มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 93 คุณชายแซ่หลี่ที่ดีดพิณให้ม้าฟัง (1)
คุณชายผู้นี้แซ่หลี่ บิดาของเขาคือเจ้าเมืองแห่งเมืองต้าหยวน เขาก็เท่ากับว่าเป็นองค์ชายของเมืองต้าหยวน
เนื่องเพราะที่บ้านเข้มงวดเป็นอย่างมาก รอบกายเขาจึงไม่ค่อยมีเพื่อนที่ทำตัวเหลวไหลเท่าไหร่ แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ยังคงมีการพบปะกันหลายครั้ง
เมื่อคืนนี้ เขาถูกเพื่อนคนหนึ่งเชิญไปกินเลี้ยง
เพื่อนคนนี้รู้ว่าหากอยู่ในเมือง เขาจะต้องไม่ยอมเหยียบเข้าไปในหอนางโลมอย่างแน่นอน จึงได้เลือกสถานที่เอาไว้ริมธารนอกเมือง
ที่นี่มีหออยู่หลายแห่งที่สุราอาหารและนารีล้วนแต่มีราคาแพง
คุณชายหลี่ไหนเลยจะเคยเจองานเลี้ยงเช่นนี้ นั่งอยู่ในงานคล้ายนั่งอยู่บนพรมตะปู หลังถูกจับกรอกเหล้าไป 3-4 จอกก็รู้สึกไม่อาจนั่งต่อไปได้ อาศัยข้ออ้างว่าจะไปปัสสาวะรีบหนีออกมา
หอนางโลมแห่งนี้อยู่ในภูเขา เวลากลางคืนมืดมิด ภายใต้ความตื่นตระหนกสับสนเขาจึงหลงทาง เดินเลียบลำธารมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงมาถึงริมบึงที่เต็มไปด้วยดอกบัวแห่งนี้
เขาไม่กล้าเดินสะเปะสะปะอีก นั่งกอดเข่าอยู่บนเนินอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
หลังเพื่อนของเขาผู้นั้นและคนที่อยู่ในหอนางโลมรู้ว่าเขาหายตัวไป ย่อมต้องร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่กลับไปค้นหาด้านนอกภูเขา ไหนเลยจะรู้ว่าเขาได้เดินเลียบลำธารขึ้นไป
ที่โชคดีก็คือริมน้ำในเวลานั้นมีคนอยู่สองคน
จิ๋งจิ่วย่อมไม่ถามเรื่องเหล่านี้ นี่ล้วนแต่เป็นเรื่องที่คุณชายหลี่เล่าออกมาด้วยตัวเอง
คุณชายหลี่เดินตามพวกเขากลับมาถึงสำนักแม่ชี เล่าเรื่องตนเองไม่หยุด หากระยะทางที่เดินกลับมาไกลกว่านี้อีกหน่อย เขาอาจจะเล่าเรื่องราวชีวิตของตนออกมาจนหมดก็เป็นได้
จิ๋งจิ่วและกั้วตงไม่ได้สนใจเขา เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั่งถูกแม่ชีชราขวางทางเอาไว้ เขาถึงได้หยุดพูดลง ก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
รุ่งเช้าวันที่สอง คุณชายหลี่มายังสำนักแม่ชีอีกครั้งหนึ่ง นำรถคันใหญ่มาด้วยสามสี่คัน ในรถเต็มไปด้วยของขวัญที่เตรียมเอาไว้พร้อม
เขาเดินทางมาเพื่อแสดงความขอบคุณและขอพบจิ๋งจิ่ว
คนที่เขาอยากพบจริงๆ ย่อมต้องเป็นแม่นางที่ดูอ่อนแอและเฉยชาในรถเข็นผู้นั้น แต่ไหนเลยจะขอเข้าพบนางตรงๆ ได้ นี่คือปัญหาเรื่องมารยาทพื้นฐาน
จิ๋งจิ่วไม่ได้พบเขา พูดให้ถูกก็คือแม่ชีชราไม่ได้แจ้งให้ทราบ
คุณชายหลี่เองก็ไม่ได้โกรธ เหลียวหน้ากลับไปมองของขวัญสามสี่คันรถ คิดในใจว่าตนเองเชยไปจริงๆ
หลายวันหลังจากนั้น ทุกวันคุณชายหลี่จะมาเยี่ยมที่สำนักแม่ชี
หลังจากถูกแม่ชีชราปฏิเสธ เขาจะยืนอยู่ที่ด้านนอกสำนักแม่ชีครึ่งชั่วยามแล้วค่อยจากไป ดูค่อนข้างมีการศึกษา แต่ก็ดูดื้อดึง
หากไม่มีฝนตกลมพัด ก็มีแดดแรง ด้านนอกสำนักชีในเวลากลางฤดูร้อน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนก็ล้วนแต่ไม่สบาย
คุณชายหลี่ดึงดันที่จะมา ย่อมต้องคิดอยากจะแสดงความจริงใจของตน ใช้ความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยวทำให้คนหวั่นไหว
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทั้งสองคนที่อยู่ในสำนักแม่ชีไม่มีทางถูกเรื่องแบบนี้ทำให้หวั่นไหว
ในวันที่ร้อนที่สุด คุณชายหลี่มิได้ปรากฏตัว แม่ชีชรารู้สึกแปลกใจ แล้วก็รู้สึกวางใจในที่สุด
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เขากลับมาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกสำนักแม่ชีอีกครั้ง
เขาไม่ได้ทำให้แม่ชีชรารู้ตัว ปลุกความกล้าเดินเข้าไปในสำนักชี ถูกม้าตัวใหญ่ที่อยู่บนพื้นหญ้าทำให้ตกใจ
ใครเอาม้ามาเลี้ยงปล่อยไว้เหมือนหมาเหมือนแมวแบบนี้?
