ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 461 ขอคุณชายเฉียวให้ยืนหยัดในความยุติธรรม!
ฉินเฉิงมองไปที่ศพของเค้า ในใจมันเต็มไปด้วยความสับสนและวุ่นวาย
เยาวชนที่อายุยังน้อย สละชีวิตเพียงเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร นี่มันเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่ฉินเฉิงจะยอมรับได้
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องชื่นชมวิธีการและคำเตือนของนายท่านซู เค้าใช้วิธีการแบบไหนกันแน่ ถึงทำให้ชายหนุ่มเหมือนตายแล้วยังสามารถนำข่าวมาแจ้งได้
แน่นอนว่าคนที่สำนักเฮ้าส่งมานั้น แต่ละคนไม่ธรรมดาเลย
ท่ามกลางความมืด คนสองคนที่มาจากอาณาจักรผานก็กำลังเคลื่อนไหว
ฉินเฉิงสังเกตเห็นการปรากฏตัวของสองคนนี้มานานแล้ว แม้แต่ฉูเป่ยชวนเองก็ยังสังเกตเห็นพวกเค้าทั้งสอง
“ท่านอาจารย์ ยังมีอีกสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด พวกเค้าต้องการจะฆ่าท่าน” ฉูเป่ยชวนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ฉินเฉิงมองไปที่ฉูเป่ยชวนแล้วยิ้ม: “นายแน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกเค้าได้?”
“ฉัน?” ฉูเป่ยชวนเปิดตากว้าง เค้าเอามือชี้ไปที่หน้าของตัวเอง
“ผมทำไม่ได้หรอก พวกเค้าคือจอมยุทธ์ จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ห้ามผมไปสู้ แต่จอมยุทธ์ให้ผมไปสู้!” ฉูเป่ยชวนด่าทอขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ถ้าใบหน้าที่หล่อเหลาของผมเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะไปอธิบายกับเมียผมยังไง?”
ฉินเฉิงตบไหล่เค้าแล้วพูดว่า: “โอกาสที่นายจะได้ฝึกฝนมาถึงแล้ว เราไปกันเถอะ”
ในตอนนี้เอง ศิษย์สองคนของอาณาจักรผานก็เดินออกมา
พวกเค้ามองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “ฉินเฉิง เวลาที่แกจะต้องตามมันมาถึงแล้ว!”
ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “จอมยุทธ์สองตัว? วันนี้ฉันจะไม่สู้กับพวกแกหรอกนะ ฉันจะให้ลูกศิษย์ของฉันสู้”
หลังจากที่พูดจบ ฉินเฉิงก็ระดมปราณของเค้าให้มารวมอยู่ที่หน้าอกของตัวเอง
เสียง”อึก”ที่ดังขึ้นมา ฉินเฉิงก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าของเค้าก็ซีดลงในทันที
ศิษย์สองคนของอาณาจักรผานดีใจมาก มันดูราวกับว่าสิ่งที่พวกเค้าพูดจะเป็นจริง วันนี้ฉินเฉิงมันก็เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น!
“เป่ยชวน ชีวิตของอาจารย์ขึ้นอยู่กับนายแล้ว” หลังจากพูดออกมาแบบนี้ ฉินเฉิงก็ผลักเค้าออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ฉูเป่ยชวนได้ปฎิเสธ จากนั้นฉินเฉิงก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง
“ไอ่หนุ่ม อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้” ลูกศิษย์ของอาณาจักรผานพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ไม่อย่างงั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเราไม่สุภาพก็แล้วกัน”
ฉูเป่ยชวนจับไปที่จมูกของเค้าแล้วบ่นพึมพำว่า: “สภาพเป็นยังไงกัน? จะเชิญฉันไปกินข้าวที่บ้านอย่างงั้นเหรอ”
สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไป พวกเค้าต่างก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธจัดในทันที: “ในเมื่อแกยืนกรานที่จะรนหาที่ตาย อย่างงั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเราไม่สุภาพก็แล้วกัน!”
