ภาพเทพอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 35: ตอนที่ 35 โจรเมฆาโลหิต
“อย่าทดลองอย่างสุ่มเสี่ยงกับช่องว่างระหว่างคิ้ว” เมิ่งเซียนกูกล่าว “การลองสุ่มนั้นอาจทำให้เจ้าได้ค้นพบประโยชน์หลายอย่าง แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาที่แก้ไขไม่ได้เช่นเดียวกัน ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ”
เมิ่งชวนพยักหน้า
“ปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไป ในการฝึกวิชาของเจ้า เจ้าจะสามารถเข้าใจการใช้งานบางส่วนได้โดยธรรมชาติ” เมิ่งเซียนกูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อเจ้าเข้าสู่เขาหยวนชูและค้นหาคู่มือเกี่ยวกับมัน เจ้าจะเข้าใจวิธีการใช้งานอย่างสมบูรณ์”
“ขอรับ ย่าทวด” เมิ่งชวนตอบอย่างนอบน้อม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถามพ่อและย่าทวดเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน มันเป็นพลังที่ไม่รู้จัก หากปราศจากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน การทดลองด้วยตัวเองนั้นจะอันตรายเกินไป
ตอนนี้เขามีความมั่นใจที่จะเข้าใจถึง “พลัง” ในอีกไม่นานนี้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเสี่ยง
“นอกจากนี้ เจ้าต้องเก็บงำเรื่องช่องว่างระหว่างคิ้วไว้เป็นความลับ” เมิ่งเซียนกูกวาดสายตามองไปที่พ่อและลูกชาย “แน่นอนว่าเราไม่สามารถบอกคนอื่นได้”
“ขอรับ” สองพ่อลูกตอบ
…
หลังจากไปเยี่ยมย่าทวดแล้ว เมิ่งชวนก็กลับไปที่คฤหาสน์จิงหูเมิ่ง และฝึกฝนต่อด้วยท่าชักกระบี่ซ้ำแปดพันครั้ง
ในสนามฝึกซ้อม
ยามถือหน้าไม้ยืนอยู่บนกิ่งไม้และเล็งไปที่พื้น
เมิ่งชวนยืนห่างออกไปหลายสิบก้าว พร้อมกระบี่ที่ยังคงอยู่ในฝัก
มีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงการเคลื่อนไหวของยามบนต้นไม้ อันดับแรกยามได้มองไปที่นายน้อยของเขา จากนั้นกล้ามเนื้อในมือของเขาก็เริ่มตึงขึ้น แล้วเขาก็เหนี่ยวไกด้วยนิ้ว ในระหว่างการเหนี่ยวไกนั้นเมิ่งชวนสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงช่วงเวลาที่ลูกศรในหน้าไม้ถูกยิงออกมา
วืด
ในขณะที่นิ้วของยามขยับ ร่างของเมิ่งชวนก็กระพริบวูบ
เมื่อลูกศรพุ่งออกไปลำแสงใบมีดก็วาดผ่านอากาศกระทบกับจุดสีแดงบนก้านลูกศร
“อา” ยามกระโดดด้วยความตกใจเมื่อลำแสงกระบี่พุ่งมาที่เขา มันเข้ามาใกล้กับหน้าไม้ในมือของเขามาก
“นี่ นี่…” ยามตกใจกลัว แม้แต่ยามและคนรับใช้คนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน
ลูกศรนั้นถูกหั่นในขณะที่ยิงออกไปอย่างงั้นเหรอ ระยะทางช่างใกล้เกินไป
ผู้ฝึกยุทธยังต้องใช้เวลาในการตอบสนอง เวลาในการตอบสนองนั้นจะทำให้ลูกศรพุ่งออกไปได้ในระยะทางหนึ่ง
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com
“นี่คือการคาดเดาล่วงหน้า” เมื่อเห็นว่ายามตกใจมากแค่ไหน เมิ่งชวนก็สร้างเหตุผลขึ้นมา “หม่าซานยิงเกาทัณฑ์นี้นับครั้งไม่ถ้วน เมื่อข้าคาดเดาว่าเขาจะยิงลูกศร ข้าก็โจมตีทันที … ทันทีที่ลูกธนูพุ่งออกมา ข้าก็ฟันมันทันที”
“นายน้อย นั่นช่างน่าอัศจรรย์”