คุณชายหลี่ส่งเสียง ‘ชู่ว’ ไปทางม้า ก่อนจะเดินไปทางด้านหน้าสะพานหิน
อีกด้านของสะพานมีหมอกบางๆ มองเห็นภาพไม่ชัดเจน แต่เขาเชื่อว่าแม่นางที่นั่งอยู่ในรถเข็นจะต้องอยู่ทางนั้น
เขาปลดเอาพิณลงมา นั่งขัดสมาธิลงไปกับพื้นแล้วเริ่มดีดพิณ
เสียงพิณลอยล่องขึ้นในท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนสายน้ำไหล
ในตอนแรกสุดเขารู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าแม่ชีชราจะมาไล่เขาไป แล้วก็กลัวว่าพี่ชายของแม่นางผู้นั้นจะมาตีตนเอง
เวลานี้เพิ่งจะเป็นช่วงหัวค่ำ แต่แม่นางคนนั้นร่างกายอ่อนแอ บางทีอาจจะนอนเร็วกว่าคนปกติ ตนเองใช้เสียงพิณมารบกวนอีกฝ่าย ถูกตีมันก็สมควร…
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เสียงพิณสับสนเล็กน้อย จากนั้นกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
แม่ชีชราไม่ได้ปรากฏตัว จิ๋งจิ่วเองก็ไม่ได้ออกมาตีเขา ภายในสำนักแม่ชีเงียบสงบ มีเพียงเสียงพิณ
จู่ๆ เสียงฝีเท้าม้าพลันดังขึ้นมา
ม้าตัวนั้นเดินเข้ามา มายืนฟังเสียงพิณอยู่ข้างกายเขา
คุณชายหลี่ไม่รู้สึกแย่ แต่กลับรู้สึกยินดี เสียงพิณมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เขาบรรเลงเพลงจบ ลุกขึ้นสะพายพิณ ทักทายม้าเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ในตอนที่เดินออกมาจากสำนักแม่ชี เขาไม่อาจสะกดอารมณ์ภายในใจเอาไว้ได้อีก ส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างดีใจ จากนั้นรีบเอามือปิดปากตัวเอง
หลายวันหลังจากนั้น คุณชายหลี่ก็ไม่ได้ไปยืนตากแดดตากฝนอยู่ด้านนอกสำนักแม่ชีอีก หากแต่แอบเข้ามาในสำนักแม่ชีหลังตกกลางคืน บรรเลงบทเพลงสักหลายเพลง
ไม่มีใครมาสนใจเขา มีเพียงแค่ม้าตัวนั้นที่ฟังอย่างเงียบๆ แต่เขาก็ยังมีความสุข
ขอเพียงเสียงพิณอยู่ที่นี่ อย่างไรนางก็ต้องได้ยิน
……
……
ปลายด้านนั้นของสะพานหิน หมอกบางไม่สลายหายไป
หน้าต่างทรงกลมในห้องภาวนา จิ๋งจิ่วและกั้วตงนั่งหันหน้าเข้าหากัน ฟังเสียงพิณอย่างเงียบๆ
จิ๋งจิ่วดีดพิณไม่เป็น
กั้วตงเคยได้ที่หนึ่งในการประลองวิถีพิณในงานชุมนุมเหมยฮุ่ย เแต่กลับดีดพิณไม่เป็นเช่นกัน
แต่พวกเขาฟังออกถึงเสียงพิณที่ดีและไม่ดี
เสียงพิณของคุณชายหลี่นั้นไม่เลว ใสสะอาดเป็นอย่างมาก
พวกเขาถึงได้ไม่ไล่คุณชายหลี่ไป
บทเพลงเมื่อครู่คือสายน้ำไหล
ที่กำลังดีดอยู่ในเวลานี้คือค่ำคืนมีความสุข
จิ๋งจิ่วรู้ว่านี่คือบทเพลงสุดท้ายของคืนนี้
วันเวลาไหลไปอย่างเงียบๆ ราวสายน้ำ
