เก็บซ่อนจนถึงท้ายที่สุด?
นางพลันเกิดความหวังขึ้นมา ระดับวิถีหมากล้อมของจิ๋งจิ่วเหนือกว่าถงเหยียน อย่างนั้นก็หมายความว่าเขาเองก็แอบซ่อนแผนการอะไรเอาไว้หรือเปล่า?
จักจั่นเหมันต์ได้ยินคำพูดของถงเหยียน จึงไม่รักษาอาการบาดเจ็บให้เขาอีก หากแต่กระโดดลงมาบนไหล่ของเขา ก่อนจะมองดูรูปปากของเขาอย่างตั้งใจ
นายท่านบอกว่ามีโอกาสสองส่วนชัดๆ เหตุใดคนผู้นี้กลับบอกว่ามีแค่หนึ่งส่วน นี่เขาดูถูกนายท่านอย่างนั้นหรือ หรือคิดว่านายท่านกำลังหลอกเขา?
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คนผู้นี้ก็หลอกนายท่าน เอาไว้นายท่านกลับมาแล้วจะต้องหาวิธีบอกนายท่านให้ได้
……
……
ทางภูเขาหิมะด้านนั้นมีโพรงอยู่แห่งหนึ่ง
นั่นคือโพรงที่เหลือทิ้งไว้หลังจากที่กระบี่คมจักรวาลถูกธงสุริยันกระแทกจนทะลุภูเขา
ด้านล่างโพรงนั้นคือหิมะไหลสายเล็กๆ หิมะไหลค่อยๆ ใหญ่ขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นเหมือนน้ำตกหิมะที่แข็งตัว
นั่นคือผลที่เกิดขึ้นจากหิมะถล่มเมื่อครู่นี้
เกือบทั่วทั้งตีนเขาถูกถล่มจนมิด
ทันใดนั้นเอง พื้นหิมะปูดนูนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ยกตัวขึ้นสูงขึ้น มองดูคล้ายตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่งที่ลุกขึ้นยืน
นั่นคือตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่ง
ตุ๊กตาหิมะตัวนั้นตัวเล็ก ร่างกายครึ่งล่างฝังอยู่ในหิมะ ดังนั้นจึงยิ่งดูตัวเล็ก
ตุ๊กตาหิมะตัวนั้นมีดวงตาสีดำสองข้าง นอกจากนี้แล้ว บนใบหน้าก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย มองไม่เห็นจมูก แล้วก็ไม่มีปาก
เป็นสีขาวโพลน สะอาดสะอ้าน
มันมองไปทางภูเขาด้านนั้น รับรู้ได้ถึงความร้อนที่อยู่ทางด้านนั้น ในดวงตาไม่มีอารมณ์ใดๆ แต่กลับมีพลังที่เย็นยะเยือกและน่ากลัวอย่างมากแผ่กระจายออกมา
…………………………………………………………….