ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 5 ตัวแทนคนรัก (5)
ลั่วชูชูตื่นเต้นอย่างมาก เมื่อเซียวจิ่งมั่วในชุดทักซิโด้หางยาวสีดำกุมมือเธอไว้ ในวินาทีที่เดินออกจากประตูห้องนั้น ฝ่ามือของลั่วชูชูก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ชูชู ไม่ต้องตื่นเต้น ฉันอยู่ที่นี่”
เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ่งมั่วฟังดูอบอุ่น ทำให้จิตใจที่ประหม่าของลั่วชูชูกลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่ชั้นล่างมีแขกเหรื่อยืนเต็มทั้งห้องแล้ว เมื่อแสงไฟสาดส่องลงบนหน้าของเซียวจิ่งมั่ว แสงสว่างนวลส่องกระทบลงบนใบหน้าคมขำของเขา ราวกับองค์ชายที่เดินออกมาจากปราสาท เขาจูงมือลั่วชูชูค่อยๆ เดินลงไปบนบันไดวนช้าๆ ด้วยจังหวะก้าวอันสง่างาม
คืนนี้ลั่วชูชูสวมชุดพิธีการสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง เส้นผมดำขลับทั้งศีรษะม้วนมวยขึ้นดูสะอาดตา ดูแล้วเรียบหรูสวยงามพิเศษ
ครั้งแรกที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนจับจ้อง แม้ว่าเซียวจิ่งมั่วจะอยู่เคียงข้าง ลั่วชูชูก็ยังคงมีท่าทีประหม่าตื่นกลัวอยู่เล็กน้อย มือข้างหนึ่งกุมชายกระโปรงของชุดพิธีการเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว สายตาอันว่างเปล่านั้นแฝงด้วยความรู้สึกสับสนทำตัวไม่ถูก
ไม่รู้ว่าใครท่ามกลางฝูงชนทำเสียงโห่ฮือขึ้นเบาๆ ก่อน จากนั้นก็เริ่มมีคนกระซิบคุยกัน เซียวจิ่งมั่วขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขามองตามสายตาของผู้คนเหล่านั้นที่หันไปมองทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย และสายตาของเขาตะลึงอึ้งขึ้นมาโดยทันใด…
ที่มุมหนึ่งของห้องโถงงานเลี้ยง ซูหว่านนั่งบนโซฟาเพียงลำพัง ผมหยักสีเกาลัดม้วนขึ้นง่ายๆ อยู่หลังศีรษะ มีปอยผมสองสามเส้นทิ้งตัวลงมาข้างใบหูดูซุกซน เธอหันข้าง ชุดพิธีการสีขาวขับดุนให้เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอดูเด่นงาม งามสง่าเรียบง่ายราวกับดอกบัว
ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องด้วยความประหลาดใจของผู้คน ซูหว่านที่กำลังถือแก้วไวน์แดงครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจก็เลื่อนสายตากลับมา
แววตานั้น เหมือนกับข้ามผ่านกาละและเทศะ ข้ามผ่านมหาสมุทร ข้ามผ่านเวลาแปดปีมา
สายตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศโดยไม่ได้นัดหมาย ราวกับเป็นสัญชาตญาณ เซียวจิ่งมั่วมองอึ้งไปยังซูหว่าน เขาปล่อยมือที่กุมอยู่ข้างนั้นของลั่วชูชูลงโดยไม่รู้ตัว
