ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 51 ยุติธรรมแล้ว
หลินชิงเฉิงก็คิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานจู่ๆ ก็จะลงมือ ดังนั้นในตอนนี้เธอเองก็งงเล็กน้อยกับการโดนตบนี้
ที่ด้านข้าง ฉินเฉิงก็อ้าปากของเค้าขึ้นมาเล็กน้อย ในหัวใจของเค้ามันก็มีความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้เลย
ผู้ชายของฉัน? คำสี่คำนี้มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากจริงๆ!
"ที่รัก มันตบฉัน คุณมัวทำอะไรอยู่!" หลินชิงเฉิงก็ไม่กล้าที่จะตบซูหวาน ดังนั้นเธอก็เลยเขย่าแขนของหยางอี้อย่างแรง
หยางอี้ก็รู้สึกชาขึ้นมา เค้าไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ
"ที่รัก เราเองก็มีภูมิหลังนะ ยัง….."
"หุบปาก!" หยางอี้ก็ตกใจขึ้นมา เค้าหันหลังกลับมาแล้วตะโกน
ตี๋รุ้ยเจี๋ยก็พูดแล้ว เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่พวกเค้าที่กำหนด ถ้าหากว่าหลินชิงเฉิงไม่โง่พูดส่งเดชออกมา มันก็จะไม่มีปัญหา!
ยิ่งไปกว่านั้น ตี๋รุ้ยเจี๋ยก็เตือนว่า ไม่ว่าจะยังก็ตามก็ห้ามทำอะไรซูหวานเด็ดขาด!
"คุณซูครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ" หยางอี้ก็ก้มหัวให้กับซูหวานเล็กน้อย สีหน้าของเค้ามันเต็มไปด้วยการขอโทษ
ซูหวานก็พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า: "สั่งสอนเมียของนายให้มันดีๆ นะ ถ้าสอนไม่ได้ก็ให้คนอื่นมาช่วยสอน"
"ครับ ครับ….." หยางอี้ก็กลืนน้ำลายของเค้าแล้วพยักหน้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้น เค้าก็ลากหลินชิงเฉิงจากไป
"นั่น…..ที่ฉันพึ่งพูดไป……"
"เรื่องโกหก" ก่อนที่ฉินเฉิงจะพูดไป ซูหวานก็พูดขัดจังหวะเค้าขึ้นมา
ฉินเฉิงก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
พูดตามตรงก็คือ จินฮู่เป็นคนงี่เง่าที่ทำเรื่องนี้ขึ้นมา
เค้าต้องการที่จะสัมผัสความรู้สึกที่เหนือกว่าใครๆ ก็เลยจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาก็เท่านั้น จินฮู่ก็พูดไปแล้วกว่าครึ่งชั่วโมง ที่เค้าพูดมามันก็มีแต่เรื่องไร้สาระ
ทุกคนต่างก็ไม่ฟังเค้าอีกต่อไปแล้วบางคนก็ถึงกับหาวออกมา
แต่มันก็ทำอะไรจินฮู่ไม่ได้เลย ไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรเค้า ทำได้เพียงแค่ต่อสู้อย่างเต็มที่
"ฉันบอกพวกแกให้นะ ฉันให้ทุกคนทำเงิน ทุกคนก็จะได้รับเงิน ไม่อย่างงั้นหละก็…."
"โอเค ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่างงั้นก็รีบแยกย้ายกันไปซะ" ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมาแล้วขัดจังหวะจินฮู่
จินฮู่ก็หันหน้ากลับมาอย่างเร็วแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า: "ที่คุณฉินพูดก็คือ…. นั้น….งั้นก็แยกย้ายกันไป!"
ทุกคนต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเค้ามองไปที่ฉินเฉิงด้วยแววตาที่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบใจเล็กน้อย
"ที่คุณพูดคือเศรษฐีคนไหนกัน?" ฉินเฉิงก็มองไปที่จินฮู่แล้วพูดขึ้นมา
จินฮู่พูดว่า: "พวกเค้าอยู่ชั้นบน ตอนนี้ฉันจะพาคุณไป"
"อืม" ฉินเฉิงก็พยักหน้าขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นบน
หลังจากที่เดินไปได้สองก้าว ฉินเฉิงก็หันกลับมาแล้วพูดกับจินฮู่ว่า: "ใครอนุญาตให้แกเอายาไปให้กับตระกูลหยาง?"
