ภรรยาคั่นเวลา ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 7
อลินดาต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสวยงามของนารีรัตน์วิ่งไปขึ้นรถสปอร์ตคันงามที่แซคคารีย์ติดเครื่องรออยู่ด้วยความรีบร้อน แต่ไม่ว่าหล่อนจะทำดีแค่ไหน เขาก็ยังหาเรื่องตำหนิหล่อนอยู่ดี
“ทำไมต้องแต่งหน้าจัดแบบนี้ด้วย” คนตัวโตหันมามอง และถามเสียงขุ่น “อย่าคิดนะว่าเธอแต่งตัวแต่งหน้าเลียนแบบนารีแล้ว ฉันจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร” เขายังคงใช้วาจาเชือดเฉือนไม่หยุด “ถึงเธอกับนารีจะเป็นฝาแฝดกัน แต่นารีไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนกันเธอ รู้เอาไว้เสียด้วย”
อลินดาเจ็บจนจุก แต่ก็จำต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ และก็กลั้นใจหันไปสบประสานสายตากับแซคคารีย์ ผู้ชายปากร้าย และวาจาคมกริบราวกับใบมีดโกน
“เคยดมหรือคะ ถึงรู้ว่าตัวของฉันเน่าเหม็น”
หล่อนเห็นเขาขบกรามแน่น ดวงตาสีสนิมที่จ้องเขม็งมองมาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“กลิ่นเน่าเหม็น ไม่ต้องดมหรอก แค่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นแล้ว”
“งั้นฉันไปทำงานเองก็ได้ค่ะ” หล่อนโมโหมาก จึงจะลงจากรถ แต่แขนถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
“เธอเห็นใช่ไหมว่าคนใช้เดินให้พล่าน อย่าทำให้ฉันต้องตกเป็นขี้ปากของคนอื่น นั่งเฉยๆ และคาดเบลล์ซะ”
หล่อนหันไปมองตามสายตาของเขา ก็พบว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด ที่คฤหาสน์ของแซคคารีย์มีคนใช้รวมกันน่าจะเกินร้อยชีวิต และพวกคนใช้ก็กระจายอยู่ทั่วไปหมด
อลินดาเม้มปากอิ่มแน่นจนเป็นเส้นตรง มือเล็กคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดเอาไว้ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถคันงามแล่นทะยานออกไปจากรั้วใหญ่
ความเงียบงันภายในรถสร้างความอึดอัดให้กับหล่อนอยู่นานเกือบยี่สิบนาที ก่อนที่แซคคารีย์จะเค้นเสียงห้วนกระด้างออกมา
“เดี๋ยวฉันจะแวะปั๊ม เพื่อให้เธอล้างหน้าล้างตา”
“ทำไมคะ ทำไมฉันต้องล้างหน้าล้างตาด้วย ในเมื่อฉันก็อาบน้ำมาแล้ว”
รถคันงามเลี้ยวเข้ามาจอดในสถานีบริการน้ำมันที่เป็นทางผ่านอย่างรวดเร็ว
“หรือว่าเธออยากให้เพื่อนร่วมงานแปลกใจที่วันนี้เธอแต่งหน้าไปทำงานล่ะ อ้อ แล้วชุดทำงานของเธออยู่ด้านหลังรถ เอาไปเปลี่ยนเสียด้วย”
นอกจากจะชอบออกคำสั่งแล้ว แซคคารีย์ก็เป็นผู้ชายที่ละเอียดรอบคอบจนหาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว เพราะคำพูดของเขาถูกต้องทุกอย่าง ปกติหล่อนจะหน้าสดไปทำงานเสมอ มีเพียงแค่แป้งฝุ่นและลิปกลอสเท่านั้นที่มีสิทธิ์อยู่บนหน้าของหล่อน ตรงกันข้ามกับนารีรัตน์ผู้เป็นพี่สาว เพราะรายนั้นชอบแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวหรืออยู่บ้าน ใบหน้าก็จะต้องจัดเต็มเสมอ