สายตาของซูหว่านดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เธอเองก็มองไปยังเซียวจิ่งมั่วอย่างเงียบๆ ริมฝีปากแดงสดค่อยๆ ขยับ ดูเหมือนกับกำลังเอื้อนเอ่ยบางสิ่ง แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นลั่วชูชูที่อยู่ข้างกายเซียวจิ่งมั่ว แววตาของซูหว่านก็มืดมน ลังเลใจอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเธอก็หลบออกจากสายตาของเซียวจิ่งมั่วไป
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองดูไม่ธรรมดา แขกเหรื่อที่รายล้อมอยู่ต่างหยุดกระซิบกระซาบกัน
นับแต่วินาทีที่ลั่วชูชูปรากฏตัว ผู้คนส่วนใหญ่ที่เคยพบซูหว่านล้วนแต่มองออกว่าคู่ออกงานของประธานเซียวผู้นี้หน้าตาเหมือนกับประธานซูจาก EVFA อย่างมาก แน่นอนเมื่อเปรียบเทียบทั้งสองคนในระยะใกล้ ผู้คนก็จะพบความแตกต่างของทั้งสองคน
ลั่วชูชูผู้เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นไม่ได้มีท่าทีแสนสง่าแต่กำเนิดเหมือนอย่างซูหว่าน โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองคนสวมชุดพิธีการสีเดียวกัน ก็เห็นได้ชัดว่าใครเหนือกว่าใคร
ย่อมเป็นซูหว่านอยู่แล้ว
ในวินาทีที่เซียวจิ่งมั่วปล่อยมือลั่วชูชูนั้น เธอเองก็เห็นซูหว่านเช่นกัน ในวินาทีนั้นใจของลั่วชูชูหล่นถึงตาตุ่ม
เสียงกระซิบของเหล่าแขกที่รายล้อมนั้นเธอไม่ได้ยิน แต่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาทางเธอของผู้คนเหล่านั้นดูเย้ยหยันอยู่ไม่น้อย เหมือนกับว่ากำลังมองสินค้าก๊อปปี้ที่กำลังจะถูกทอดทิ้งอย่างไรอย่างนั้น
ใช่สิ แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเพียงตัวแทนของหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่เหรอ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ลั่วชูชูมองดูตัวเองที่เหมือนกับได้เกิดใหม่ในกระจกก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง แต่ในเวลานี้เมื่อเห็นซูหว่านแต่งตัวคล้ายกับตัวเองเสียเหลือเกินเช่นนี้ ลั่วชูชูก็รู้สึกว่าชุดพิธีการตัวนี้ที่เธอสวมอยู่ดูตลกสิ้นดี
ที่แท้ ที่เซียวจิ่งมั่วบอกว่า ‘สีขาวเหมาะกับเธอที่สุด’ ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก ในใจเขามีเพียงซูหว่าน ในสายตาเขามีเพียงซูหว่าน
เขาให้เธอแต่งตัวเหมือนกับซูหว่านอยู่เรื่อยๆ น่าเสียดาย…อย่างไรเธอก็ไม่ใช่ซูหว่านของเขา
ลั่วชูชูหน้าถอดสีครั้งแล้วครั้งเล่า เธอขบริมฝีปากของเธอเบาๆ โดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากแดงมีเลือดซึมออกมาเป็นทาง น่าเสียดายที่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกแล้ว
เวลาในขณะนี้ราวกับยืดยาวออกไปไร้ที่สิ้นสุด ลั่วชูชูรู้สึกว่าตัวเองภายใต้แสงไฟ ต่อหน้าผู้คนทั้งหลายก็เป็นเหมือนตัวตลกน่าหัวเราะ
ซูหว่านละสายตาไปตั้งนานแล้ว เซียวจิ่งมั่วนิ่งอึ้งอยู่ชั่วคู่จึงได้สติกลับคืน ทั้งสองคนล้วนแต่ได้รับการอบรมมาดี ในสถานการณ์อย่างนี้ย่อมวางตัวได้อย่างเหมาะสมแน่นอน
“ชูชู?”
