ภาพเทพอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 31 สรรพชีวิต 1
แปดวันต่อมา
คฤหาสน์จิงหูเมิ่ง
“ท่านอาจารย์เอกสารหลังปิดคดีในพระราชวังหยกสุริยันได้คัดลอกมาให้สำหรับตระกูลเมิ่งของเรา” เฉียนฟางหยิบแฟ้มหนาสิบสองชุดขึ้นมาและพูดว่า “ข้าได้รับทั้งหมดแล้ว”
“ลุงเฉียน นำเอกสารมาไว้ที่นี่” เมิ่งชวนพยักหน้า
“ขอรับ” เฉียนฟางวางแฟ้มหนาไว้ที่นั่นจากนั้นก็ถอยออกไป
เมิ่งชวนหยิบเอกสารชุดบนขึ้นมาและเริ่มอ่านผ่านไป คำนำเป็นบรรยายสั้นๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตี่เชิงวัยแปดขวบต้องการช่วยพี่สาวของเขา เขาจึงขอร้องโจวเฉียน โจวเฉียนถูกพ่อของเขาขัดขวางและไม่สามารถออกไปช่วยเขาได้ เขาจึงส่งตี่เชิงไปขอร้องศิษย์พี่ของเขา ‘เมิ่งชวน’ เมิ่งชวนและโจวเฉียนมีความสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ เหยียนจินเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ด้วยใจที่ไม่อาจยอมต่อความไม่เป็นธรรม …
…
โจวเฮ่อพาลูกชายของเขาไปที่คฤหาสน์เมิ่งเพื่อสารภาพผิดหลังจากทราบเหตุการณ์ เมิ่งต้าเจียงโกรธมากและเมิ่งชวนช่วยอ้อนวอนให้ยกโทษกับศิษย์น้อง …
…
“ในเอกสารนี้มีเพียงไม่กี่ประโยค แต่มิตรภาพระหว่างข้ากับโจวเฉียนเขียนได้ดีมากราวกับว่าข้ากำลังจะไปช่วยผู้คนเพราะเขา ข้ายังขอร้องให้พ่อช่วยละเว้นชีวิตพวกเขาด้วยเพราะเขาด้วยเช่นเดียวกัน” เมิ่งชวนหัวเราะเบาๆ “โจวเฮ่อคนนี้ฉลาดพอที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าหาตระกูลเมิ่งของข้า เขาควรจะกลัวการแก้แค้นของตระกูลไป๋”
เขาสามารถเข้าใจ
ตระกูลพ่อค้าธรรมดาจะหวาดกลัวเพียงใดเมื่อเผชิญหน้ากับ “ตระกูลไป๋” ซึ่งเป็นตระกูลเทพอสูร ดังนั้นจึงต้องคิดหาวิธีชี้นำ เช่นผ่านคำสารภาพของพี่น้องหงหยู เช่นเมื่อตอนที่โจวเฮ่อตอบคำถามของพระราชวังหยกสุริยัน …ไม่จำเป็นต้องโกหกตราบเท่าที่จุดสนใจเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันสามารถทำให้คนนอกคิดว่ามิตรภาพของเมิ่งชวนและโจวเฉียนนั้นมีมากกว่าปกติ
ตระกูลไป๋ก็จะอิจฉาอยู่บ้างเช่นเดียวกัน
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้เมิ่งเซียนกูโกรธมาก ตระกูลไป๋ไม่ต้องการที่จะล่วงเกินตระกูลเมิ่งไปมากกว่านี้
เทพอสูรที่มีอายุเหลือเพียงหกหรือเจ็ดปี … ไม่มีใครอยากต่อสู้ด้วย
เมื่อพบว่าเมิ่งชวนและโจวเฉียนมีมิตรภาพที่ลึกซึ้ง ดังนั้นตระกูลไป๋จึงไม่ต้องการที่จะจัดการกับตระกูลโจวอีกต่อไป เนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่จะจัดการกับตระกูลโจว เพราะเป็นเพียงแค่การระบายความโกรธเท่านั่น แต่มันอาจสร้างความโกรธแค้นให้กับเมิ่งชวนและตระกูลเมิ่ง
