มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 39 กู้ชิงที่โกรธเกรี้ยว
กู้ชิงคือน้องชายแท้ๆ ของกู้หาน และเป็นเด็กติดตามของกั้วหนานซาน
เขามิใช่เมล็ดพันธุ์แห่งเต่าแต่กำเนิด แต่พรสวรรค์ก็โดดเด่นอย่างมากเช่นกัน และเนื่องเพราะกู้หาน หลังเขาลืมตาดูโลกได้ไม่นานก็ถูกส่งตัวมายังยอดเขาเหลี่ยงว่าง หลายปีมานี้ติดตามร่ำเรียนกระบี่กับกั้วหนานซานมาโดยตลอด
ในบรรดาศิษย์ขั้นล้างกระบี่รุ่นใหม่ สภาวะและความสามารถของเขาไม่เป็นสองรองใคร ในสายตาของคนที่รู้จักยอดเขาเหลี่ยงว่าง เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าล่าเยวี่ยเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่หลายปีมานี้เขาอยู่แต่ในยอดเขาเหลี่ยงว่าง น้อยครั้งที่จะปรากฏตัวที่ธารสี่เจี้ยน ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา
กู้ชิงก้าวขึ้นไปบนก้อนหินที่อยู่ในลำธาร ก่อนจะหยุดฝีเท้าลง
เสียงพูดคุยบนหน้าผาและริมธารยังไม่หยุด หากแต่กลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชิงมิได้ก้าวต่อไปข้างหน้า
ตำแหน่งคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ก้อนหินที่เขายืนอยู่ อยู่ห่างจากตำแหน่งของจิ๋งจิ่วอยู่หลายสิบจ้าง
นี่หมายความว่าอย่างไร? ระยะห่างไกลขนาดนี้มันเกินกว่าระยะโจมตีของสภาวะขั้นตั้งมั่นไปแล้ว หรือกู้ชิงจะบรรลุเข้าสู่สภาวะสมความนึกคิดทั้งๆ ที่ยังเป็นศิษย์ขั้นล้างกระขี่? อีกทั้งมิใช่เพิ่งจะบรรลุ หากแต่มีความสามารถในการโจมตีของสภาวะสมความนึกคิดอย่างแท้จริง?
ต่างคนต่างตกตะลึง เวลานี้ทุกคนถึงได้รู้ว่ายอดเขาเหลี่ยงว่างแอบซ่อนชายหนุ่มอัจฉริยะที่สุดยอดเช่นนี้เอาไว้
สีหน้ากั้วหนานซานสงบนิ่ง
กู้ชิงเป็นเด็กติดตามของเขามาหลายปี อันที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาคล้ายครึ่งศิษย์ครึ่งอาจารย์ เขารู้ดีว่าความสามารถและสภาวะของกู้ชิงเป็นอย่างไร
เดิมเขาคิดจะใช้กู้ชิงมากำราบความฮึกเหิมของเจ้าล่าเยวี่ย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจิ๋งจิ่วกลับก้าวออกมาก่อน อีกทั้งกู้หานก็แสดงความต้องการนี้ออกมา
เขาทราบถึงความรู้สึกของกู้หาน จึ่งมิได้ห้ามปราม
ส่วนผลของการประลองกระบี่ครั้งนี้ ย่อมไม่มีอะไรผิดคาดแน่นอน
กู้หานจ้องมองจิ๋งจิ่วที่อยู่ด้านล่าง มุมปากมีรอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นมา
เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่เจอจิ๋งจิ่วครั้งแรกตรงด้านล่างยอดเขากระบี่ เขาก็รู้สึกมิชื่นชอบอีกฝ่าย เนื่องเพราะหลิ่วสือซุ่ย และเพราะเหตุผลอะไรบางอย่างที่อธิบายได้ไม่ชัดเจน