เมื่อเซียวจิ่งมั่วกุมมือลั่วชูชูอีกครั้ง ก็ถูกลั่วชูชูสะบัดออกอย่างแรง
แววตาเซียวจิ่งมั่วดำมืดขึ้นทันใด เวลาปกติเธอชอบทำตัวขี้งอน เขาได้แต่มองว่าเธอนั้นไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก จึงตามใจเธอมาโดยตลอด ไม่ว่าเธอจะก่อปัญหาอะไรขึ้น หรือผิดใจกับใคร เซียวจิ่งมั่วก็จะตามแก้ปัญหาให้เธอทั้งหมด
แต่วันนี้ วันนี้คือวันเกิดของเซียวจิ่งมั่ว ต่อหน้าสายตาผู้คน เธอกล้าสะบัดมือเขาออกแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ลั่วชูชู”
เซียวจิ่งมั่วเอียงตัวกระซิบข้างหูลั่วชูชูอย่างดุดัน ลั่วชูชูสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เธอรับรู้ได้ว่าเซียวจิ่งมั่วโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว เธอเซื่องซึมลงทันที ลังเลชั่วครู่ๆ แล้วก็กุมมือเซียวจิ่งมั่วกลับอย่างว่าง่าย
ว่ากันตามจริงแล้ว ลั่วชูชูยังรู้จักโลกน้อยไป เธอผู้ซึ่งได้รับการรักใคร่ประคบประหงมจากเซียวจิ่งมั่วในเวลาปกติ ต่างจากหญิงสาวผู้สง่างามมีวุฒิภาวะเหล่านั้น รู้จักอ่านสีหน้าผู้ชาย รู้ว่าเวลาใดควรไว้หน้าให้เกียรติผู้ชายมากที่สุด
ซูหว่านยังคงดื่มไวน์เงียบๆ ตามลำพัง เหมือนกับว่าผู้คนที่อึกทึกทึกจอแจรอบข้างนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย
งานราตรีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว การเต้นรำเพลงแรกของงานเลี้ยง ไม่เกินความคาดหมาย เซียวจิ่งมั่วไม่ว่ายังไงก็เลือกให้ลั่วชูชูเป็นคู่เต้นรำอยู่แล้ว
เห็นเซียวจิ่งมั่วและลั่วชูชูร่ายรำอยู่กลางห้องโถงงานเลี้ยง คนที่สีหน้าดูไม่จืดที่สุดย่อมเป็นฟังจื่อเวิ่น อ้างว่าตัวเองเป็นว่าที่ภรรยาที่แท้จริงของเซียวจิ่งมั่ว ครั้งนี้เขาก็ส่งบัตรเชิญมาให้เธอด้วยตัวเอง สุดท้ายเขากลับจูงมือหญิงอื่นไปพะเน้าพะนอกันอยู่ตรงนั้น นี่หมายความว่าอะไร
อวดตัวหรือ หรือจะเยาะเย้ยที่เธอไม่รู้จักเจียมตัวเองอย่างนั้นหรือ
ใบหน้าที่สะสวยของฟังจื่อเวิ่นหงิกงอไม่พอใจ จนแทบจะทำแก้วไวน์แดงในมือแตกละเอียด
“จื่อเวิ่น ทำไมมาอยู่คนเดียว”
ในเวลานั้นเองโอวหยางจิ้งผู้สวมชุดราตรีเกาะอกสีแดงทั้งตัวก็ถือแก้วไวน์เดินมายังด้านหน้าของฟังจื่อเวิ่น ตระกูลโอวหยางและตระกูลฟังคบหาเป็นมิตรกันมานานแล้ว โอวหยางจิ้งและฟังจื่อเวิ่นนับได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ค่อยได้เล่นด้วยกันบ่อยนัก แต่โอวหยางจิ้งก็ดีต่อฟังจื่อเวิ่นเป็นพิเศษมาโดยตลอด ในตอนเด็ก ฟังจื่อเวิ่นยังสำคัญตัวเองผิดไปว่าเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ต่อมาเมื่อโตขึ้น ฟังจื่อเวิ่นก็ได้เข้าใจ ว่าที่โอวหยางจิ้งคอยดีกับเธอทุกอย่าง ก็เพียงเพราะว่าโอวหยางจิ้งชอบพี่ชายเจ้าอารมณ์คนนั้นของเธอ อยากจะเป็นพี่สะใภ้ของเธอ
นับแต่เธอได้รู้เรื่องนี้ ฟังจื่อเวิ่นก็ไม่ค่อยติดกับโอวหยางจิ้งอีก
แม้ว่าในใจลึกๆ ของเธอรู้สึกกลัวบางครั้งถึงกับไม่ชอบพี่ชายของตัวเองอย่างมาก แต่ฟังจื่อเวิ่นเห็นว่าผู้หญิงอย่างโอวหยางจิ้งนั้นไม่คู่ควรกับพี่ชายของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ฉันชอบอยู่คนเดียว เธอมีปัญหาอะไรไหม”
