ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 113 แขกที่ไม่ได้รับเขิญ
หลังจากที่ฉางหลุนกล่าวทักทายเรียบร้อยแล้วเขาก็มองไปเห็นฉินเฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลัง
จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและเดินเข้ามาพูดว่า "ฉินเฉิง ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ มีเรื่องอะไรรอหลังฉันทำงานเสร็จแล้วค่อยคุยกัน โอเคไหม?"
ฉินเฉิงยิ้มอยู่ในหัวใจของเขา พยักหน้าและพูดออกมาว่า "ได้สิ ประธานฉาง"
"ประธานฉิน คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ?" เหยาเจียตกใจจึงถามออกมา
ฉินเฉิงส่ายหน้า "ฉันจะไปรู้จักเจ้านายที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร"
สีหน้าของฉางหลุนเปลี่ยนไป จากนั้นก็ถามออกมาว่า "ประธานเหยา คุณกับฉินเฉิงมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน?"
"ท่านนี้คือหัวหน้าของประธานเฝิง ประธานฉิน" เหยาเจียถามออกมาด้วยความสงสัย "ฉันก็คิดว่าพวกคุณจะรู้จักกัน"
สีหน้าของฉางหลุนน่าเกลียดขึ้นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ที่มีความข้องเกี่ยวกับวรยุทธ แต่สำหรับชื่อที่โด่งดังของตระกูลเฝิงนั้นเขาเข้าใจดี
ฉินเฉิงคนนี้เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลเฝิง?
"ประธานฉินเชิญนั่งคะ" เหยาเจียไม่ได้สนใจฉางหลุน "เดี๋ยวฉันจะไปนำน้ำมาให้"
ฉินเฉิงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน จากนั้นก็หลับตาลง
ฉางหลุนที่อยู่ข้างๆรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก โอกาสที่ดีขนาดนี้เขากลับทำลายมันไปด้วยมือของตัวเอง!
"ฉินเฉิง ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นายอย่าไปสนใจเลยนะ" ฉางหลุนลังเลอยู่นานกว่าจะพูดออกมา สุดท้ายเขาก็คิดจะเชื่อมความสัมพันธ์อีกครั้ง
ฉินเฉิงยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ฉางหลุนกัดฟันแน่น "ฉินเฉิง นายจำได้ไหมตอนที่พวกเรายังเด็กและไปเล่นจับปลาที่ริมชายหาดด้วยกัน? ตอนนั้นมันดีมากๆเลยนะ!"
"ไม่ได้ไม่แล้ว" ฉินเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้นมา พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
ฉางหลุนแข็งทื่อ พูดออกมาด้วยความอึดอัดว่า "ฉินเฉิง พวกเรา…."
"ระหว่างเวลางาน นายควรจะเรียกฉันว่าประธานฉิน" ฉินเฉิงโบกมือและขัดคำพูดของเขา
ฉางหลุนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ถ้าหากเมื่อสักครู่เขาทำตัวดีกว่านี้ ตอนนี้เหตุการณ์คงจะดีกว่าเดิม? และหน้าที่การงานของเขาก็จะก้าวหน้าขึ้นแบบก้าวกระโดด!
แต่น่าเสียดายที่โลกใบนี้ไม่มียาแก้ความผิดหวัง
"ฉางหลุน นายเองแบบโครงสร้างที่นำมายื่นให้ประธานฉินดูสิ" เหยาเจียเดินถือน้ำพร้อมพูดออกมา
"ได้ครับ ได้ครับ" ฉางหลุนรีบพยักหน้าทันที จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษยื่นให้กับฉินเฉิง พูดออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า "ประ…ประธานฉิน คุณลองดูแบบโครงสร้างนี้หน่อยครับ"
ฉินเฉิงชายตามองไป เขาชี้ไปที่บ้านริมน้ำตกและพูดออกมาว่า "ทุบบ้านที่อยู่แถบนี้ทั้งหมด จากนั้นก็ล้อมเอาไว้ ฉันต้องการแบบนั้น"
"ทุบทิ้ง?" สีหน้าของฉางหลุนเปลี่ยนไป "ประธานฉิน บ้านแถบนั้นได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยฉันและรูปแบบสถาปัตยกรรมก็ระดับไฮเอนด์ที่สุด…."