“นายน้อย การทำนายของท่านแม่นยำจริงๆ” ทุกคนยกย่องเขา
เมิ่งชวนยิ้ม
การคาดเดาล่วงหน้าจำเป็นต้องมีประสบการณ์มากมายและยังต้องมีโชคอีกด้วย นี่เป็นเพราะการกระทำของนักรบที่แข็งแกร่งนั้นจะทำให้ตาพร่ามัว ตัวอย่างเช่น ยามในระดับชำระแก่นแท้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเหนี่ยวไก นอกจากนี้ด้วยเสื้อคลุมและกิ่งไม้ที่ปิดบังเขาไว้ แม้ว่าใครจะมองเห็นการกระทำของยามด้วยตาเปล่า แต่ก็จะสายเกินไปที่จะลงมือ
แต่เมิ่งชวนนั้นแตกต่างออกไป
เขาสามารถ “รับรู้” ทุกอย่างได้ละเอียดจนถึงที่สุด การเปลี่ยนแปลงในสายตาของยามและกระบวนการที่เขาเตรียมจะเหนี่ยวไก … ทุกอย่างล้วนชัดเจนอย่างถึงที่สุด
ไม่จำเป็นต้องทำนาย เขาสามารถโจมตีทันทีที่เขา “เห็น” มัน
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสามารถโจมตีโดนลูกศรได้ทุกครั้งที่มันพุ่งออกไป มันจะเป็นการยากสำหรับข้าที่จะฝึกฝนวิชากระบี่ของข้า อืม ข้าต้องตั้งกฎสำหรับตัวเอง ข้าต้องรอจนกว่าลูกศรจะถูกปล่อยออกมาก่อนจึงจะโจมตี” เขาตัดสินใจ ในเมื่อเขาติดตามความเร็วและความแม่นยำมาโดยตลอด หากพูดถึงท่าชักกระบี่
“อีกครั้ง” เมิ่งชวนสั่ง
“ขอรับ” หม่าซานรีบเตรียมตัวทันที มันน่ากลัวมากที่เห็นลำแสงกระบี่พุ่งผ่านเขาไป
วูบ
เขายิงธนูไปอีกลูก เมิ่งชวนยังคงเห็นกระบวนการทั้งหมดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเขาเพียงแค่ดึงกระบี่ออกและฟาดฟันออกเมื่อลูกศรถูกยิงออกไป
ด้วยวิชาการเคลื่อนไหวของเขา ลำแสงกระบี่ไร้ตัวตนก็ได้ตัดผ่านจุดสีแดงบนก้านลูกศรไป ลำแสงกระบี่ตกลงบนลำต้นของต้นไม้ที่ห่อหุ้มด้วยโลหะและทิ้งรอยเอาไว้
นายน้อยไม่ได้คาดเดาใดๆแล้ว เท่านั้นยามและคนรับใช้ก็ค่อยสงบสติลง นี่เป็นเรื่องปกติ นี่เป็นวิธีที่นายน้อยของพวกเขาโจมตีในอดีต เมื่อตอนที่เขาทำท่าชักกระบี่ซ้ำแปดพันครั้งต่อวัน
เขาเริ่มต้นท่าชักกระบี่ซ้ำๆประจำวันในวันนี้ค่อนข้างสาย เพราะเขาไปที่คฤหาสน์ของบรรพบุรุษ คงจะเป็นเวลาบ่ายกว่าที่เขาจะทำเสร็จ
…
เมืองตงหนิงที่อยู่อาศัยของคนธรรมดา
ชายร่างอ้วนสวมหมวก และชายมีหนวดเคราเดินมาที่ประตูแล้วทำการเคาะประตู
ประตูเปิดออกและชายหน้าตาเหมือนลิงก็มองออกไปยังข้างนอก ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “นายท่านสองจ้าว โปรดเข้ามา”
“อืม” ชายมีหนวดเคราตอบอย่างสั้นๆ ชายร่างอ้วนเดินตามหลังพี่ชายคนที่สองของเขาเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ชายหน้าตาเหมือนลิงเดินนำทั้งสองเข้าไปในที่พักจนถึงห้องโถง
“พี่ชายจ้าว” ผู้เฒ่าผมเงินในห้องโถงยิ้มขณะที่ประสานมือคำนับ ลูกน้องของเขายืนอยู่ข้างหลัง
“พ่อบ้านได้รับสินค้าทั้งหมดของข้าหรือยัง” ชายมีหนวดเครานั่งลงอย่างสบายๆ โดยมีชายร่างอ้วนนั่งอยู่เคียงข้างเขา
“เราได้รับพวกมันเรียบร้อยแล้ว ข้าได้รับสินค้าสามชุด ตามส่วนลด 50
ชายมีเคราพยักหน้าเล็กน้อย “สิ่งของพวกนี้เป็นของธรรมดา ข้ายังมีของมีค่าอยู่อีกสองสามชิ้น”
“ได้โปรดชี้แนะ” ดวงตาของผู้เฒ่าผมเงินสว่างขึ้น
