ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 167 อะไรที่เรียกว่าความแตกต่าง
"นั่นไงพวกมัน!" ฟางเสี่ยวเต๋อชี้ออกไปในทิศทางที่รถขับเข้ามา
ลุงหยู่ยกมือขึ้นและพูดออกมาว่า "ทั้งหมดล้อมมันเอาไว้!"
"ทราบครับ!"
ทหารจำนวนมากกระโดดลงมาจากรถและล้อมรอบคนของสำนักชิงหรงเอาไว้
เมื่อคนของสำนักชิงหรงได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นพวกเขาก็ตกใจและตื่นตระหนกทันที
ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนในชุดสูทและรองเท้าหนังลงมาจากรถสีดำ เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของลุงหยู่ ยื่นบุหรี่ หัวเราะและพูดออกมาว่า "หัวหน้า นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"
"เกิดอะไรขึ้น? สำนักชิงหรงของพวกนายทำสิ่งที่มันเลวร้ายเกินไป นายกลับมาพูดว่าเกิดอะไรขึ้น?" ลุงหยู่ตอบกลับไป
"ใช่ ลุงหยู่ จับพวกมันให้หมดเลย!" ฟางเสี่ยวเต๋อพูดเสริมออกไป
ชายสวมสูทนั้นไม่ได้โง่ เมื่อได้ยินคำพูดของฟางเสี่ยวเต๋อเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ดังนั้นเขาจึงรีบเดินมาหาฟางเสี่ยวเต๋อและพูดออกมาด้วยท่าทางขอร้องว่า "แม่สาวน้อย เป็นเพราะฉันสั่งสอนเขาไม่ดีเอง ทำให้เขาไปยั่วยุคุณ ได้โปรดอย่าไปถือสาเขาเลย ที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อให้เขามาขอโทษ"
พูดจบเชาก็เรียกชายที่มีรอยสักคนนั้นออกมา และพูดออกมาว่า "พวกนายนี่ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือเอาเสียบ้างเลยหรือไง? วันๆสร้างแต่ปัญหา ยังไม่รีบขอโทษออกไปอีก!"
ชายที่มีรอยสักเหล่านั้นกลัวจะฉี่จะราด พวกเขาตบปากของตัวเองและอ้อนวอนขอความเมตตา "คนสวย พวกเราสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย…"
"มันสายไปแล้ว" ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมา
จากนั้นลุงหยู่ก็พูดออกมาว่า "จับพวกเขาไปให้หมด พาไปที่ห้องขังท้องถิ่น!"
"ครับ!" ลูกน้องที่ถือปืนของเขาเดินเข้ามาและพูดออกมาว่า "ขึ้นรถ!"
"หัวหน้า อย่าเลย พวกเราสำนึกผิดแล้วจริงๆ ได้โปรดให้โอกาสพวกเราสักครั้ง…." ชายสวมสูทพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ร้อนรน
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจเขาเลย ทหารสองคนเดินเข้ามาล็อคแขนของเขาเอาไว้และพาเขาขึ้นรถไป
ทันใดนั้นสำนักชิงหรงที่มีชื่อเสียงก็ถูกกำจัดทันที
สำหรับฟางเสี่ยวเต๋อแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
"เสี่ยวเต๋อ งั้นลุงหยู่ขอตัวก่อนนะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาได้เลย" ลุงหยู่หันมาหาฟางเสี่ยวเต๋อและพูดออกมา
ฟางเสี่ยวเต๋อตอบไปว่า "อืม เดินทางปล่อยภัยค่ะ ลุงหยู่!"
ฉินเฉิงที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าออกมา สำนักจิงหรงนี้ดวงไม่ดีเอาเสียเลย…
อาหารมื้อนี้ทานกันจนถึงเที่ยงคืน ตอนนั้นฟางเสี่ยวเต๋อดื่มเบียร์เข้าไปประมาณ 6 ขวด ตอนนี้เธอขยับตัวไม่ได้
ฉินเฉิงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะแบกเธอกลับไปที่โรงแรม
วันต่อมา ในตอนที่ฟางเสี่ยวเต๋อตื่นนอนเธอรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย หลังจากที่เดินออกมาจากห้องนอน เธอก็มองไปที่ฉินเฉิงด้วยความระมัดระวัง "นี่นาย เมื่อคืนนายไม่ได้ทำอะไรฉันใช่ไหม?"
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เธอและพูดออกมาว่า "ฉันไม่ชอบพวกไม้กระดาน"
สีหน้าของฟางเสี่ยวเต๋อแดงขึ้นมาทันที เธอพูดออกไปด้วยความโกรธว่า "ชิ ขอให้นายได้แฟนเป็นคนหน้าอกแบน!"
ฉินเฉิงหัวเราะออกมาและก็ไม่ได้เถียงอะไรมากไปกว่านั้น
ในตอนนั้นที่โรงยิมของเมืองจิง ประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ของเมืองจิงกับเมืองหนิงกำลังนั่งอยู่
"เหล่ามู่ ครั้งนี้เมืองจิงของพวกเราไม่มีทางแพ้ให้กับพวกคุณอีกแน่! ฮ่าฮ่าฮ่า" กู้ซีพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
มู่โชวหลินหันไปมองชายผมยาวที่อยู่ข้างๆและพูดออกมาว่า "คนนี้คือคนที่มาช่วยคุณจากต่างประเทศเหรอ?"