“ค่ะ”
“รีบด้วย ฉันมีประชุม”
เขาย้ำเสียงกระด้าง
หล่อนไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป นอกจากเอี้ยวตัวไปคว้าถุงกระดาษหลังรถ และถือมันติดมือลงไปทันที
แซคคารีย์มองตามร่างอวบอัดของอลินดาไปด้วยความหงุดหงิด ความจริงเขาไม่อยากจะใกล้ชิดผู้หญิงส่ำส่อนคนนี้นัก แต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เมื่อสาวคนรักหายตัวไปในคืนแต่งงาน การรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักธุรกิจอย่างเขา
“นารี… คุณหายไปไหน”
ชายหนุ่มถอนใจออกมาแรงๆ ด้วยความสับสน ก่อนจะรีบกดรับโทรศัพท์ เมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น
“ได้เรื่องอะไรหรือยังครับ”
“กล้องวงจรปิดที่ป้อมตำรวจใกล้กับโรงแรมที่เกิดเหตุจับภาพรถยนต์ต้องสงสัยได้คันหนึ่งครับ”
เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจตอบกลับมาตามสาย และมันก็ทำให้แซคคารีย์ระบายยิ้มอย่างมีความหวัง
“ผมจะรีบไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้ครับ”
แซคคารีย์กดวางสาย ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อลินดาเดินกลับมาที่รถพอดี และทันทีที่หญิงสาวก้าวขึ้นมานั่งบนรถ เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อน
“เธอคงต้องไปทำงานเองนะวันนี้ ฉันมีธุระสำคัญ”
อลินดาแปลกใจไม่น้อย เพราะเมื่อสักครู่เขายังบอกว่ามีประชุมอยู่เลยนี่น่า
“ไหนคุณแซคบอกว่ามีประชุมแต่เช้ายังไงล่ะคะ”
“เรื่องของนารีสำคัญที่สุด เธอลงไปจากรถได้แล้ว”
น้ำเสียงของเขาเลือดเย็น ท่าทางและคำพูดของเขาก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
อลินดาเม้มปากเป็นเส้นตรง น้ำตาซึม แต่ก็จำต้องทำตามความต้องการของเจ้าของรถ
“ลงไปสิ ฉันรีบ”
“ค่ะ”
รถสปอร์ตคันงามแล่นจากไปทันทีเมื่อประตูรถถูกหล่อนดันให้ปิดสนิทลง น้ำตาที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ รินไหลออกมาอาบแก้ม ทั้งเสียใจทั้งน้อยใจ จนจุกพูดไม่ออก
อลินดามาทำงานสายไปเกือบยี่สิบนาที เหตุเพราะสถานีบริการน้ำมันที่แซคคารีย์ทิ้งหล่อนเอาไว้อยู่ห่างจากป้ายรถเมล์หลายกิโล ดังนั้นหล่อนจึงต้องเดินเท้ากลับไปยังป้ายรถเมล์อย่างไม่มีทางเลือก
“นึกว่าจะไม่มาทำงานเสียอีก”
เพื่อนร่วมงานนามว่าหทัยชนกเดินเข้ามาทักทายที่โต๊ะทำงาน อลินดาจำต้องกล้ำกลืนความเศร้าหมองเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มที่ปั้นแต่งขึ้นมา
“ต้องมาทำงานสิพี่นก จะหยุดได้ยังไงกันล่ะ”
“แหม ก็ได้เป็นดองกับเจ้าของบริษัทแล้วนี่น่า เราก็นึกว่าจะหยุดพักอาทิตย์สองอาทิตย์”
หล่อนยิ้มเศร้าๆ ให้กับคู่สนทนา
“ก็เป็นแค่น้องเมียน่ะพี่นก ไม่ได้เกี่ยวดองอะไรมากจนถึงขั้นจะได้อภิสิทธิ์อะไรเหนือพนักงานคนอื่นหรอกค่ะ”
