ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 425 เริ่มการประชุม
ทั้งสองคนหันมองหน้ากันเมื่อได้ยินแบบนี้
จากนั้นชายคนนั้นก็เดินไปข้างหน้าและพูดว่า “คุณฉิน เราได้แอบตรวจสอบข้อมูลของคุณแล้ว ร่างกายของคุณดูแตกต่างจากคนทั่วไป”
“หา มันต่างกันตรงไหน” ฉินเฉิงถามเบาๆ
“เอ่อ…จะพูดยังไงดี ก่อนคุณอายุ 25 ปี คุณก็ดูปกติธรรมดา นับประสาความสามารถ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศิลปะการต่อสู้คืออะไร” ชายคนนั้นพูดต่อ “แต่พออายุยี่สิบห้า กลับดูเหมือนจะเป็นคนละคนกันเลย”
“นายพูดมากไปแล้วนะ” หญิงสาวผมแดงขมวดคิ้ว
เธอเดินไปหา ฉินเฉิง และพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ในร่างกายของคุณไม่ใช่ว่ามีวิญญาณอื่นอยู่หรอกนะ”
“วิญญาณอื่น?” ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ดูเหมือนจะไม่นะ”
เด็กหญิงผมแดงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชา “ทางที่ดีนายไม่ควรเล่นไรแบบนี้นะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษที่ฉันไม่สุภาพ!”
“พูดจริงๆ” ฉินเฉิงยิ้ม
เมื่อหญิงผมแดงได้ยินคำพูดนั้น เธอก็ค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นและแตะคิ้วของฉินเฉิงเบาๆ
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าไปยังหน้าผากของฉินเฉิง!
ผู้หญิงคนนี้ต้องการตรวจสอบพลังศักดิ์สิทธิ์ของฉินเฉิง!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอจมดิ่งลงไปในจิตสำนึกนี้ เธอก็ได้พบเข้ากับแสงสีทองต่อหน้าเธอ!
“อ้า!”
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้หญิงคนนั้นถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้เธอก็ถอยหลังโซเซไปสองสามก้าว
“แมรี่ คุณโอเคไหม” ชายร่างสูงพยุงหญิงผมแดงอย่างรวดเร็ว
ความโกรธบูดบึ้งได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวผมแดง เธอผลักชายคนนั้นออกไป เดินไปหาฉินเฉิงอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างเย็นชาว่า “นายกำลังรนหาที่ตายอยู่หรือเปล่า!”
ฉินเฉิงเหลือบมองเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำได้ไม่ดีเอง แล้วยังมาพาลใส่ฉันอีก ฉันได้ตอบคำถามของคุณแล้ว และตอนนี้ก็ถึงตาฉันแล้ว”
ฉินเฉิงหันไปหาหญิงผมแดงและพูดว่า “พวกคุณมาจากสมาคมฮินดูสินะ ตอนนี้สมาคมฮินดูอยู่ที่ไหน แล้วพวกคุณรวบรวมวิญญาณเพื่ออะไร คุณกำลังฟื้นคืนชีพจากอสุรกายหรือผีอะไร หรือว่าแค่กำลังทำตามคำสั่งหัวหน้าอยู่ ?”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
ชายผู้เพิ่งจะยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับเย็นชามาก
“ฉันไม่คิดว่าคุณฉินจะเข้าใจเกี่ยวกับสมาคมฮินดูของเราแบบนี้” ชายคนนั้นถอนหายใจ “คุณฉิน ฉันขอโทษจริงๆ นะ เดิมทีเราเพิ่งสอบสวนคำถามสองสามข้อและไม่ได้คิดจะเอาเรื่องของคุณ ชีวิตแต่คุณกลับรู้มากเกินไปแล้ว แบบนี้…พวกเราก็ลำบากสิ”
“หยุดพูดไร้สาระอะไรกับเขาได้แล้ว” แมรี่สูดหายใจอย่างเย็นชา “ก็แค่ฆ่าเขส แล้วเอาวิญญาณไป”
ชายคนนั้นไม่พูดอะไรสักคำ ถือว่าเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย
จากนั้นแมรี่ก็ประสานมือและทำท่าเริ่มสวดมนต์
หลังจากเธอสวดพักนึง ก็มีมือใหญ่ที่ส่องแสงมาจับข้อเท้าของฉินเฉิง และก็ลากฉินเฉิงลงไปใต้ดินด้วยพลังมหาศาล!
“นี่คือจุดจบของการไม่เชื่อฟัง” แมรี่พูดเบาๆ
“จุดจบอะไรนะ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
มือใหญ่ทั้งสี่ที่มัดฉินเฉิงอยู่ก็สั่นจนเลือดออก และสลายกลายเป็นหมอกในอากาศในที่สุด!
สีหน้าของคนสองคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และพวกเขาก็ถอยหลังไปสองก้าว
“ไม่แล้ว ข้อมูลเราม่ถูกต้อง!” แมรี่กระซิบ “เร็วเข้า!”
“นั่นมันไม่ได้ผลนะ” ฉินเฉิงยิ้ม จากนั้นเขายกฝ่ามือขึ้นและมือสีดำและทองขนาดใหญ่สองมือก็ควบแน่นไปในอากาศ จับคนสองคนนี้ไว้ในฝ่ามือของเขา!
“พวกคุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย” ฉินเฉิงยิ้มเบา ๆ
“ฉินเฉิง ทางที่ดีนายควรปล่อยฉันไป!” แมรี่พูดด้วยความโกรธ “ไม่เช่นนั้นสมาคมฮินดูจะไม่ปล่อยนายไปแน่!”
ฉินเฉิงโบกมือพร้อมพูดว่า “พวกคุณกำลังจะฆ่าฉันแถมยังจะให้ฉันปล่อยไปอีก มันสมเหตุสมผลไหม”
“เอาล่ะ ตอบคำถามของฉัน ก่อนฉันจะบดขยี้พวกแกให้แหลก” ฉินเฉิงกระตุ้นพลังวิญญาณของเขา ทำให้ความแข็งแกร่งของสองมือใหญ่ในทันทีก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที
แมรี่หัวเราะ”ฉินเฉิง สมาคมฮินดูของเราจะเป็นเทวสถานที่สวรรค์ส่งมา ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างนายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้! ถ้าอยากให้ฉันเปิดปากละก็ ฝันไปเถอะ!”
“เหรอ จริงๆ สิ่งนี้ไม่เหมาะกับพวกเธอ” ฉินเฉิงเยาะเย้ย จากนั้นแสงสีทองพุ่งออกมาจากกึ่งกลางคิ้วของเขาและตรงไปที่คิ้วของพวกเขา!
“พรึ่บ!”
จากนั้น หัวและพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาระเบิดในทันที! ตอนนี้ในมือของฉินเฉิงเหลือซากศพคนสองคนเท่านั้น!
“อืม?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “การรักษาความลับทำได้ดีมาก แม้จะถูกฆ่าตาย?”
เมื่อมองไปที่ศพทั้งสอง ฉินเฉิงก็อดคิดไม่ได้
สมาคมฮินดูคงจะเป็นลัทธิสั่งสอนในทางที่ผิดอย่างไม่ต้องสงสัย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่ามีคนตายไปกี่คนในเหยียนเซี่ย ว่ากันว่า พวกเขารวบรวมวิญญาณได้หลายแสนคนต่อปี
แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันใช้ทำอะไร
ฉินเฉิงมองลงไปที่พื้นที่มีมือขนาดใหญ่อยู่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจับคาง
สามารถจะยืมพลังของใต้ดินได้ด้วย สมาคมฮินดูนี้ไม่ง่ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฉินเฉิงไม่ได้คิดมากเกินไป สมาคมฮินดูจะถูกขึ้นบัญชีดำจากเหยียนเซี่ย และเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าสู่เหยียนเซี่ย
…
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่จัดการประชุมร้อยนิกาย
สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูตั้งตาข่ายที่นี่ตั้งแต่เนิ่นๆ ตราบใดที่ฉินเฉิงกล้าปรากฏตัว เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“เพื่อที่จะจับฉินเฉิงนั้น เลือดตาแทบจะกระเด็น” เลขาเจิ้งถอนหายใจ
ชางโจวมองไปที่เลขาเจิ้งและพูดว่า “ถ้าปล่อยให้ชายคนนี้โตขึ้น ราคาที่ต้องจ่ายในตอนนั้นคงไม่ใช่แค่นี้”
“ใช่” เลขาเจิ้งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ปีนั้นสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้สูญเสียจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ไปสิบคน! สิบคน!”
เมื่อพูดถึงคำพูดเหล่านี้ เลขานุการเจิ้งรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อสมาคมศิลปะการต่อสู้ถึงจุดสุดยอดแล้ว ใครจะกล้าหืออีก?
เพื่อจะจับ “ปีศาจ” ในคุกโป๋ พวกเขาสูญเสียจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่สิบคน อาวุธระดับหัวจินหกชิ้น และจอมยุทธ์อีกนับไม่ถ้วน!
นับตั้งแต่สงครามครั้งนั้น สถานะของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูก็แย่ลงกว่าเดิม และแม้แต่ตระกูลใหญ่ๆในจิงตูก็ไม่กล้ายุ่งด้วย
เลขาเจิ้งและชางโจวนึกถึงภาพคุกนั้นโดยไม่รู้ตัว
ในดวงตาของพวกเขา มีความสยองอยู่
ในตอนเย็น
ผู้นำนิกายหรือเจ้าสำนักจากทั่วทุกมุมของเหยียนเซี่ยได้มารวมตัวกันที่นี่
สำหรับพวกเขาแล้ว การได้มีส่วนร่วมในการประชุมร้อยนิกายถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“ฉันไม่รู้ว่าหัวข้อของการประชุมร้อยนิกายในวันนี้คืออะไร”
“มันไม่ได้เขียนไว้ในจดหมายเชิญ แต่ยังไงก็ไม่คงไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร”
“ฮ่าๆ ถ้าคุณสามารถใช้โอกาสในการขอการคุ้มครองจากสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูได้ ในอนาคตก็จะสามารถพัฒนาได้แล้ว”
ทุกคนต่างเข้านั่งประจำที่ และในชั่วพริบตา สถานที่จัดงานก็เต็ม
แต่งานประชุมครั้งนี้ กลับเลื่อนไปเรื่อยๆไม่เริ่มสักที เหตุผลเดียวก็คือตัวเอกยังไม่มา
ในเวลานั้นเอง ฉินเฉิงก็กำลังมาที่นี่โดยรถยนต์