ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 280 แปลกแต่ไม่อันตราย
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ผู้คนต่างก็โกลาหลขึ้นมาในทันที
ผู้คนเกือบครึ่งลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ
ครึ่งหนึ่งของผู้คนที่อยู่ที่นี่ พวกเค้าก็นั่งดูกันอย่างเงียบๆ
“หม่ารุ่ยเป็นสมาชิกของสมาคมกลั่นยานานาชาติ ความสามารถของพวกเค้ามันก็ไม่แย่ไปกว่าตำหนักเทพโอสถเลย” ชางยี่ก็พูดต่อ “อย่างงั้น สิ่งที่หม่ารุ่ยพูด มันก็เชื่อถือได้”
“เอาล่ะ ฉินเฉิง นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“พวกเราเชื่อมั่นในตัวคุณ คุณยังกล้าดีวางยาพิษเรา หรือว่าคุณต้องการที่จะฆ่าพวกเราทั้งหมด!”
“ฉินเฉิง ถ้าวันนี้คุณไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลพอ ก็อย่าหวังที่จะได้ออกไปจากที่นี่เลย!”
ทันทีที่พูดจบ ผู้คนนับไม่ถ้วนก็วิ่งเข้ามา
พวกคนเหล่านี้ต่างก็เล็งไปที่ฉินเฉิง ตราบใดที่ยั่วยุพวกเค้า พวกเค้าก็พร้อมที่จะทุบตีฉินเฉิงราวกับกระสอบทรายในทันที
หม่ารุ่ยมองไปที่ฉินเฉิง เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ฉินเฉิงก็ปัดมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “คุณหม่ารุ่ย เท่าที่ผมรู้ อาจารย์ของคุณเองก็มาจากตำหนักเทพโอสถ ในตอนนั้นเค้าก็เป็นปฏิปักษ์กับเจ้าสำนักคนปัจจุบัน ใช่ไหม?
หม่ารุ่ยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “แล้วไง”
ฉินเฉิงก็พูดต่อ: “อย่างงั้น คุณก็เลยมีเจตนาที่จะใส่ร้ายฉันแล้วป้ายความผิดให้กับตำหนักเทพโอสถอย่างงั้นสินะ?”
ทันทีที่เค้าพูดออกมาแบบนี้ คนจำนวนมากก็เงียบลงในทันที
พวกเค้าขมวดคิ้วแน่น มันดูราวกับว่าพวกเค้ากำลังเฝ้ารอดูเรื่องนี้อยู่
หม่ารุ่นก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา: “ฉลาด ฉลาดมากจริงๆ นายคิดว่าการทำแบบนี้มันจะช่วยนายได้อย่างงั้นเหรอ? ยานี่มันมีอะไรอยู่ นายเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี”
“นั่นเป็นเพราะฉันรู้อยู่แล้ว อย่างงั้นยังจะต้องมาถามนายอีกเหรอ” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“โอเค!” ชางยี่ถอนหายใจออกมา “ถ้ามันไม่มีอะไรจริง นายก็กินมันให้พวกเราดูสิ! นายกล้าไหม!”
“ไม่มีปัญหา” ฉินเฉิงพยักหน้า “แต่ฉันต้องบอกคุณล่วงหน้าก่อนนะว่าปริมาณยาถอนพิษที่ฉันเอามามันก็พอดีกับจำนวนคน หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ทุกคนจะได้คนละเม็ด ตอนนี้ก็จะมีคนที่อยู่ที่นี่ไม่ได้ยา พวกคุณลองคิดเรื่องนี้ดูก็แล้วกัน”
การที่เค้าพูดออกมาแบบนี้ ทันใดนั้นเอง หลายคนก็เริ่มสับสนเล็กน้อย
เมื่อมันเกี่ยวข้องกับพวกเค้าเอง พวกเค้าต่างก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปในทันที
ฉินเฉิงเงียบ เค้าหยิบยาเม็ดหนึ่งขึ้นมาแล้วกลืนมันเข้าไปโดยไม่พูดอะไรซักคำ
“ยังจะต้องกินมันต่ออีกไหม?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง จากนั้นเค้าก็กลืนยาอีกเม็ด
หลังจากกินสี่เม็ดติดต่อกันแล้ว บางคนก็เกิดทนไม่ได้ขึ้นมา
“เอาล่ะ ฉินเฉิงกินไปสี่เม็ดแล้ว เค้าก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อย่างงั้นก็หยุดก่อนไหม” มีคนหนึ่งที่พูดขึ้นมา
“หึหึ ตัวเค้าเองก็เป็นหมอยา แน่นอน กินยานี้เข้าไปเค้าก็จะไม่เป็นอะไร นี่มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย”
“ถ้าพิสูจน์อะไรไม่ได้ก็ไม่ต้องกินแล้ว!”