ดังนั้นตระกูลโจวจึงรอดไปแบบนี้
“โจวเฮ่อแห่งตระกูลโจวมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็น่าสงสารอยู่เช่นกัน” เมิ่งชวนมองเห็นสถานการณ์อันตรายที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญหน้าอยู่ ก้าวไปข้างหน้าคือหน้าผาหนึ่งหมื่นเมตรและการก้าวถอยหลังก็เป็นเหวลึกเช่นเดียวกัน ตระกูลไป๋ ตระกูลเมิ่ง แก๊งหมาป่าดำ … ไม่มีใครที่ตระกูลโจวสามารถล่วงเกินพวกเขาได้ พวกเขาจะล้มลงแตกกระจายหากพวกเขาไม่ระวัง
“ตามบันทึกเอกสารระบุว่า สมาชิกห้าคนของแก๊งหมาป่าดำในสวนหินร้างพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายอสูรฟ้า สามในห้าคนนี้ถูกจับเป็น หนึ่งคนหาย และหนึ่งคนฆ่าตัวตาย ตามคำสารภาพของผู้ต้องหาสามคนแยกกันสอบสวน แก๊งหมาป่าดำเป็นผู้บริสุทธิ์”
เมิ่งชวนไม่แปลกใจ
ไม่จำเป็นที่แก๊งอย่างแก๊งหมาป่าดำจะสมรู้ร่วมคิดกับนิกายอสูรฟ้า เพราะการสมรู้ร่วมคิดนั้นถ้าถูกค้นพบ พวกเขาต้องตายแน่นอน
“จับสมาชิกระดับสูงทั้งหมดของแก๊งหมาป่าดำและตรวจสอบพลังปราณของพวกเขา พบว่าไม่มีการฝึกฝนวิชาอสูร หลังจากการสอบสวนแยกจากกันแล้ว … ก็ตัดสินได้ว่าแก๊งหมาป่าดำเป็นผู้บริสุทธิ์แน่นอน”
“เนื่องจากแก๊งหมาป่าดำละเมิดกฎหมายศาลหลายครั้ง หลิวชางหัวหน้าแก๊งถูกตัดสินให้ไปที่ด่านฉินหยางเพื่อเข้ากองทัพหน่วยกล้าตาย และรับราชการในกองทัพเป็นเวลาสามปี รองหัวหน้าแก๊งคงหยูถูกตัดสินให้ทำงานเป็นกรรมกรสิบปี…”
เมิ่งชวนมองดูแล้วส่ายหน้าเบาๆ “แก๊งหมาป่าดำนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิกายอสูรฟ้า แต่คราครั้งนี้ เมื่อข้าเข้าใปตรวจสอบและพบสิ่งต่างๆมากมาย ตามปกติแล้วไม่มีหัวหน้าคนใดที่หนีความผิดพ้นไปได้”
แก๊งหมาป่าดำทำผิด
ในแก๊งค์แบบนี้ ต้องมีพวกอันธพาลอยู่หลายคน แม้ว่ากฎระเบียบของแก๊งจะเข้มงวด พวกอันธพาลก็จะยังคงฝ่าฝืนกฎหมายในรูปแบบต่างๆ
ครั้งนี้เมื่อทำให้ตระกูลเมิ่งและพระราชวังหยกสุริยันโกรธ ทั้งเมิ่งชวนและเหยียนจินได้รับบาดเจ็บสาหัส … เจียนตายที่นั่นด้วยมือของจอมยุทธนิกายอสูรฟ้า ดังนั้นแก๊งหมาป่าดำต้องได้รับโทษเป็นธรรมดา แต่บทลงโทษก็ไม่ได้หนักเกินไปนัก
…
“ตระกูลของเทพอสูรเหล่านี้ เมื่อพวกเขาพูดว่าจะสะบัดหน้าหนี พวกเขาก็สะบัดหน้าหนี จากที่เป็นสุนัขให้พวกเขามาหลายปี พวกเขาก็ทิ้งข้าไป โชคดีที่ข้ามีความสามารถในระดับไร้ตำหนี จึงถูกตัดสินให้อยู่ในกองทัพหน่วยกล้าตาย ที่ด่านฉินหยาง” หลิวชางถูกพาไปที่ฉินหยาง ปิดแล้วด่านฉินหยางอยู่ห่างจากเมืองตงหนิงเพียง 180 ลี้ และทหารคนธรรมดาจากเมืองตงหนิงเกือบทั้งหมดจะมารับราชการทหารที่นี่