จินฮู่ก็เกาหัวขึ้นมาแล้วพูดว่า: "ผมไม่ได้ให้พวกเค้านะครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเค้าไปเอามันมาจากไหน……"
"แกไม่ได้ให้?" ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเอง เค้าก็นึกได้ว่าเมื่อกี้หลินชิงเฉิงก็มีบางอย่างที่เธอยังพูดไม่จบ
"แกไปเอารายชื่อของหุ้นส่วนธุรกิจมาให้ฉัน" ฉินเฉิงก็พูดกับจินฮู่
จินฮู่ก็รีบพยักหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: "ครับ ผมจะจัดการให้ในทันที"
เมื่อมาถึงที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นบนกับจินฮู่ ทันทีที่เปิดประตูออก ฉินเฉิงก็เห็นผู้ชายสองคนกับผู้หญิงสองคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา
สองสาวพวกเธอก็ดูมีเสน่ห์แล้วก็ขี้เล่น
ส่วนผู้ชายสองคน….คนหนึ่งสวมชุดสูทกับรองเท้าหนัง ส่วนอีกคนก็สวมชุดฝึก
"หืม? คนมีฝีมือ?" ฉินเฉิงหรี่ตาของเค้าแล้วพบว่าคนที่สวมชุดจีนดั่งเดิม เค้าพอจะมีกำลังภายในอยู่บ้าง ส่วนผู้หญิงสองคน….สิ่งที่พวกเธอพูดออกมามันก็ทำให้คนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ฉินเฉิงก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกคนที่มีฝีมือนี่เลย เค้าไม่เคยเจอคนพวกนี้มาก่อน ดังนั้นเค้าก็เลยรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
"คุณหวัง นี่คือคุณฉิน ฉินเฉิง" จินฮู่ก็เดินเข้าไปข้างหน้า เค้าพูดออกมาพร้อมกับโค้งคำนับ
ทันใดนั้นเค้าแนะนำฉินเฉิง: "นี่คือคุณหวัง หวังซู นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ"
หวังซูก็มองไปที่ฉินเฉิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา: "เด็กอะไรขนาดนี้?"
"เป็นฮีโร่ที่อายุน้อยจริงๆ" ชายชราที่สวมชุดแบบดั่งเดิมหวังซูก็หรี่ตาแล้วมองไปที่ฉินเฉิง
สายตาของเค้าก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกอึดอัด มันราวกับว่าเค้าต้องการที่จะมองทะลุผ่านตัวเองยังไงยังงั้นเลย
หลังจากนั้น แววตาของหวังซูก็ปรากฎความผิดหวังขึ้นมา เค้าส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อย
"ยาหละ?" ฉินเฉิงก็ไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เค้าขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมาแล้วถาม
หวังซูก็ไม่พูดอะไร แต่มองไปที่ชายชราที่สวมชุดแบบดั่งเดิมที่อยู่ข้างๆ
ชายชราก็กระแทกเข้าไปที่โต๊ะแล้วพูดขึ้นมาว่า: "ไม่นานก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินมาว่ามีคนที่มีฝีมือมาปรากฎตัวที่ปีนัง แม้แต่ลูกชายของตระกูลตงเองก็ยังต้องแพ้ให้กับเค้า"
เค้าก็ชี้ไปที่หน้าของชายที่มีแผลเป็นที่หน้าผากแล้วพูดว่า: "คนที่มีฝีมือนั่นคือนายสินะ?"
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ไม่พูดอะไร แววตาของฉินเฉิงก็ดูเบื่อหน่าย
"เรื่องนี้กับยามันเกี่ยวอะไรกัน?" ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา
ชายชราก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า: "ถ้าหากว่าฉันเดาถูก นายก็คือสินค้าที่ล้มเหลวแล้วถูกทอดทิ้งของตระกูลตงสินะ?"