"ฉันบอกให้ทุบทิ้ง นายทำไม่ได้เหรอ?" ฉินเฉิงพูดออกมาขัดคำพูดของฉางหลุน "ถ้าหากนายทำไม่ได้ ฉันจะได้หาคนอื่นมาทำ"
"ทะ…ทำได้ครับ" ใบหน้าของฉางหลุนน่าเกลียดมาก บ้านพักแถบนั้นทำให้เขาได้มาถึงจุดนี้ เนื่องจากมีบริษัทก่อสร้างมากมายเพื่อที่จะเอาโครงการนี้มา มอบขอบให้กับเขาจำนวนไม่น้อย
ถ้าหากต้องทำลายทิ้งจริงๆ คนพวกนั้นคงไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่!
"ประธานเหยา พวกฉันไปดูหน่อย" ฉินเฉิงลุกขึ้นมาจากโซฟา
"ได้คะ ประธานฉินตามฉันมาเลย" เหยาเจียพูดออกมาพร้อมกับนำทางให้
ฉางหลุนลังเลอยู่ลักพักจากนั้นเขาก็เดินตามออกไป
และในตอนที่ฉินเฉิงกำลังเดินไปทางบ้านพักริมน้ำตก คนที่ได้ประมูลมาทำงานร่วมกับการก่อสร้างในครั้งนี้เห็นฉินเฉิงเข้าพอดี พวกเขาจึงรีบเดินเข้ามาหาฉินเฉิงอย่างรวดเร็ว
"คุณฉิน คุณมาที่นี่ได้อย่างไร!" คนเหล่านั้นทักทายฉินเฉิงด้วยความเคารพ
ฉินเฉิงหันไปมองพวกเขา ในสายตาของฉินเฉิงพวกเขาเป็นได้แค่คนแปลกหน้า
ดังนั้นฉินเฉิงจึงพยักหน้าและถือว่าเป็นการทักทายพวกเขา
"คุณฉิน วันนี้จินฮู่จัดงานเลี้ยงขึ้นที่ภัตตาคารหยุนหลงเพื่อต้องรับคุณ ผมได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษเอาไว้ให้คุณแล้ว มั่นใจว่าคุณจะต้องชอบมันมากแน่ๆ!"
"คุณฉิน คุณจะจัดการกับที่ตรงนี้อย่างไร บอกผมมาได้เลย!"
"คุณฉิน….."
เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนของผู้ร่วมงานเหล่านี้ฉางหลุนก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เขาทำไปตอนแรก
เพื่อนของเขาในสมัยเด็ก ตอนนี้กลายเป็นใครไปแล้ว?
"ทุบบ้านพักแถบนี้ทั้งหมดทิ้งต้องใช้เวลานานแค่ไหน?" ฉินเฉิงถามออกมา
"ฉางหลุน ประธานฉินกำลังถามนายอยู่!" เหยาเจียเตือนสติฉางหลุน
ในตอนนั้นฉางหลุนถึงดึงสติกลับมา เขารีบพูดออกมาทันที "เร็วที่สุดไม่เกินสามวันครับ"
"ช้าเกินไป" ฉินเฉิงส่ายหน้า เขาต้องการฝึกฝนและก้าวขั้นไปให้เร็วที่สุด
"ฉันให้เวลานายมากสุดได้แค่ 2 วัน สันพรุ่งนี้ค่ำๆฉันจะมาดูด้วยตัวเอง" ฉินเฉิงพูดออกมา
"ประธานฉิน นี่มันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ ภายในระยะเวลาสองวันไม่มีทางจัดการกับมันได้อย่างแน่นอน!" ฉางหลุนพูดออกมาอย่างร้อนรน
"ถ้าทำไมได้ก็เปลี่ยนคน" ฉินเฉิงพูดออกมา "ประธานเหยา มีบริษัทอื่นให้เลือกอีกไหม?"