หลิวชางโชคดีได้รับคำบอกใบ้ก่อนหน้านี้
“โชคดีที่ข้าฆ่าอาฉวน ไม่มีใครรู้ว่าข้าสงสัยสวนหินร้างมานานแล้ว” หลิวชางครุ่นคิดอยู่ในใจ “ทำให้ข้ารอดพ้นจากความตายนี้ได้”
ระหว่างทางไปยังด่านฉินหยางเขายังรู้สึกว่าค่อนข้างโชคดี
“อีกสามปีข้าจะกลับมา” หลิวชางมองกลับไปที่เมืองตงหนิง ผู้คุมที่ดูแลคุ้มกันด้านหลังดูแลเขาด้วยความสุภาพมาก เพราะไม่ว่าอย่างไรหัวหน้าแก๊งหมาป่าดำก็เป็นจอมยุทธในระดับไร้ตำหนิ
…
เมิ่งชวนนั่งอยู่ในสนามฝึกยุทธ และพลิกดูเอกสารต่างๆของตระกูลไป๋
แก๊งหมาป่าดำเป็นผู้บริสุทธิ์และตระกูลไป๋ก็ยิ่งบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่เนื่องจากว่าดินแดนที่ควบคุมโดยตระกูลไป๋ของพวกเขากลายเป็นรังของนิกายอสูรฟ้า ตระกูลไป๋จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผิดได้ ได้รับความลำบากจากการลงโทษอย่างหนักของพระราชวังหยกสุริยัน หัวหน้าระดับสูงของแก๊งหมาป่าดำและสมาชิกในตระกูลไป๋หลายคนในแก๊งหมาป่าดำล้วนถูกตัดสินให้ลงโทษเพิ่มเติม ทั้งยังปรับเงินจำนวน 500,000 หยวนซึ่งทำให้ตระกูลไป๋เจ็บปวดมาก
“และพวกเธอ” เมิ่งชวนพลิกไปดูเอกสารต่างๆ
หลายคนถูกบันทึกไว้ในเอกสาร
บันทึกข้อมูลของผู้หญิงในสวนหินร้าง
“มันกลายเป็นเรื่องจริง”
“ผู้หญิงเหล่านี้ได้เซ็นสัญญากันทุกคน พวกเธอยังคงต้องกลับไปที่แก๊งหมาป่าดำและรับการฝึกอบรมและพวกเธอจะต้องไปที่ซ่องกับโรงงานในอนาคต” เมิ่งชวนส่ายหน้า แก๊งหมาป่าดำไม่ได้แตกสลายไปและตระกูลไป๋ก็จัดให้มีคนมาควบคุมแก๊งหมาป่าดำแทน จัดการเรื่องราวอย่างต่อไป สัญญาที่ลงนามแล้วนั้นได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
สีหน้าของเมิ่งชวนเปลี่ยนไปเมื่อเขาดูต่อไป “ผู้ที่ถูกบังคับลักพาตัวส่วนใหญ่ลงท้ายคิดที่จะขายตัวให้กับแก๊งอย่างงั้นรึ”
คนในแก๊งส่วนใหญ่บังคับให้มีการลักตัวด้วยเหตุผลที่คล้ายกับหงหยูที่พ่อของเธอเป็นหนี้ก้อนโต เธอถูกพาตัวไปเพื่อใช้หนี้
ตอนนี้เธอได้กลับมาแล้ว …
แต่จะทำอย่างไรถ้าไม่จ่ายหนี้
หากว่าพวกเธอไม่สามารถชำระหนี้ได้ พวกเธอก็จะเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดพวกเธอก็จะถูกบังคับให้ ‘ขายตัวโดยไม่สมัครใจ’ แม้แต่ ‘หงหยู’ เนื่องจากแก๊งหมาป่าดำกลัวมากจึงริเริ่มที่จะฉีกสัญญาทิ้งและยกเลิกไป จากนั้นตระกูลของพวกเธอก็สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติได้ชั่วคราว แต่พ่อของพี่น้องหงหยู … ผีพนันนั้น ถ้าเขายังเล่นการพนันต่อไปเขาก็จะโกงลูกของเขาซ้ำอีก