หม่าหวาหัวเราะหึหึพลางกล่าว “หยกมิเจียระไน ก็หาประโยชน์อันใดมิได้ หวังว่าในตอนที่ศิษย์น้องจิ๋งค้นพบเส้นทางที่ถูกต้อง เขาจะเข้าใจความหวังดีของศิษย์พี่”
……
……
ในงานชุมนุมเฉิงเจี้ยน เหล่าศิษย์สามารถแสดงความสามารถในการขี่กระบี่ที่ตนเองถนัดที่สุดออกมา แต่ในตอนที่มีคนมาขอท้าสู้ ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ปฏิเสธ
วิถีการฝึกกระบี่ของสำนักชิงซาน ดูแคลนการหลบหลีกการต่อสู้เช่นนี้ยิ่งนัก
ดังนั้นในตอนที่หลินอิงเหลียงออกมาท้าทายหลิ่วสือซุ่ย จึงไม่มีอาจารย์คนไหนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง หลิ่วสือซุ่ยเองก็ตอบรับคำท้าอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่ทุกคนต่างรู้ว่าจิ๋งจิ่วแตกต่างจากศิษย์ธรรมดาทั่วไป ใครจะรู้บ้างว่าคนเกียจคร้านอย่างเขาจะแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างไร
ศิษย์ที่มาจากศาลาหนานซงอย่างเซวียหย่งเกอและศิษย์น้องอวี้ชิงเองก็เหมือนกัน ศิษย์หลายๆ คนต่างกำลังคิดว่าเขาจะพูดอะไรแปลกประหลาดอย่าง ‘ข้าไม่สู้กับเจ้า’ ออกมาหรือเปล่า
สาเหตุที่เหล่าลูกศิษย์คิดเช่นนี้ นอกจากเป็นเพราะนิสัยของจิ๋งจิ่วแล้ว ยังเป็นเพราะมองไม่เห็นความหวังที่จิ๋งจิ่วจะเอาชนะได้แม้แต่น้อย
ต่อให้จิ๋งจิ่วบรรลุสภาวะขั้นตั้งมั่นจนบริบูรณ์ แล้วจะไปเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เป็นอัจฉริยะที่บรรลุสภาวะขั้นสมความนึกคิดไปก่อนล่วงหน้าได้อย่างไร?
ระยะห่างหลายสิบจ้าง กระบี่ของเจ้ามิอาจแตะต้องได้แม้กระทั่งร่างกายของอีกฝ่าย แล้วจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ในเมื่อต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เช่นนั้นการยอมแพ้ย่อมต้องเป็นทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ แม้นจะขายหน้าก็ตาม
“เชิญ”
กู้ชิงประกบสองมือคาระ กระบี่บินพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า ทำการคำนับกระบี่
จิ๋งจิ่วกล่าว “ได้”
เขามิได้ยอมแพ้
บริเวณหน้าผาและริมลำธารตกอยู่ในความวุ่นวายเล็กน้อย
มีคนรู้สึกน่าเสียดาย มีคนรู้สึกพึงพอใจ และมีคนถอนใจ
มีหลายคนคิดว่าภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ คงต้องน่าอับอายยิ่งนัก
ศิษย์น้องอวี้ชิงเอามือกุมใบหน้า ชายหนุ่มแซ่หยวนของจังหวัดเล่อหลางกล่าวปลอบโยนนางด้วยเสียงแผ่วเบา
“นี่คือการขัดเกลาที่ว่าอย่างนั้นหรือ? หรือพวกเจ้าเพียงแค่ต้องการทำให้เขาอับอาย?”