“สิ่งแรกก็คือม้าหยก” ชายมีเคราหยิบกล่องไม้ออกมา เมื่อกล่องไม้ถูกเปิดออกก็เห็นม้าหยกที่วางอยู่ด้านใน ม้าหยกตัวใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย มีสีขาวขุ่นและมีความอบอุ่น อย่างไรก็ตามผิวของม้าหยกขาวกลับเปล่งประกายสีแดงออกมาอย่างแปลกประหลาด
“นี่คือเครื่องประดับที่แกะจากหยกชั้นดี มันควรจะเป็นสมบัติที่เทพอสูรให้คุณค่า มันอาจถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานของเทพอสูร หลังจากใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน กลิ่นอายของเทพอสูรได้ถูกหลอมรวมเข้าไปในนั้น” ผู้เฒ่าผมเงินพยักหน้าเล็กน้อย “มันไม่ได้มีประโยชน์มากนักสำหรับการฝึกวิชา แต่มันนับว่าเป็นของหายาก ข้าสามารถให้เงิน 5,000 หยวนแก่เจ้าได้”
“5,500หยวน” ชายมีหนวดเครากล่าว
“ก็ได้ ตามที่เจ้าต้องการ พี่ชายจ้าว 5,500 หยวน” ผู้เฒ่าผมเงินหัวเราะ
ต่อจากนั้นก็เป็นสมบัติชิ้นที่ สอง สาม และสี่ รวมกันแล้วมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 20,000 หยวน แต่ละรายการล้วนหายาก
“นี่คือรายการสุดท้าย นี่เป็นสมบัติที่แท้จริง” ชายมีหนวดเครากล่าวอย่างจริงจัง ขณะที่เขาพูดเขาถอดผ้าคลุมช้นนอกและเสื้อคลุมช้นในออก จากนั้นเขาก็หยิบสิ่งของลึกลับที่ห่อด้วยผ้าฝ้ายออกมา
ผู้เฒ่าผมเงินสังเกตอย่างระมัดระวัง
ชายผู้มีหนวดเคราแกะผ้าฝ้ายออก ทันใดนั้นกระแสพลังที่เปี่ยมไปด้วยแรงกดดันก็เล็ดลอดออกมา
“กระแสพลังเทพอสูรงั้นรึ มันเป็นมรดกเทพอสูรอย่างงั้นรึ” ผู้เฒ่าผมเงินคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งของภายในเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมมันจึงเล็กมาก ทำไมมันจึงไม่มีตัวอักษรเลย”
นี่คือชิ้นส่วนโลหะสีดำที่แตกหัก มันมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น แม้แต่มรดกเทพอสูรธรรมดาหนึ่งหน้าก็จะมีขนาดเท่ากระดาษปกติ
“นี่คืออะไร” ผู้เฒ่าผมเงินถาม
“ข้าไม่รู้”
ชายร่างใหญ่มีเครากล่าว” ชิ้นส่วนโลหะสีดำนี้ไม่มีคำพูดใดๆบนพื้นผิวของมัน มันไม่มีเคล็ดวิชาใดๆ ในขณะเดียวกันก็เสียหายมากเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม … กลิ่นอายของเทพอสูรที่เปล่งออกมานั้นมีแรงกดดันอย่างมาก มันแข็งแกร่งกว่าชิ้นส่วนหน้ากระดาษของมรดกเทพอสูรธรรมดามาก”
“บางทีมันอาจจะเป็นชิ้นส่วนเล็กๆของอาวุธเทพอสูร” ผู้เฒ่าผมเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ายินดีที่จะเสนอ 3,000 หยวน”
“มันไม่ใช่อาวุธ” ชายมีเคราส่ายหน้า “มันแบนมาก เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าอาวุธแบบไหนจะมีชิ้นส่วนแบบนี้”
“เจ้าเคยทดลองรับมรดกนี้แล้วหรือยัง” ผู้เฒ่าผมเงินถาม
มรดกเทพอสูรนั้นจะทำให้ใครๆก็สามารถจมดิ่งลงไปภายในเพื่อดูวิชาของเทพอสูรได้ มันส่งมรดกนี้ผ่านจิตสำนึก
ตัวอย่างเช่น ส่วนที่เหลือของเพลงกระบี่เทพอสูรของผู้อาวุโสสามที่ได้มอบให้กับเมิ่งชวนก็เป็นมรดกที่สืบทอดผ่านจิตสำนึก
“ไม่” ชายมีเคราส่ายหน้า “จอมยุทธในระดับไร้ตำหนิสองสามคนในค่ายของเราได้ลองใช้ทุกวิธีแล้ว แต่ก็ไม่มีใครประสบผลสำเร็จ”