เมื่อเห็นโอวหยางจิ้งจัดการพาตัวเองมานั่งลงข้างกายเธอเรียบร้อย ฟังจื่อเวิ่นก็ยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่
โอวหยางจิ้งได้แต่ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “เธอคงไม่ได้หึงคู่ออกงานของเซียวจิ่งมั่วคนนั้นหรอกนะ”
“หึงเหรอ หล่อนมีค่าพอให้หึงเหรอ”
ฟังจื่อเวิ่นแค่นเสียงหัวเราะ หญิงชาวบ้านแบบนั้นขอเพียงเธอทำอะไรนิดหน่อยก็คงดับสนิทไม่ได้เกิดแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ฟังจื่อเวิ่นยังไม่อยากมีปัญหากับเซียวจิ่งมั่ว ดังนั้นเธอจึงไม่เคยลงมือกับลั่วชูชู
ฟังจื่อเวิ่นมองว่าคงมีสักวันที่เซียวจิ่งมั่วจะเบื่อหน่ายคนที่ทำอะไรไม่เป็นสักเรื่องอย่างลั่วชูชู ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครหนุนหลังเธอ ถึงตอนนั้นจะเล่นงานเธอให้ตายก็แทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลยแม้แต่น้อย
“จื่อเวิ่นนี่ก็มองขาดดีเหมือนกันนะ”
โอวหยางจิ้งยิ้มพริ้มพลางจิบไวน์แดงคำหนึ่ง “ผู้หญิงคนนั้นก็แค่ตัวแทนเท่านั้น ตอนนี้ตัวจริงกลับมาแล้ว ดูแล้วเธอคงลำพองใจได้อีกไม่กี่วันแล้วล่ะ”
เมื่อเอ่ยดังนั้นแล้ว สายตาของโอวหยางจิ้งก็เหลือบมองซูหว่านที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นเหมือนไม่ได้ใส่ใจ
ก็คือผู้หญิงคนนั้นไง
โอวหยางจิ้งภายนอกไม่แสดงท่าที แต่ความจริงในใจลึกๆ แล้วกลับสนใจอย่างมาก นับแต่วินาทีที่ฟังจื่อมู่เดินเข้ามาในคืนนี้ สายตาของโอวหยางจิ้งก็จับจ้องบนตัวเธออยู่ตลอด แม้กระทั่งนาทีที่เขาแอบเดินออกจากงานไปเงียบๆ โอวหยางจิ้งเองก็ต้องเป็นอันเดินตามไปเสียให้ได้
สิ่งที่ทำให้โอวหยางจิ้งคาดไม่ถึงก็คือการที่ฟังจื่อมู่ลงมือทำร้ายคนอย่างเปิดเผยกลางงานเลี้ยง และชายผู้ซึ่งวิ่งหนีหางจุกตูดหลังโดนต่อยจนจมูกบวมช้ำคนนั้น ก็คือคู่ออกงานของซูหว่าน…
ฟังจื่อมู่ เขามีความสัมพันธ์กับซูหว่านแบบไหนกันแน่
ว่ากันว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นแม่นยำ สัญชาตญาณของโอวหยางจิ้งบอกเธอว่า ระหว่างฟังจื่อมู่และซูหว่านต้องมีอะไรบางอย่างแน่
สำหรับเรื่องของซูหว่านกับเซียวจิ่งมั่ว ที่จริงแล้วในวงการของพวกเขาก็ไม่ใช่ความลับอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าก่อนที่ซูหว่านจะกลับประเทศ เธอมีตัวตนเพียงแค่ชื่อเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เมื่อตัวเป็นๆ ของผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน โอวหยางจิ้งก็สัมผัสได้ถึงอันตรายขึ้นมาทันที
ผู้หญิงที่ดูไร้พิษภัยคนนั้น ทำให้เธอรู้สึกอันตรายเป็นพิเศษ
ด้วยความในใจในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง โอวหยางจิ้งในที่สุดก็คว้าโอกาส ‘พูดคุยความในใจ’ กับฟังจื่อเวิ่น วัตถุประสงค์ของเธอก็คือทำให้ฟังจื่อเวิ่นหันความสนใจไปยังซูหว่านแทน
ว่ากันว่าแส่หาเรื่องใส่ตัวจะพาตนเดือดร้อน โอวหยางจิ้งสำคัญตนว่าฉลาด แต่ไม่รู้เลยว่าครั้งนี้เธอได้วางหมากพลาดครั้งใหญ่ ซ้ำยังผิดพลาดถึงกับรุกฆาต เป็นการวางหมากพลาดที่ชั่วชีวิตนี้จะไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้อีก