"ถ้าพูดจริงๆก็ไม่ได้มาจากต่างประเทศ" ชายผมยาวตอบกลับไป "เดิมทีฉันเองก็เป็นคนพื้นเพที่เมืองจิงนี้แหละ แต่ฉันได้เดินทางไปทั่วโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมาและรวบรวมศิลปะการต่อสู้ต่างๆไว้ในที่เดียว! วันนี้เรียกได้ว่าฉันเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้"
มู่โชวหลินหัวเราะและพูดออกมาว่า "เหล่ากู้ ที่จริงเหมืองจิงของคุณมีโอกาสที่จะชนะในการแข่งขันครั้งนี้ แต่น่าเสียดายที่คุณไม่คว้าโอกาสนั้นเอาไว้"
กู้ซียิ้มและพูดออกมาว่า "นายหมายความว่าอย่างไง? ฉันไม่เข้าใจ สำหรับสมาคมศิลปะการต่อสู้ของเมืองหนิง ฉันเข้าใจอย่างเป็นอย่างดี คนที่แข็งแกร่งที่สุดของทางโน้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากจ้วงตู่ แต่น่าเสียดายที่จ้วงตู่มันก็งั้นๆ"
มู่โชวหลินพยักหน้าและมองมาที่ชายผมยาว "นายพูดถูก จ้วงตู่คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มคนนี้ แต่…คนที่จะมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่จ้วงตู่"
"ไม่ใช่จ้วงตู่? นอกจากเขาแล้วเมืองหนิงของนายยังมียอดฝีมือคนอื่นอีกเหรอ?" กู้ซีหัวเราะและพูดออกไป
มู่โชวหลินตอบกลับไปว่า "ถ้าคุณสามารถขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศได้ฉันก็มีสิทธิ์เช่นกัน"
"ต่างประเทศ?" กู้ซีทำเป็นตกใจ "หรือว่าคุณเองก็ไปจ้างยอดฝีมือมาเหมือนกัน?"
"ฮ่าฮ่า มันก็ไม่เชิง เนื่องจากคนที่ฉันขอให้มาช่วยคนนี้มาจากปีนัง ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด นายเองก็น่าจะรู้จักเขา" มู่โชวหลินยิ้มและพูดออกไป
กู้ซีขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เข้าใจ "ปีนัง? ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าที่ปีนังจะมียอดฝีมืออยู่?"
มู่โชวหลินแอบคิดในใจ "หัวใจของนายมันรู้จักแต่เงิน แน่นอนว่านายคงไม่รู้จักเขาคนนี้"
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่สีหน้าของเขานั้นชัดเจนมาก
ในตอนนั้นฉินเฉิงก็พาฟางเสี่ยวเต๋อเดินเข้ามาจากด้านนอก
หลังจากที่เห็นฉินเฉิง กู้ซีก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "นายไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ? จะกลับมาทำไม?"
ชายผมยาวที่อยู่ข้างๆของเขาก็หัวเราะและพูดออกมาว่า "ที่นี่ไม่ต้องการนาย นายจะไปไหนก็ไป"
ฉินเฉิงก็ไม่ได้สนใจพวกเขา เขาเดินตรงไปที่มู่โชวหลิน
มู่โชวหลินรีบกล่าวทักทาย "คุณฉิน"
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย "ประธานมู่"
"อะไร พวกนายรู้จักกัน?" กู้ซีถามออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย
มู่โชวหลินหัวเราะออกมา "ท่านนี้คือคนที่ฉันไปจ้างมาเอง"
เมื่อได้ยินแบบนั้นกู้ซีก็หัวเราะออกมาดังลั่น
"เหล่ามู่ คุณไม่ได้ล้อเล่นกับฉันใช่ไหม?" กู้ซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา "ทำไม คนที่เมืองจิงของฉันไม่ต้องการ กลับไปเป็นอัญมณ๊สำคัญให้กับเมืองหนิงของพวกคุณ?"
มู่โชวหลินยิ้ม "พวกเราไม่ใช่คนแบบนาย เรารู้ว่าอะไรคือของจริง"
สีหน้าของกู้ซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสงอคนติดต่อกันอยู่เป็นประจำ แต่กู้ซีก็รู้อยู่แก่ใจว่ามู่โชวหลินคนนี้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา
"อะไรคือของจริง? เขาก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเด็กคนหนึ่งที่ต้องการที่จะร่วมการแข่งขันเพราะเงินรางวัล" กู้ซีพูดออกมา
"ฮ่าฮ่า หวังว่านายจะจำคำพูดของนายเอาไว้ให้ดี" มู่โชวหลินไม่อยากพูดกับกู้ซีไปให้มากไปกว่านี้ เขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไป
"คุณเติ้ง อีกเดี๋ยวต้องรบกวนคุณจัดการขยะนั่นด้วย" หลังจากที่มู่โชวหลินเดินออกไป กู้ซีก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่คับแค้นใจ
ชายผมยาวยิ้ม "ประธานกู้วางใจ แต่ฉันยื่นมือออกไป ไม่แน่เขาอาจจะตายไม่ก็ได้รับบาดเจ็บหนัก"
"คุณพูดออกมาแบบนี้ฉันก็วางใจ!" กู้ซีพูดออกมา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้จะถึงเวลาของการแข่งขันแล้ว
ฉินเฉิงและชายผมยาวยืนอยู่บนสังเวียน ขณะที่กู้ซีและมู่โชวหลินนั่งข้างกันในกลุ่มผู้ชม
"ประธานกู้ หวังว่าคุณคงจะไม่ผิดหวัง" มู่โชวหลินพูดออกมา
กู้ซีหัวเราะและพูดออกมา "คำพูดนี้ควรจะเป็นฉันพูดมากกว่า อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้แล้วว่าอะไรที่เขาเรียกกันว่าความแตกต่าง!"