สงครามกำลังจะปะทุ ทั้งสองวิ่งเข้ามาพร้อมกันอย่างรุนแรงและความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวมันก็ได้บีบบังคับเข้าไปที่ร่างของฉูเป่ยชวนในทันที!
แม้ว่าในเวลาปกติฉูเป่ยชวนจะทำอะไรไม่ได้ แต่ความแข็งแกร่งของเค้าก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์สองคน เค้าก็มีพลังมากพอที่จะต่อสู้!
ฉินเฉิงยืนอยู่หลังหน้าต่าง เฝ้าดูสิ่งนี้อย่างเงียบ ๆ เมื่อจำเป็นเค้าจะออกมาช่วย
ภูเขาหลงไห่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยพลังที่น่ากลัว สิ่งนี้มันแทบทำให้ทุกคนหยุดหายใจ
สงครามนี้กินเวลาเกือบหนึ่งวันก่อนที่มันจะค่อยๆยุติลง
พลิงจิตในการป้องกันตนเองของฉูเป่ยชวนนั้นแข็งแกร่งมาก เค้าไม่อยากที่จะตีผู้คน แต่ก็ไม่ยอมปล่อตให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน นี่มันแตกต่างไปจากการต่อสู้ของฉินเฉิงโดยสิ้นเชิง
“บัดซบ ฉันเหนื่อยแล้ว!” ฉูเป่ยชวนพูดพลางเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง
เค้าเงยหน้าขึ้นไปข้างบน หลังจากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา
“บัดซบ นี่มันเหนื่อยเกินไปแล้ว! ไอ่สองคนนี้มันยากที่จะสู้จริงๆ!” ฉูเป่ยชวนดื่มน้ำเข้า
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ถ้านายต้องการฆ่าพวกเค้า มันอาจจะใช้เวลาไม่มาก แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับบาดเจ็บ”
“ได้รับบาดเจ็บ?” แววตาของฉูเป่ยชวนเบิกกว้าง “นายไม่เคยได้ยินประโยคนี้เหรอ? เสียเหงื่อได้แต่ต้องไม่เสียน้ำตา! “…เสียเหงื่อได้แต่ต้องไม่เสียน้ำตา” ฉินเฉิงพูดอย่างงุนงง
“อืม บางทีตำราของเรามันอาจจะต่างกันออกไป” ฉูเป่ยชวนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
…
“ท่านอาจารย์ ทำไมท่านไม่ฆ่าสองคนนั้นเองหละครับ” ฉูเป่ยชวนถาม
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ถ้าฉันลงมือ มันจะไม่เป็นการเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉันอย่างงั้นเหรอ แบบนี้ใครจะกล้าฆ่าฉัน”
“การไม่มีใครกล้าฆ่าคุณมันไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างงั้นเหรอ?” ฉูเป่ยชวนถามอย่างสงสัย
ฉินเฉิงส่ายหัวโดยไม่อธิบายอะไร
ตอนนี้ฉินเฉิงต้องการกำลังปราณอย่างเร่งด่วนเพื่อชดเชย แต่เค้าก็หวังว่าจะมีคนมาฆ่าตัวตาย
หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและหยิบโน้ตที่นายท่านซูส่งมาให้
มันเห็นเพียงแค่คำที่เขียนอยู่ในนั้น: ฉินเฉิง ยกโทษให้ฉันด้วยที่ฉันต้องใช้วิธีการแบบนี้ในการส่งจดหมายมา ฉันรู้ว่านายไม่ชอบมัน แต่นี่ก็เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
ฉินเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น สำหรับนายท่านซูแล้ว นี่มันก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุด
“ตระกูลจูเก่ออยู่ในร่มเงาของตระกูลซูมาแล้วกว่ายี่สิบปี ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ตระกูลจูเก่อได้กลายเป็นพวกคนที่จริงใจที่สุดของตระกูลซู พวกเค้าไม่มีการต่อต้าน ถ้านายท่านซูให้ทำอะไร ตระกูลจูเก่อก็ทำตามอย่างขยันขันแข็ง”
“แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเค้าจะคิดหาวิธีการล่าถอยล่วงหน้าแบบนี้มาแล้วกว่ายี่สิบปี”
“ธุรกิจการค้าสำเร็จแล้ว ปลายปีนี้ ซูผูกงจะไปต่างประเทศเพื่อประชุม และซู่โฮ่จะไปชายแดน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเรา อย่างงั้นกอย่าปล่อยมันไป ”
ซูผูกงเป็นลูกชายคนโตของตระกูลซู เค้าควบคุมอำนาจการบริหารของตระกูลซู ขณะที่ซูโฮ่เป็นเหมือนแผนกรักษาความปลอดภัย
ส่วนซูย่านเป็นอำนาจทางการค้าและเงินสนับสนุนของตระกูลซู
หลังจากที่ฉินเฉิงอ่านโน้ต ฝ่ามือของเค้าจุดไฟขึ้นมา ทันใดนั้นเองโน็ตนั่นก็ถูกเผาทำลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที
“ในที่สุดวันที่ฉันเฝ้ารอก็มาถึง” ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ
นอกจากนี้เค้ายังต้องเพิ่มไฟให้ตระกูลซูที่มีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับสมาคมกลั่นยานานาชาติ
ยังมีเวลาอีกเกือบครึ่งปีก่อนจะถึงสิ้นปี ดังนั้นฉินเฉิงก็เลยไม่ได้รีบร้อนอะไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปรับปรุงฐานรากของการกลั่นพลัง
ท้ายที่สุด ยังมีจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ในตระกูลซูและศัตรูของฉินเฉิงก็จะไม่ใช้เพียงแค่ตระกูลซูอีกต่อไป
ทุกวันนี้ โลกแห่งศิลปะการต่อสู้เหยียนเซี่ยก็กำลังสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของฉินเฉิง หลายคนก็กระตือรือร้นอยากที่จะรอง
หลังจากที่มีการพูดถึงกันมากขึ้น ฟอรัมศิลปะการต่อสู้ก็ได้ข้อสรุปว่า: ความแข็งแกร่งไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ธรรมดาสามารถจะทำได้
…
ในวันนี้ ตระกูลเฉียวก็เชิญแขกมาเป็นจำนวนมาก
คนเหล่านี้ ทายาทของพวกเค้าทั้งหมดเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของชายชุดดำ ตอนนี้ฉินเฉิงเองก็ปลอดภัยแล้ว เฉียวเซิงก็กลายเป็นสิ่งเดียวที่พวกเค้าพึ่งพา
“ต้องรบกวนคุณชายเฉียวออกหน้าลงมือฆ่าฉินเฉิงด้วย!” มีคนตะโกนขึ้นมา
“ผมยินดีจ่าย 100 ล้านดอลลาร์เป็นการตอบแทน!”
“ฉันได้จ้างนักฆ่าสามกลุ่มเพื่อลอบสังหารฉินเฉิง พวกเค้าจะปูทางให้คุณชายเฉียวฆ่ามันได้ง่ายขึ้น!”
สำหรับคนทั่วไปแล้ว จอมยุทธ์เป็นขอบเขตที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ มันมีคนจำนวนไม่มาเท่านั้นที่พวกเค้าสามารถหาได้
เฉียวเซิงแสร้งทำเป็นเขินอายแล้วพูดว่า: “ฉันกับพี่ฉินเราเป็นเพื่อนกัน ครั้งก่อนเราก็ประลองกันมาแล้ว พวกคุณ…กำลังทำให้ฉันลำบาก!”
“คุณชายเฉียว ได้โปรดให้ยุติธรรมกับพวกเราด้วย!”
“เราไปที่สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูแล้ว แต่พวกเค้าเพิกเฉย พวกเค้าบอกว่าพวกเค้าไม่มีหมายจับเลยไม่สามารถดำเนินการได้ มันเป็นการละเมิดกฎระเบียบ อย่างงั้นพวกเราทำได้แค่พึ่งพาคุณเท่านั้น!”