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่มรดกของเทพอสูร” ผู้เฒ่าผมเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่ากระแสพลังเทพอสูรจะหนาแน่นมาก แต่ข้าจะไม่เสนอราคามากกว่า 5,000 หยวนสำหรับของที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเทพอสูรก็ตาม”
“100,000หยวน” ชายมีหนวดเครากล่าว “ไม่ขาดไปแม้แต่หยวนเดียว”
“100,000 หยวนรึ” ผู้เฒ่าผมเงินเบิกตากว้าง “เศษหน้ามรดกเทพอสูรที่แท้จริงเท่านั้นที่มีราคามากกว่า 100,000 หยวน อย่างไรก็ตามเจ้าก็ไม่สามารถที่จะรับมรดกได้เลยแม้แต่น้อย เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะขอราคาสูงขนาดนี้ไปทำไม”
“ประการแรก กลุ่มโจรเมฆาเลือดต้องจ่ายราคาแพงพอสมควรสำหรับชิ้นส่วนโลหะสีดำชิ้นนี้ ประการที่สอง หากว่ามันได้รับกระแสพลังเทพอสูรที่ทรงพลังสุดยอด มันจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” ชายมีหนวดเครากล่าว “100,000 หยวนเป็นราคาที่พี่ชายของข้ากำหนด ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าก็ต้องจ่าย 100,000 หยวน”
“รอที่นี่ ให้ข้าถามนายของข้าดูก่อน” ผู้เฒ่าผมเงินกล่าวขณะที่เขาพยักหน้าให้กับลูกน้องของเขา
“ได้” ชายมีเคราและชายร่างอ้วนรออย่างอดทน
ในไม่ช้า
ชายผู้สง่างามก็เดินออกมา
“พี่จ้าว” ชายผู้สง่างามยิ้มขณะที่เขาพยักหน้า ในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปที่ชิ้นโลหะสีดำและลังเล “ข้าขอดูหน่อยได้ไหม”
“ได้เลย” ชายมีเคราพยักหน้า
ชายผู้สง่างามค่อยๆลูบชิ้นโลหะสีดำหลังจากที่เขาถือมันไว้ในมือ หลังจากมองดูเป็นเวลานานเขากล่าวว่า “อันที่จริงกระแสพลังของเทพอสูรนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็น่าจะเป็นชิ้นส่วนของสมบัติส่วนตัวของเทพอสูรที่แข็งแกร่ง มันอาจไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ข้าสามารถเสนอเงินได้มากที่สุด 20,000 หยวนสำหรับความเสี่ยงนี้”
“ข้าบอกไปแล้วว่ามันต้องเป็น 100,000 หยวนไม่น้อยไปกว่านั้น” ชายมีหนวดเครากล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ในเรื่องนั้น” ชายผู้สง่างามส่ายหน้าเบาๆ
“ได้”
ชายร่างใหญ่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เราจะอยู่ในเมืองตงหนิงอีกสองสามวัน หากเจ้าเปลี่ยนใจ เจ้าสามารถไปพบเราได้อีกครั้ง เจ้ารู้ดีว่าจะหาเราเจอได้อย่างไร”
“ตกลง” ชายผู้สง่างามพยักหน้า
“นี่คือเงิน 38,000 หยวนที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้” ผู้เฒ่าผมเงินวางธนบัตรสีเงินไว้ที่นั่น ชายมีหนวดเคราพลิกดูพวกมันหลังจากที่รับมันไว้แล้ว ธนบัตรแต่ละใบมีมูลค่าหน้าธนบัตร 1,000 หยวน ดังนั้นจึงมีธนบัตรทั้งหมด 38 ใบ
“ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งเรา” ชายมีเคราเดินนำชายร่างอ้วนออกไป
ชายผู้สง่างามมองดูพวกเขาจากไป ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วและพูดว่า “พ่อบ้านฟาง รีบวาดชิ้นโลหะสีดำให้เหมือนของจริง หลังจากทำเสร็จแล้วเราจะไปพบท่านหัวหน้าสาขา”
“ขอรับ” ผู้เฒ่าผมเงินตอบอย่างนอบน้อม
ชายผู้สง่างามครุ่นคิด หัวหน้าสาขาอาจสามารถระบุได้ว่าสมบัตินั้นคืออะไร