สีหน้าชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็เปลี่ยนไป ความโกรธมันก็ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของเค้า
"ฉันก็คิดว่าเป็นคนที่มีฝีมือ แต่ก็คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะเป็นเพียงแค่ความล้มเหลวที่ไม่มีแม้แต่กำลังภายในเลยด้วยซ้ำ" ชายชราก็ถอนหายใจออกมา
ในตอนนี้เอง ความอดทนของฉินเฉิงก็หมดไป
เค้าพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: "ถ้าหากว่ายังจะพูดอะไรที่มันไม่เป็นประโยชน์ออกมาอีก ฉันก็จะไม่รักษามารยาทกับแกแล้วนะ"
"เสียมารยาทกับฉัน?" ชายชราก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา "น้องชาย ที่ปีนังนี่มันก็เป็นสถานที่เล็กๆ ก็เท่านั้น อย่าคิดนะว่าการที่ๆ นี่ไม่มีใครสู้แกได้แล้วโลกภายนอกจะไม่มีใครสู้แกได้"
เค้าก็เอามือชี้ไปที่ผู้หญิงสองคนที่อยู่ที่ข้างหลังเค้าแล้วหัวเราะขึ้นมา: "พวกเธอสองคน ก็พอที่จะฆ่าแกได้แล้ว"
เมื่อทั้งสองสาวได้ยิน พวกเธอก็ก้าวไปที่ข้างหน้าอย่างเร็ว
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ลุกยืนขึ้นมา เค้าแทบจะไม่ปกปิดความโกรธของเค้าเลย
"ดูเหมือนว่าแกจะโกรธมากเลยสินะ" ชายชราก็แสร้งทำเป็นหัวเราะขึ้นมา: "ถ้าแกอยากที่จะลงมือ อย่างงั้นก็ลองดู"
"ไอ่เหี้ย!" ชายที่หน้ามีแผลเป็นก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ เค้าพุ่งเข้าใส่สองสาวนั่น
อย่างไรก็ตาม สองสาวนั่นก็ว่องไวมาก พวกเธอก็หลบไปในทันที
สีหน้าของชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็เปลี่ยนไป เค้ารีบหันหน้ามาแล้วซัดหมัดเข้าไป
สองสาวนั่นก็หัวเราะขึ้นมา เธอยกต้นขาที่เรียวของเธอขึ้นมา จากนั้นก็ฟาดเข้าไปที่หน้าของชายที่มีหน้าผากดัง "ตุบ"
ชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้าก็โดนกระแทกเข้าไปอย่างเต็มแรง "ตุบตุบตุบ" พวกเค้าถึงกับต้องถอยออกไปสองสามก้าวเพื่อที่จะยืนได้อย่างมั่นคง
"คุณหวัง นี่มันหมายความว่ายังไงกัน" สีหน้าของจินฮู่ก็ดูไม่ได้เลย "ที่นี่คือปีนัง แต่คุณจะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ"
หวังซูก็ยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า: "ไอ่เวร แกกล้าขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ? สงสัยว่าแกจะไม่เคยได้ยินชื่อของสำนักชื่อหลงสินะ?"
"สำนักชื่อหลง? พวกคุณเป็นคนของสำนักชื่อหลงเหรอ?" สีหน้าของจินฮู่ก็เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเค้าได้ยินชื่อนี้
หวังซูก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า: "ฉันคิดว่าฉินเฉิงนี่เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากนะ ฉัน ถ้าอยากจะมาเป็นสมาชิกของสำนัก อยากเข้าก็มา มันนี้ดูแล้ว วันนี้มันไม่มีอะไรที่คุ้มค่าที่จะมากล่าวถึง"
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็ยืดเอวขึ้นมาแล้วพูดว่า: "ฉันผิดหวังมาก"
หลังจากที่พูดประโยคนี้ พวกเค้าก็เตรียมที่จะออกไป
"ฉันอนุญาตให้แกออกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?" ในตอนนี้เองฉินเฉิงก็เค้ามาขวางทางพวกเค้าเอาไว้
หวังซูก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "ทำไมกัน แกยังยังที่จะสู้กับเราอย่างงั้นเหรอ?"
"คุณฉิน สำนักชื่อหลงนี่มันไม่ใช่กองกำลังทั่วไปนะครับ พวกเราอดทนเอาไว้ก่อน….." จินฮู่ก็กระซิบเข้าไปที่ข้างหู
ฉินเฉิงก็ชี้ไปที่ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: "คนของคุณทำร้ายเพื่อนฉัน เราควรที่จะคุยเรื่องนี้ซะหน่อยนะ?"
ทันทีที่เสียงนี้หายไป ร่างของฉินเฉิงก็หายไปในทันที เค้าเข้ามาหาสองสาวทั้งสองนั่นในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาก็เท่านั้น
ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งตัวได้ทัน หมัดของฉินเฉิงก็ซัดเข้าไปที่ท้องน้อยของพวกเธอ
"ตุบตุบ" จู่ๆ สองสาวก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่ท้อง จากนั้นพวกเธอก็กระอักเลือดออกมา
"แก…แกทำลายจุดตันเถียนของพวกเรา…." สองสาวก็เบิกตากว้าง สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ฉินเฉิงก็ปรบมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: "มันก็ยุติธรรมแล้ว พวกนายไปได้แล้ว"