“ใช่! ฉินเฉิง หยุดก่อน!”
ฉินเฉิงกวาดมองไปที่หม่ารุ่ยแล้วพูดว่า: “คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“นี่มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย” หม่ารุ่ยเยาะเย้ยขึ้นมา
“อย่างงั้นจะลองกินมันดูไหม?” ฉินเฉิงยื่นยาให้กับเค้า
หม่ารุ่ยยังคงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ฉันกินเข้าไป มันก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ ความซับซ้อนของยาเม็ดนี้มันเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง มันไม่มีใครรับประกันได้เลยว่าพิษของยานี้จะออกฤทธิ์เมื่อไหร่”
หลังจากพูดจบ หม่ารุ่ยก็กวาดสายตามองทุกคนแล้วพูดว่า: “อย่างไรก็ตาม ฉันรับรองได้เลยว่ายาเม็ดนี้มีปัญหาอย่างแน่นอน พวกคุณไม่ควรกินมัน”
“ฉินเฉิง หากนายไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ก็อย่าหาว่าพวกเราเสียมารยาทด้วยหละกัน” ชางยี่พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“นี่มันเล่นกลกับเราใช่ไหม” ใครบางคนก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงถอนหายใจเล็กน้อย คนเหล่านี้มันไม่ง่ายเลยที่จะหลอกลวง
แต่… ฉินเฉิงคาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ดังนั้นเค้าเองก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว
“พอดีเลย ฉันเองก็มีเพื่อนที่มาจากสมาคมกลั่นยา” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา “แล้วความสามารถของเค้าก็ยังเก่งมากกว่าหม่ารุ่ยมาก คำพูดของฉัน พวกคุณก็ไม่เชื่อ ถ้าเป็นคำพูดของเค้า พวกคุณก็จะเชื่อใช่ไหม?”
หลังจากพูดจบ ที่ด้านหลังของเวที ชายชราก็ค่อยๆเดินออกมา
แม้ว่าชายชราคนนี้จะเป็นสมาชิกของสมาคมกลั่นยา แต่เค้าก็เป็นคนของเหยียนเซี่ยที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเซียง
ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทของเค้าในฐานะผู้อาวุโสของสมาคมการกลั่นยานานาชาตินั้นยังอยู่เหนือกว่าหม่ารุ่ยอยู่มาก
หลังจากที่มองเห็นชายชรา สีหน้าของหม่ารุ่ยก็เปลี่ยนไปในทันที เค้าหันหน้ามาอย่างเร็ว มันดูราวกับว่าเค้าพยายามที่จะจ้องมองหน้าของชายชราคนนั้นให้ชัด
“ท่านอาจารย์ซิน” ฉินเฉิงยกมือคำนับแล้วต้อนรับเค้าอย่างสุภาพ
อาจารย์ซินพยักหน้า จากนั้นเค้าก็มองมาที่หม่ารุ่ยแล้วพูดว่า: “หม่ารุ่ย พวกเราเตือนนายมาสามครั้งแล้ว ทำไม นายอยากถูกขับไล่ออกจากสมาคมกลั่นยาอย่างงั้นเหรอ!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หม่ารุ่ยก็ตกใจ
เค้ารีบหันมาแล้วคุกเข่าลงและพูดว่า: “อาจารย์ซิน…ผมสำนึกผิดแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ ผมสัญญาว่าต่อไปผมจะไม่รับงานนอกอีก…”