"คะ มีอยู่แล้วคะ โครงการนี้เป็นโครงการที่ดึงดูดบริษัทใหญ่ๆตั้งมากมาย" เหยาเจียรีบพูดออกมา
ฉางหลุนกัดฟันแน่น และรีบพูดออกมาว่า "ประธานฉิน ภายในสองวันนี้ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย!"
"อืม" ฉินเฉิงพยักหน้าและไม่ได้สนใจอะไร
เหยาเจียเดินตามมาด้านหลัง และพาฉินเฉิงออกมาส่ง
หลังจากที่ขึ้นรถ ฉางหลุนก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาพูดออกมาว่า "ฉินเฉิง ฉันพอจะมีเวลาว่างอยู่พอดี พวกเราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยไหม?"
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เขา และพูดออกมาว่า "ไม่ได้ ฉันกำลังยุ่ง ไม่มีเวลา"
พูดจบเขาก็โบกมือและรถก็ออกทันที
"นายไปทำอะไรให้ประธานฉินไม่พอใจใช่ไหม?" เหยาเจียถามออกมา "ฉันจะเตือนนายเอาไว้ ถ้าหากนายไปทำอะไรให้เขาไท้พอใจไปเสียแล้ว ทางที่ดีนายออกไปจากที่นี่เงียบๆจะดีกว่า"
สีหน้าของฉางหลุนขาวซีด เขารู้ว่าประโยคที่เหยาเจียพูดออกมามันหมายความว่าอะไร
"ฉัน…ฉันรู้แล้ว" ฉางหลุนพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
….
ภัตตาคารหยุนหลง นี่เป็นโรงแรมที่จินฮู่เป็นคนพัฒนาขึ้นในย่านของถนนการค้า
เวลาประมาณ 4 โมงกว่า นักธุรกิจระดับสูงของปีนังก็มากันครบแล้ว
"พวกนายได้ยินกันมาหรือยัง ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณฉินเพิ่งจะไปจัดการตระกูลเฝิง เฝิงกง ที่เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองเจียงมา!"
"เฝิงกง? ใช่คนที่ถูกเรียกว่าคนที่เก่งที่สุดในปินโจวหรือเปล่า?"
"แค่ชื่อเหมือนหรือเปล่า? เฝิงกงคนนั้นเมื่อสิบปีที่แล้วถือว่าสามารถทำให้ปินโจวสั่นสะเทือนเลยนะ เขาอยู่ในจุดสุดยอดเช่นเดียวกับเย่อชิงยุน! ถึงแม้ว่าคุณฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ว่าเขาก็ยังหนุ่มเกินไป เขาจะไปเอาชนะคนที่ชื่อเฝิงกงคนนั้นได้อย่างไร….."
ทุกคนเงียบ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความคิดเห็นที่ตรงกัน
"มันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง คุณฉินก็ไม่ใช่คนที่พวกเราจะสามารถเอามานินทาได้" จินฮู่เคาะโต๊ะและพูดออกมา
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขารีบพูดออกมาว่า "ใช่ ใช่ ใช่…"
และในตอนนั้นก็มีแขกที่คาดไม่ถึงเดินเข้ามาทางหน้าประตู
ร่างกายของเขามีกลิ่นฉุน รูปร่างที่ทรุดโทรมและผมที่ยุ่งเหยิงของเขา ราวกับขอทาน
คนคนนั้นไม่ใช่ใคร เขาคือคนที่มาจากเมืองซวนหมิง เฮยฉาน
"ใครให้เขาเข้ามา?" จินฮู่เอามือขึ้นมาปิดจมูกและพูดออกมาอย่างรังเกียจ
เฮยฉานยิ้มแปลกๆและพูดออกมาว่า "ฉันเองก็อยากจะมาทานอาหารอร่อยๆเหมือนกัน"
"หึ เจ้าคนขอทาน ที่นี่มันใช่ที่ที่นายจะมาได้ไหม?! รีบไสหัวไป!" ลูกน้องของจินฮู่เดินไปหาและพูดออกมา
"ใจเย็นๆ" จินฮู่โบกมือ "วันนี้เป็นวันนี้ เป็นวันที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของคุณฉิน ทางที่ดีหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ให้เงินเขาไปสักสองสามร้อย และบอกให้เขาไป"
ลูกน้องของจินฮู่ตกใจ แต่ก็รีบพยักหน้าและพูดออกมาว่า "ได้ครับพี่ฮู่"
เขาหยิบธนบัตรสีแดงสามใบจากกระเป๋าของเขา ยื่นให้เฮยฉานและพูดอย่างไม่อดทน "เอาเงิน รีบไปซะ!"
เฮยฉานยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด จู่ๆเขาก็โบกมือ จากนั้นก็มีออร่าดำๆมาปกคลุมร่างของลูกน้องของจินฮู่
ชั่วพริบตา ลูกน้องของจินฮู่ก็กลายเป็นศพทันที
ทั้งห้องเงียบสงัด
นี่มัน…เขาทำอะไรลงไป?
"ฉันบอกว่า ฉันอยากจะอยู่ทานข้าวที่นี่ ได้ไหม?" เหยาเจียยิ้มและพูดออกมา
"ดะ…ได้สิ" จินฮู่ปากสั่นในตอนที่ตอบออกไป "ชะ..เชิญนั่งก่อน"
ทุกคนเงียบ และค่อยๆหาที่ซ่อน
เฮยฉานนั่งลงและหลับตา
"ฉินเฉิงจะมาเมื่อไหร่?" ไม่นานเฮยฉานก็เอ่ยปากถามออกมา
"ฉัน…ฉันเองก็ไม่รู้" จินฮู่พูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ "คุณฉินนั้นเป็นคนที่พิเศษ เขาจะมาบอกพวกเราได้อย่างไร…คุณเป็นเพื่อนของคุณฉินเหรอ?"
"เพื่อน?" เฮยฉานยิ้มออกมาแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน!
นี่คือประโยคที่ผุดขึ้นในใจของทุกคน!
"พวกนายเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?" เฮยฉานกวาดสายตาไปที่ทุกคนและเอ่ยปากถามออกมา
"ท่าน…ผู้อาวุโศ คุณอย่าเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้สนิทกับเขา…." คนเหล่านั้นรีบปฏิเสธความสัมพันธ์ของพวกเขาทันที
เฮยฉานไม่ได้ถามอะไรต่อ เขานั่งพิงเก้าอี้และหลับตาต่อไป
"ผู้อาวุโส ฉันท้องไม่ค่อยดี ขอไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม?" จินฮู่ทำท่าทางว่าตนเองปวดท้องและถามออกมา
เฮยฉานไม่ได้สนใจจินฮู่ จินฮู่จึงเดินประคองท่าของเขาออกไปนอกประตู
เมื่อเดินออกมานอกประตูแล้วจินฮู่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาหันไปทางห้องที่เขาเดินออกมา แอบคิดในใจว่า "เจ้าพวกโง่!"
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้จินฮู่ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ก็คือเขารู้ว่าเมื่อใดควรจะเลือกยืนอยู่ตรงไหน
ในความเห็นของเขา เมื่ออันตรายมาถึง มันก็เป็นโอกาสเช่นกัน
จินฮู่วางโทรศัพท์?ออกมา วิ่งไปที่ห้องน้ำ จากนั้นก็ส่งจดหมายไปที่ฉินเฉิง
"คุณฉิน มีชายชราคนหนึ่งมาหาคุณ ฝีมือของเขาค่อนข้างแปลก วันนี้อย่ามาที่ภัตตาคารหยุนหลงเด็ดขาด!" หลังจากที่จินฮู่ส่งข้อความเสร็จ เขาก็ถอนหายใจ
ในตอนที่เขาเก็บโทรศัพท์เสร็จแล้วและเตรียมที่จะผลักประตูออกไป
ในตอนที่จินฮู่กำลังจะเดินออกไปเข้าก็ได้กลิ่นเหม็นสาบขึ้นมาทันที
"ผู้อาวุโส…." จินฮู่ตกใจจนใบหน้าซีดขาว ขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรง เกือบขะล้มลงกับพื้น
เฮยฉานยิ้มออกมา "เจ้าหนุ่ม นายนี่มันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย…."