เมื่อมีเสียงพิณคลอเคลีย หน้าร้อนก็คล้ายไม่ได้ทุกข์ทรมานเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก อีกทั้งยังค่อยๆ เย็นสบาย เรียกได้ว่าเป็นค่ำคืนที่มีความสุข
ในคืนหนึ่ง เสียงพิณไม่ได้ปรากฏขึ้น
จิ๋งจิ่วและกั้วตงสบตากัน ไม่ได้พูดอะไร
……
……
หลายวันหลังจากนั้น เสียงพิณก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาอีก
คุณชายหลี่เองก็ไม่ได้มาที่สำนักแม่ชี
เมื่อหลายๆ เรื่องล้วนแต่หายไปหรือไม่ก็กำลังจะหายไป เราถึงจะรู้สึกว่ามันมีค่า
จิ๋งจิ่วไม่ได้รู้สึกว่าเสียงพิณนั้นมีค่าแต่อย่างใด แต่บางครั้งก็ยังคิดถึงขึ้นมา
เขาและกั้วตงยังคงนั่งบำเพ็ญเพียรอย่างเงียบๆ อยู่ในสำนักแม่ชี กระทั่งใบไม้ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างวงกลมเปลี่ยนเป็นสีแดงจนหมด
ฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปได้ไม่กี่วัน ในที่สุดก็มาถึงตอนที่ต้องจากลา
แม่ชีชรามิใช่ผู้บำเพ็ญพรต อายุขัยเหลืออยู่ไม่มาก ดูแล้วคล้ายเป็นการจากลาธรรมดา แต่ความจริงแล้วยากที่จะได้พบกันอีก
กั้วตงพูดคุยกับนางสองสามประโยค ก่อนจะเข็นรถเข็นออกไปจากสำนักแม่ชีด้วยตนเอง
แม่ชีชราดึงสายตากลับมา มองจิ๋งจิ่วพลางกล่าว “แม่นางตงดูเหมือนเป็นคนเย็นชา แต่ความจริงแล้วเป็นคนจิตใจอบอุ่น ขอท่านโปรดดูแลนางให้ดีด้วย”
จิ๋งจิ่วกล่าว “ข้าจะดูแลนางให้ดีแน่นอน”
แม่ชีชรากล่าวถามอีกว่า “แล้วของขวัญที่คุณชายหลี่ผู้นั้นทิ้งเอาไว้จะให้จัดการอย่างไรคะ”
“พวกท่านเก็บไว้ใช้เองก็แล้วกัน”
จิ๋งจิ่วกล่าวต่อว่า “ม้าตัวนั้นข้าจะเอาไป พวกท่านไม่ต้องเลี้ยงแล้ว”
แม่ชีชราคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา หยิบเอากล่องใบหนึ่งออกมาพลางกล่าวว่า “ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป ข้าเก็บเอาไว้ไม่ได้จริงๆ”
ภายในกล่องคือยาเม็ดหนึ่ง ส่งกลิ่นหอมจางๆ ออกมา นั่นคือยาวิเศษของผู้บำเพ็ญพรต
ยาเม็ดนี้มีค่ากว่าคนธรรมดาเสียอีก ต่อให้เป็นคุณชายหลี่ การจะหายาแบบนี้มาซักเม็ดก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก
ยาเม็ดนี้น่าจะเป็นเขาที่หามาให้กั้วตง
จิ๋งจิ่วไม่มีทางสนใจยาวิเศษระดับนี้ แล้วก็รู้ว่ายานี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อกั้วตง แต่ครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็รับมา
จากนั้นเขาแปลกใจเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ของเรือนเป่าซู่ที่อยู่บนกล่อง
ไม่รู้ว่าเจ้าเมืองแซ่หลี่ผู้นั้นรู้จักกับเจ้าแห่งเรือนเป่าซู่ หรือว่ามีการไปมาหาสู่กับตระกูลกู้กันแน่