อาจารย์ซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “นี่เป็นครั้งที่สี่ของเธอแล้ว เธอยังจะมาขอให้ฉันให้โอกาสอีกเหรอ”
เมื่อหม่ารุ่ยได้ยินแบบนี้ เค้าก็คำนับแล้วก็เอาหัวลงไปกระแทกพื้น จากนั้นก็อ้อนวอนร้องขอความเมตตา: “ท่านผู้อาวุโสซิน ท่านเองก็ยกโทษมาให้ผมหลายครั้งแล้ว คราวนี้ก็ยกโทษให้ผมอีกซักครั้งนะครับ ผมของยืนยันเลยว่านี่มันจะเป็นครั้งสุดท้าย.. ”
อาจารย์ซินเงียบไปนาน เค้าโบกมือแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ฉันหวังว่าเธอจะทำตามที่พูด ฉันจะทำเป็นว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรก็แล้วกัน”
หม่ารุ่ยก็โล่งใจในทันที เค้าก็รีบตอบตกลงในทันที: “ขอบคุณอู้อาวุโสซิน ขอบคุณผู้อาวุโสซิน…”
พอพูดจบ หม่ารุ่ยก็ลุกขึ้นจากพื้นแล้วหันหลังจากไป
การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้เอง มันก็ทำให้ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไป
ชางยี่ก็ตบหัวของตัวเองแล้วบ่นพึมพำขึ้นมาว่า: “หรือว่าที่ฉินเฉิงพูดมันจะเป็นเรื่องจริง?”
“อาจารย์ซิน คุณกล้าถามฉินเฉิงไหมว่ายาถอนพิษนี่มันมีปัญหาอะไรไหม?” ชางยี่ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นมา
อาจารย์ซินหยิบเม็ดยาขึ้นมาแล้วลูบมันอยู่ซักพัก เค้าส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่มีปัญหาอะไร ยานี้มีผลในการล้างความร้อนของพิษ วิธีการกลั่นยานี้ สมแล้วจริงๆที่จะเป็นคนที่มาจากตำหนักเทพโอสถ”
“แล้ว…ที่ฉินเฉิงพูด มันเป็นความจริง?”
“พระเจ้า ฉันเกือบโดนชางยี่หลอกซะแล้ว!”
สีหน้าของชางยี่ก็แดงขึ้นมาด้วยความอาย
“ยังไงก็ตาม ยาก็ขาดไปสี่เม็ด ใครจะไม่ได้มัน” มีคนพูดขึ้นมา “นี่มันก็ไม่ต้องสงสัยเลย”
“ชางยี่ไง ใครก็ตามที่ยืนอยู่กับชางยี่ก็จะไม่ได้มันไป”
“ฉินเฉิง พวกเราเชื่อใจคุณนะ” ใครบางคนก็ตะโกนขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “ไม่ต้องห่วง ฉันจำได้ ทุกคนเข้ามารับยาเถอะ”
คนที่อยู่ข้างเวทีก็รีบวิ่งขึ้นไป ฉินเฉิงก็เอายาถอนเม็ดนี่ให้กับพวกเค้าทีละคน
ส่วนพวกที่พึ่งจะก่อปัญหาเมื่อกี้ ฉินเฉิงก็จำพวกเค้าได้แล้วก็ปฎิเสธที่จะไม่ให้ยา
หลังจากนั้นไม่นาน เม็ดยานี้ก็ถูกแจกจ่ายออกไป
ชางยี่กับคนอื่นๆก็ยืนมองดู จากนั้นพวกเค้าก็พูดขึ้นมาอย่างเขินอายว่า: “ฉินเฉิง มันเป็นเรื่องปกที่เราจะต้องมีความสงสัย ดังนั้นก็อย่าถือสาเลยนะครับ…”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ฉันต้องเอายานี่ให้กับทุกคน ในเมื่อคุณไม่เชื่อ ฉันช่วยไม่ได้”
เค้าหยิบยาขึ้นมาแล้วพูดต่อว่า: “อย่างงั้น ฉันสามารถให้ยาพวกนี้แก่คุณได้ แต่จะต้องใช้เงินเพื่อซื้อยาเหล่านี้แล้วยาพวกนี้มันก็ไม่ฟรีแล้ว”