“บางครั้งเราก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้” เมิ่งชวนมองไปที่ข้อความในเอกสาร ราวกับว่าเห็นผู้หญิงเดินไปหาสวนหินร้างอีกครั้ง
“เป็นอย่างไรบ้าง”
หัวใจของเมิ่งชวนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อรู้สึกว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลือได้ ราวกับว่าเขาติดอยู่ในหล่ม
ปัง เมิ่งชวนโยนเอกสารทิ้งแล้วเดินตรงไปข้างนอก
“อาชวนทานข้าวเที่ยงไหม” หลิวชีเยว่ตะโกนหลังจากที่เห็นด้านหลังของเมิ่งชวน
“ข้าจะไปเดินเล่น” เมิ่งชวนตอบ
“ออกไปตอนเที่ยงยังงั้นรึ” หลิวชีเยว่พึมพำและเดินกลับไปที่ห้องโถง เธอกินข้าวกับหลิวเย่ป๋ายและเมิ่งต้าเจียง เมิ่งต้าเจียงยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรปล่อยให้เขาออกไปพักผ่อน”
…
เมิ่งชวนรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
โจวเฮ่อฉลาดและมีไหวพริบ เขาก็แค่ได้แต่หัวเราะ
เขาไม่เห็น ตอนจบของหลิวชาง หัวหน้าแก๊งหมาป่าดำ
แต่ผู้หญิงเหล่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากการถูกลักพาตัว และได้รับการช่วยเหลือกลับมาแต่พวกเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะกลับไปยังหล่มโคลนนั้นอีกครั้งเท่านั้น
“โลกนี้กลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร” เมิ่งชวนบ่นพึมพำ ทันใดนั้นเขาก็เห็นร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงหน้าเขา ตอนเที่ยงลูกค้าหลายคนกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในร้าน
“มาชิมหน่อยสิ มันหอมมั้ย” คู่สามีภรรยาอุ้มลูก พ่อยื่นซาลาเปาสีขาวที่แตกแล้วให้กับเด็กทารก เด็กทารกจับปากตัวเองแล้วพยักหน้าแล้วพูดว่า “มันหอมจริงๆ”
ทั้งคู่มองดูลูกชายแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ทั้งสองคนต่างก็สกปรก นิ้วของพวกเขาหยาบและเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำงานหยาบ แต่ในขณะนี้รอยยิ้มพวกเขานั้นสดใสจริงๆ
ในตอนนี้เมิ่งชวนตกใจกับรอยยิ้มของทั้งคู่ที่มองไปยังเด็กทารก
“มาเร็ว จิบหน่อย” ถัดจากทั้งคู่มีชายไม่สวมเสื้อสี่คน ที่มีผิวมันวาวและมีเหงื่อ พวกเขาถือชามใบใหญ่ดื่มเหล้าและคุยกันเสียงดัง ความยากลำบากในการทำงานถูกลืมไปอย่างสิ้นเชิง
“กินข้าวให้เสร็จเร็วๆแล้วไปหาพ่อเธอเมื่อพวกเรากินข้าวเสร็จ” ชายชราคนหนึ่งพูดกับเด็กหญิงที่กำลังกินก๋วยเตี๋ยวแยกกันอยู่ เด็กผู้หญิงพยักหน้าดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความคาดหวัง “ดีดี ไปหาพ่อกัน”
เสียงหัวเราะ การพูดคุย และแววตาที่มีความหวัง …
ดูทั้งหมดนี้แล้ว
เมิ่งชวนรู้สึกว่าหัวใจของเขาสดใสขึ้นมาอย่างมากในทันใดนั้น