“แต่ยังไงก็นับญาติกับท่านประธานได้นี่น่า จริงไหม”
หล่อนระบายยิ้มเศร้าหมองออกมาอีกครั้ง
“คุณแซคเขาคงไม่อยากนับญาติกับฉันหรอกจ้ะ” อลินดาถอนใจออกมาก่อนจะตัดบท “ฉันทำงานก่อนนะพี่นก ต้องรีบลงบัญชีน่ะจ้ะ”
“โอเค งั้นเจอกันตอนพักกลางวันนะ”
“จ้ะ”
หทัยชนกเดินห่างออกไปจากโต๊ะของหล่อนแล้ว เสียงถอนใจจึงดังออกมาจากลำคอระหง
หล่อนอึดอัดทรมาน กระอักกระอ่วนน้ำท่วมปาก จนอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“สวัสดีครับลินดา”
แฮรี่ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ โต๊ะทำงานของหล่อน พร้อมกับถุงพลาสติกที่ใส่ขนมข้าวต้มมัดในมือ
“สวัสดีค่ะคุณแฮรี่”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มกว้าง “ผมซื้อขนมมาฝากครับ ความจริงรอจะให้ก่อนเวลาเข้างาน แต่ลินดามาสายซะงั้น”
“เอ่อ… พอดีตื่นสายน่ะค่ะ”
คู่สนทนาก็ยังคงระบายยิ้มกว้างเช่นเดิม “ไม่มีใครว่าอะไรลินดาหรอกครับ เพราะทุกคนก็รู้ดีว่าเมื่อคืนลินดาน่าจะนอนดึก เพราะงานเลี้ยงแต่งงานของพี่สาว”
อลินดาจำต้องเก็บซ่อนความลับมากมายเอาไว้จากทุกคนและก็โกหกอย่างไม่มีทางเลือก
“ขอบคุณที่เข้าใจลินดานะคะ”
“ผมเข้าใจลินดาเสมอครับ” แล้วถุงขนมก็ถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของหล่อน
“ขอบคุณมากนะคะคุณแฮรี่ แต่ลินดาเกรงใจจังเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมยินดีซื้อมาฝาก”
“แต่ว่า… คุณแฮรี่ซื้อขนมมาฝากลินดาแทบทุกวันเลยนะคะ ลินดาเกรงใจจริงๆ ค่ะ”
แฮรี่ท้าวแขนทั้งสองข้างกับโต๊ะทำงานของอลินดา และโน้มใบหน้าขาวสะอาดลงมาหา
“ใจมันสั่งมาน่ะครับ”
“เอ่อ…”
“ล้อเล่นน่ะครับ”
เมื่อแฮรี่หัวเราะกลบเกลื่อนคำพูดของตัวเอง อลินดาก็พ่นลมหายใจออกมาจากปากอย่างโล่งอก และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นแทนทันที
“เมื่อคืนลินดาต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับคุณแฮรี่ด้วยตัวเองเลย”
ก็หล่อนจะออกมาต้อนรับขับสู้เขาได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหล่อนต้องสวมบทบาทของนารีรัตน์และไปยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวอย่างแซคคารีย์ตลอดเวลาในงานเลี้ยง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้ว่าลินดายุ่งอยู่ แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าลินดากับพี่สาวจะเหมือนกันราวกับคนๆ เดียวแบบนี้ เมื่อคืนถ้ามีใครบอกผมว่าเป็นงานแต่งของลินดา ผมจะเชื่อสนิทใจเลยครับ”
คนฟังหน้าตาซีดเผือด ก่อนจะรีบหัวเราะกลบเกลื่อน
“จะเป็นงานแต่งของลินดาไปได้ยังไงล่ะคะ นั่นมันเป็นนารีพี่สาว ฝาแฝดของลินดาค่ะ”
“ผมแค่สมมุติน่ะครับ”
อลินดาเสหลบสายตาของแฮรี่
