ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 294 ผู้ยั่วยุ
ที่ด้านในสำนักอูยา
สีหน้าที่น่าเกลียดของเจ้าสำนักหวงก็เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความขุ่นเคือง
มันไม่ใช่แค่วันหรือสองวันสำหรับเค้าที่เฝ้ารอจะได้สัมผัสร่างของเหยารัวหยู การที่ถูกฉินเฉิงเข้ามาขัดขวางไว้แบบนี้ เค้าเองจะไม่โมโหได้ยังไงกัน
มันมีผู้ชายเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถต้านทานความงามของสาวงามได้
“ใกล้จะตรุษจีนแล้ว” เจ้าสำนักหวงก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เค้ามองดูสภาพอากาศด้านนอกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
“ใช่แล้ว ตรุษจีนแบบนี้ ทุกคนก็น่าจะกลับบ้านไปฉลองตรุษจีนสินะ” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆเค้าก็พูดขึ้นมา
เจ้าสำนักหวงก็เหลือบมองเค้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “ไอ่โง่ สมองแกคิดแต่เรื่องฉลองปีใหม่อย่างงั้นเหรอ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไป เค้ารีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ท่านเจ้าสำนัก โปรดชี้แนะด้วย…”
เจ้าสำนักหวงก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา: “ปีใหม่มันก็หมายความว่าจะไม่มีคน ครองครัวของฉินเฉิงอยู่ในมณฑลปินโจว มันห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร ลองเดาสิ ตอนนี้เค้าจะอยู่ที่ไหน?”
“ที่ท่านหมายถึงก็คือ… ฉินเฉิงจะกลับบ้านในช่วงปีใหม่?” ผู้อาวุโสก็คิดได้ในทันที
เจ้าสำนักหวงก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น สำนักหลิงตงก็น่าจะเหมือนกับเมืองร้าง มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่พวกเราจะบุกเข้าไป?”
ผู้อาวุโสก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “แต่… ถ้าฉินเฉิงกลับมาล่ะครับ?”
“กลับมาเหรอ?” เจ้าสำนักหวงเยาะเย้ย “ฉินเฉิงกับคุณชายซูก็เหลือเวลาไม่ถึงสองเดือนกับการนัดประลอง มันจะว่างมาดูแลสำนักหลิงตงอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้อาวุโสพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “ใช่แล้ว ฉินเฉิงคนนี้จะต้องเก็บตัวอยู่อย่างแน่นอน ไม่อย่างงั้นเค้าไม่มีทางเอาชนะคุณชายซูได้หรอก”
ในคอนนี้เอง สายลับจากสำนักอูยาก็วิ่งเข้ามา
“ท่านเจ้าสำนัก สำนักหลิงตงในตอนนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักฉินแล้วครับ” สายลับคนนั้นพูดออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“สำนักฉิน?” หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ เจ้าสำนักหวงก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“หยานรัวหยู นังสารเลว แกมอบสำนักของแกให้กับฉินเฉิง แต่ไม่ยอมจำนนให้กับสำนักอายูของเรา! นี่มันไม่เห็นหัวฉันเลย!” เจ้าสำนักหวงก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
ผู้อาวุโสกับสายลับต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย ทั้งสองก้มศีรษะหน้าลง
“นังตัวแสบ รอฉันได้แกมาอยู่ในมือก่อนเถอะ ฉันจะให้บทเรียนกับแกเอง!” เจ้าสำนักหวงก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
หลังจากนั้น เจ้าสำนักหวงก็มองไปที่สายลับแล้วพูดว่า: “ฉินเฉิงหละ? มันอยู่ไหน? มันไปแล้วเหรอ?”
“ตอบท่านเจ้าสำนักหวง ผมไม่เห็นฉินเฉิงมากว่าครึ่งเดือนแล้ว” สายลับพูดขึ้นมา
เจ้าสำนักหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้าเองก็กลัวกับกลวิธีของฉินเฉิง
“หรือว่ามันจะยังไม่ได้ไปไหน?” เจ้าสำนักหวงก็พูดเบาๆขึ้นมา “ไม่น่าเป็นไปได้ ช่วงปีใหม่มันก็น่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ?”