เจ้าล่าเยวี่ยเงยหน้ามองบนหน้าผา
เหล่าลูกศิษย์ของยอดเขาเหลี่ยงว่างยืนอยู่ตรงนั้น
นางย่อมต้องคิดถึงตอนที่สู้กับอาจารย์อาจั่วแห่งยอดเขาปี้หูในชั้นเมฆบนยอดเขากระบี่คืนนั้น
ความแตกต่างของสภาวะมิอาจชดเชยได้ด้วยพรสวรรค์และวิธีการ
ต่อให้จิ๋งจิ่วแอบซ่อนอาวุธวิเศษที่สามารถปกป้องคุ้มครองร่างกายได้เอาไว้เหมือนอย่างนาง แต่เขาจะใช้มันออกมาต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นหากคืนนั้นไม่มีความช่วยเหลือของจิ๋งจิ่ว นางคงจะตายภายใต้คมกระบี่ของอาจารย์อาจั่วไปแล้ว
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ กู้ชิงพลันชิงลงมือ
ก็เหมือนกับลูกศิษย์ที่ออกมาแสดงฝีมือก่อนหน้านี้ การออกกระบี่ของเขาเรียบง่ายยิ่งนัก
ในระหว่างที่แขนเสื้อโบกสะบัด ลำแสงกระบี่ปรากฏออกมา จากนั้นพลันหยุดชะงัก
บนผิวน้ำมีเส้นสีเทาปรากฏขึ้นมาเส้นหนึ่ง
กระบี่บินที่ดูมีความเก่าแก่เล่มนั้น แค่พริบตาก็พุ่งออกไปหลายสิบจ้าง ความเร็วและพลังมิได้ลดน้อยลง มันพุ่งตรงไปยังใบหน้าของจิ๋งจิ่ว
ดวงตาของเจ้าล่าเยวี่ยหดเล็กลง
กู้ชิงมิเพียงแต่จะบรรลุเข้าสู่ขั้นสมความนึกคิด แต่ยังบรรลุจนใกล้จะบริบูรณ์แล้วด้วย ใกล้เคียงกับสภาวะที่แท้จริงของนาง
ในตอนที่กระบี่บินของกู้ชิงมาถึงด้านหน้าของจิ๋งจิ่ว เขายังคงมิขยับ ดูคล้ายตกใจกลัวจนเลอะเลือน
นี่ย่อมมิใช่เหตุผลที่แท้จริง ทุกคนต่างรู้ดี นั่นเป็นเพราะกระบี่ของกู้ชิงรวดเร็วเกินไป รวดเร็วจนลูกศิษย์ธรรมดามิสามารถทำการตอบโต้ใดๆ ออกมาได้
หลังจากนั้น กระบี่บินเล่มนั้นจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าจิ๋งจิ่ว ห่างจากหว่างคิ้วเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
กู้ชิงกล่าวว่าขอบคุณที่ออมมือด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผลแพ้ชนะถูกตัดสิน
ทุกคนต่างคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้
แต่ภาพนี้ก็หาได้เกิดขึ้นไม่
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาบนผิวน้ำ ก่อนจะแผ่กระจายออกไปโดยรอบ
เสียงนั้นทั้งดัง ทั้งชัดเจน
สายลมกวาดผ่านผิวลำธาร
เส้นสีเทาพลันหยุดชะงัก
กระบี่บินเล่มนั้นเอนเอียงลงไปด้านล่าง ร่วงหล่นลงไปในลำธาร ผิวน้ำแตกกระจาย
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
สายตาตกตะลึงจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปยังจิ๋งจิ่ว
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จิ๋งจิ่วยืนอยู่บนก้อนหินในลำธาร คล้ายมิได้ขยับเขยื้อนเลยแม้เพียงน้อย
เขายกกระบี่ขึ้นมาอย่างสบายๆ คล้ายนายพรานที่ถือไม้กระบอง กำลังมองหาไก่ป่าที่อยู่ในป่า
ในตอนที่กระบี่บินของกู้ชิงมาถึงตรงหน้า เขาก็แค่เหวี่ยงกระบี่ขึ้นมาเช่นนี้ ก่อนจะหวดลงไป
กระบี่เล่มนั้นถูกกระบี่ของเขาฟันใส่ คล้ายไก่ป่าที่ถูกหวดด้วยไม้กระบอง ก่อนจะตกลงไปในลำธารโดยมิทันได้ส่งเสียงอะไร
ทุกอย่างเงียบสงัด เสียงสายน้ำดังชัดเจน
กู้ชิงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงโลหิตในร่างกายของตนกำลังไหลเวียนอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกสุด เขามิค่อยแน่ใจนักว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตน
จนกระทั่งเขามองเห็นกระบี่ที่คุ้นตาเล่มนั้นนอนอยู่ในลำธาร
ใบหน้าเขาร้อนผ่าว สีหน้ากลับขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนลึกของดวงตาคล้ายมีเปลวไฟเริ่มลุกโชน
เขาเงยหน้ามองจิ๋งจิ่วอย่างรวดเร็ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความโกรธแค้น จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น
“อ๊ากกก!”
เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้น กระบี่ที่อยู่ในลำธารเล่มนั้นบินขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ ความเร็วของกระบี่เร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด พลังทำลายเองก็น่าตกใจยิ่งนัก
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือหยดน้ำที่เกาะอยู่บนตัวกระบี่ยังมิทันได้ไหลลงมาก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นไอน้ำเสียแล้ว ในเวลานี้กระบี่เล่มนี้ร้อนแรงเพียงใด มิต้องบอกก็คงทราบได้
ในตอนที่กระบี่บินมาถึงกลางลำธาร ตัวกระบี่พลันลุกไหม้ขึ้นมา!
เปลวเพลิงสายหนึ่งส่องสว่างหน้าผา พุ่งตรงเข้าไปหาจิ๋งจิ่ว ดูน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
……
……
“กระบี่สุริยัน!”
“ทำไมเขาถึงใช้เพลงกระบี่นี้ได้!”
บริเวณหน้าผามีเสียงอุทานตกใจดังขึ้นมานับไม่ถ้วน
มหาบรรพตที่ดวงสุริยามิอาจข้ามผ่าน!
เพลงกระบี่ที่กู้ชิงใช้เห็นได้ชัดว่าเพลงกระบี่ของยอดเขาซื่อเยวี่ย
ผู้คนพากันตกตะลึง
ผู้อาวุโสที่เป็นผู้ดำเนินงานชุมนุมผู้นั้นสีหน้าดูแย่ขึ้นมา
ลูกศิษย์ของยอดเขาเหลี่ยงว่างสามารถเรียนเพลงกระบี่ของเก้ายอดเขาได้ตามใจชอบ กู้ชิงอาศัยอยู่ยอดเขาเหลี่ยงว่างมาตั้งแต่เด็ก การที่เขาเรียนเพลงกระบี่สุริยันจึงมิใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนนี้กู้ชิงยังเป็นเพียงศิษย์ขั้นล้างกระบี่ ยอดเขาเหลี่ยงว่างแอบถ่ายทอดเพลงกระบี่ของเก้ายอดเขาให้เขาล่วงหน้า นี่มิใช่เรื่องที่สมควรจะเอามาแสดงให้ทุกคนเห็น
สำหรับลูกศิษย์ธรรมดาที่ไม่มีพื้นภูมิหลังเหล่านั้น นี่มันไม่ยุติธรรม
ครั้นเห็นกู้ชิงใช้เคล็ดกระบี่สุริยันของยอดเขาซื่อเยวี่ยออกมา หลายๆ คนบนหน้าผารู้สึกไม่พอใจ
แต่พวกเขาก็รู้ว่าเหตุใดกู้ชิงจึงย่อมเสี่ยงเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมา แม้นหลังจากนี้อาจต้องถูกลงโทษก็ตาม
เพราะเวลานี้เขาโกรธอย่างมาก คิดเพียงแต่จะใช้วิธีที่ง่ายดายที่สุดมาเอาชนะจิ๋งจิ่ว
ในการปะทะครั้งก่อนหน้า เขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
แม้นจะเป็นเพราะประมาทศัตรู แต่กระบี่สุดรักของตนถูกศิษย์ร่วมสำนักที่มีสภาวะต่ำต้อยผู้หนึ่งใช้วิธีที่สุดแสนจะหยาบกระด้างและไร้ซึ่งความงดงามมาเอาชนะ…ใครจะสามารถทนได้?
กระบี่ที่ลุกไหม้ทะยานเข้าไปหาจิ๋งจิ่วราวกับมังกรไฟที่น่าหวาดกลัว
เมื่อเห็นภาพนี้ เจ้าล่าเยวี่ยครุ่นคิดในใจหากตนเองไม่คิดอยากหลบคมกระบี่ ก็มีแต่ต้องอาศัยใจแห่งกระบี่ชิงลงมือเสียก่อน
นางรู้ดีว่าจิ๋งจิ่วมิได้แอบซ่อนสภาวะเอาไว้ จึงไม่สามารถพยายามทำการโจมตีกลับอย่างไม่คาดคิดเหมือนอย่างนางได้ แต่นางก็มิได้กังวลใจ มิรู้เป็นเพราะสิ่งที่เจอในคืนนั้นหรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น แต่นางรู้สึกเชื่อใจในตัวบุรุษชุดขาวผู้นี้ยิ่งนัก นางรู้สึกว่าเขาจะต้องมีวิธีรับมืออย่างแน่นอน
เวลานี้สีหน้าจิ๋งจิ่วจริงจังขึ้นมานิดหน่อย
…………………………………………..