“เอ่อ เมื่ออาทิตย์ก่อนลินดาติดเลี้ยงข้าวคุณแฮรี่อยู่มื้อหนึ่งใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ กำลังจะมาทวงเลยเนี่ย”
อลินดาระบายยิ้มออกมาอย่างขบขัน
“คุณแฮรี่นี่ความจำดีไม่เบานะคะ”
“มันแน่อยู่แล้วล่ะครับ เรื่องของฟรีลืมได้ยังไง”
“งั้นกลางวันนี้ลินดาจะเป็นเจ้ามือเองนะคะ”
“ตกลงครับ”
รอยยิ้มสดใสของผู้หญิงตรงหน้าทำให้แฮรี่มีความสุข อลินดาเป็นผู้หญิงที่มองแล้วเพลินตาเพลินใจยิ่งนัก แม้ข่าวคราวของหล่อนจะออกมาในเชิงที่ไม่ดีนัก แต่เขาก็ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นว่าผู้หญิงในคลิปที่แชร์กันว่อนเน็ตนั่นจะเป็นหล่อน บางทีอาจจะเป็นการตัดต่อ หรือไม่ก็แค่คนหน้าเหมือนมากกว่า
“งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้าวต้มมัดนะคะ”
แฮรี่ระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานของแผนกบัญชี
“คุณแฮรี่ซื้อขนมมาจีบทุกวัน ไม่ใจอ่อนบ้างเหรอ ลินดา”
เพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆ เอ่ยแซวออกมา และก็ทำให้อลินดาระบายยิ้มขัดเขิน
“คุณแฮรี่ไม่ได้จีบลินดาหรอกค่ะพี่เข็ม แค่ซื้อขนมมาฝากเฉยๆ น่ะค่ะ”
“ซื้อมาฝากแทบทุกวันเนี้ยนะ”
“ก็… คงเห็นลินดาชอบขนมร้านนี้มั้งคะ”
อลินดาตอบตัดบท ก่อนจะหันกลับมาก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป แต่ในหัวก็อดที่จะนึกย้อนไปถึงความใจร้ายของแซคคารีย์ที่กระทำกับตัวเองไม่ได้
ถ้าแซคคารีย์มีน้ำใจกับหล่อนได้สักครึ่งหนึ่งที่แฮรี่มีก็คงจะดีไม่น้อย แต่มันคงเป็นได้แค่เพียงความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้นแหละ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าแซคคารีย์เกลียดชังหล่อน
อลินดาถอนใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า นั่งลงบัญชีผิดบัญชีถูกจนถูกหัวหน้าให้เอากลับมาแก้หลายครั้ง จนกระทั่งมีโทรศัพท์จากวาเนสซ่า เลขาหน้าห้องทำงานของแซคคารีย์ดังขึ้นที่โต๊ะ
“อลินดา พนักงานบัญชีรับสายค่ะ”
“ท่านประธานเรียกเธอให้ขึ้นมาพบที่ห้องทำงานด่วนน่ะ”
สันหลังของอลินดาเย็นวาบราวกับถูกใครเอาก้อนน้ำแข็งเย็นๆ มานาบเอาไว้
“เอ่อ… เรียกลินดาเนี่ยนะคะ”
“ใช่ ขึ้นมาเร็วๆ ด้วย ท่านประธานสั่งมา”
“ค่ะ”
วาเนสซ่าวางสายไปแล้ว แต่หล่อนยังนั่งกุมกระบอกโทรศัพท์เอาไว้เช่นเดิม ความหวาดหวั่นระเบิดขึ้นในอกอย่างมหาศาล หากเป็นไปได้ หล่อนไม่ต้องการพบเจอกับแซคคารีย์อีก หล่อนไม่อยากเห็นสายตาเกลียดชังของเขา เห็นทีไรหล่อนปวดร้าวทรมานทุกครั้ง แล้วไหนจะวาจาร้ายกาจที่เขามักจะพ่นมันใส่หน้าของหล่อนเสมอมา หล่อนไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยิน แต่ก็ไม่มีทางเลือก… สุดท้ายก็จำต้องผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินคอตกออกไปจากห้องทำงานของแผนกบัญชี