“เจ้าสำนักครับ จะส่งสายลับไปตรวจสอบไหม?” ผู้อาวุโสถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
เจ้าสำนักหวงโบกมือขึ้นมาและส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ยังก่อน ถ้ายังไม่เห็นตัวของฉินเฉิงก่อนวันปีใหม่ มันก็หมายความว่ามันออกจากเมืองหยินไปแล้ว ตอนนั้นเราค่อยลงมือ”
“เจ้าสำนักฉลาดมากจริงๆ!” ผู้อาวุโสกับสายลับต่างก็พากันยกย่องเค้า
เจ้าสำนักหวงก็พูดว่า: “ให้ลูกศิษย์ทั้งหมดในสำนักอยู่ก่อน เมื่อถึงเวลาฉันจะให้คนละหนึ่งแสนหยวนเป็นค่าตอบแทน”
“ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!” ผู้อาวุโสก็รีบพูดขึ้นมา
ปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาทุกที การต่อสู้ระหว่างฉินเฉิงกับซูหยู่ก็กำลังจะเริ่มขึ้น
ฟอรัมศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้ทุกวัน
“ช่วงนี้ฉินเฉิงก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย แต่ซูหยู่ก็เป็นข่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง”
“ซูหยู่ชนะมาแล้ว 72 ครั้งติดต่อกัน ว่ากันว่าเมื่อวันก่อนเค้าเอาชนะจอมยุทธ์ขั้นหกได้ทั้งๆที่ตัวเองเป็นแค่จอมยุทธ์ขั้นสอง!”
“ลูกของสำนักที่มีชื่อเสียงระดับโลก ถ้าเค้าไม่เก่งมันก็คงจะแปลก ยิ่งไปกว่าตระกูลซู เหยียนเซี่ยที่เป็นตระกูลชั้นหนึ่งมันก็ไม่ต้องพูดถึงเลย”
“เฮ้ ยังไงก็ตาม ฉินเฉิงก็ยังไม่หายไปไหนใช่ไหม? เรามาจับตารอดูการแสดงดีๆก็แล้วกัน”
“….”
หลายคนต่างก็หันไปสนใจที่เมืองปีนัง แม้แต่นักยุทธ์จำนวนมากก็รีบไปที่เมืองปีนัง
ลูกศิษย์หลายคนจากสำนักต่างๆก็อยากที่จะไปเจอกับฉินเฉิง
สามวันก่อนปีใหม่ ทันใดนั้นเอง มันก็มีเสียงประกาศดังทั่วท้องฟ้าเหนือเมืองปีนัง: ฉินเฉิงคนนี้ มันก็แค่คนไม่มีชื่อเสียงอะไร ฉัน หลิวเจิ้งหลง ฉันอยากจะเห็นวันนี้เหมือนกัน!
เสียงนั่นมันดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน มันแทบจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองปีนัง
“หลิวเจิ้นหรง? หลิวเจิ้นหรงจากตระกูลหลิวในเมืองวานหยาง?”
“ตระกูลหลิว ดูเหมือนว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพวกเค้าจะเงียบมาตลอด พวกเค้าต้องการจะใช้ฉินเฉิงรองเท้าเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่มีการเคลื่อนไหว? พวกนายน่าจะยังไม่รู้นะว่า ลูกชายของเฝิงกงก็เป็นคนของตระกูลหลิว! การที่ฉินเฉิงฆ่าเฝิงเฉิน ตระกูลหลิวก็ต้องการแก้แค้นอยู่แล้ว!
เฝิงกง เค้าอยู่ที่ปินโจวมาโดยตลอด แววตาของเค้ามันดูซับซ้อนเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเค้าจะยอมจำนนต่อฉินเฉิง แต่เค้าก็ไม่เคยลืมความเจ็บปวดของลูกชายเค้าที่ถูกฆ่า
ที่บ้านตระกูลเฝิง เฝิงกงกับเจ้าแห่งลมปราณหูก็นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“หลิวเจิ้นหลง อัจฉริยะจากตระกูลหลิว” เฝิงกงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “แล้วก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของเฝิงเฉิน เค้าอยู่อย่างสันโดษมากว่าสามปีแล้ว”
เจ้าแห่งลมปราณหูเหลือบมองไปที่เฝิงกงแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “เฝิงกง นายกับฉันก็เป็นคู่ต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว ฉันจะแนะนำนายว่าบางครั้งมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่มันก็ง่ายเลยที่จะทำลายอนาคตของตัวเองหรือแม้แต่ชีวิต.”
เฝิงกงกวาดมองไปที่เจ้าแห่งลมปราณหู เค้าไม่ได้ปกปิดอะไรเลยแม้แต่น้อย: “ลุกขึ้นมาแล้วพูดสิ ถ้าลูกชายของนายตายด้วยเงื้อมมือของเค้า นายจะทำยังไง?”
เจ้าแห่งลมปราณหูก็พูดอะไรไม่ออก
เค้าลุกขึ้นแล้วตบไหล่ของเฝิงกงและพูดว่า: “ฉินเฉิง เค้าไม่ใช่เด็กหนุ่มที่อ่อนต่อโลกอีกต่อไป ไม่ว่านายจะแก้แค้นให้ลูกชายของนาย หรือคุณจะคอยตามรับใช้ฉินเฉิงอย่างสิ้นหวัง มันก็เป็นการแสดงออกของคนขี้ขลาด”
เฝิงกงสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา เค้าไม่พูดอะไร
เจ้าแห่งลมปราณหูเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เฝิงกงไม่เพียงแต่เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่เค้ายังเป็นยักษ์ใหญ่ในแวดวงการธุรกิจอีกด้วย มันเป็นธรรมชาติของนักธุรกิจที่จะลงทุนตามแนวโน้มที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้
หลิวเจิ้งหลงตะโกนอย่างไม่หยุด แทบจะทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าหลิวจิ้งหลงต้องการที่จะเหยียบฉินเฉิง
เหลืออีกสองวันก่อนวันปีใหม่ ในวันนี้หลิวเจิ้งหลงก็ยืนอยู่บนยอดเขาหลงไห่ เค้าร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง: “ฉินเฉิงคนนี้ มันก็แค่เต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง มันไม่กล้าสู้ ฉันจะฆ่ามันด้วยสามกระบวนท่า!”
“คุณฉินมีธุระ เค้าไม่อยู่บ้าน อย่ามาตะโกนอย่างงี้เลย” ในตอนนี้เอง จินฮู่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาหลงไห่
หลิวเจิ้งหลงเหลือบมองเค้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “แกเป็นสุนัขรับใช้ของฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?”
สีหน้าของจินฮู่ก็เปลี่ยนไป เค้าพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ฉันเป็น…เพื่อนของเค้า”
“เพื่อน?” หลิวเจิ้นหลงหัวเราะเสียงดัง “พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แม้แต่ตัวแกเองก็ยังไม่เชื่อในตัวเองอย่างงั้นเหรอ?”
จินฮู่กัดฟันแล้วพูดว่า: “มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ฉันแค่จะบอกว่าการที่แกมาตะโกนตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้านแบบนี้ มันไม่ใช่ฮีโร่หรอกนะ มันไม่ใช่ฮีโร่ มันมีแต่จะทำให้คนอื่นหัวเราะ”
“ฉันไม่ใช่ฮีโร่?” สีหน้าของหลิวเจิ้งหลงก็เย็นชาลง “แกมันก็แค่สุนัขรับใช้ แกกล้าที่จะมาพูดจาแบบนี้ต่อหน้าฉันอย่างงั้นเหรอ แกไม่เหนื่อยเลยเหรอวะ!”
ทันทีที่เค้าพูดจบ หลิวเจิ้งหลงก็ตบเค้าในทันที!
จินฮู่คนนี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น ต่อหน้าของจอมยุทธ์ เค้าไม่มีพลังที่จะสู้กลับแล้วก็ไม่มีโอกาสรอดเลยด้วยซ้ำ!