“พี่นารีอย่านะ อย่าฆ่าเขาเลย พี่นารี…” อลินดาพยายามอ้อนวอนให้พี่สาวเปลี่ยนใจ
นารีรัตน์ตวัดตามองน้องสาวเขม็ง ก่อนจะแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “มึงน่ะคิวต่อไป นังลินดา”
เปรี้ยง!
เสียงปืนดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ร่างของกฤติชัยก็ล้มหงายลงไปกับพื้น เลือดสีแดงสดไหลรินออกมามากกว่าเดิม อลินดากรีดร้องด้วยความตกใจ ในขณะที่นารีรัตน์หัวเราะออกมาราวกับคนบ้า
“มึงสมควรตายแล้วไอ้กฤติชัย”
“พี่นารี… พี่ฆ่าเขาทำไม… เขารักพี่มากนะ”
นารีรัตน์หันกลับมามองอลินดา และย่างสามขุมเข้ามาหา
“แต่กูเกลียดมัน มึงเข้าใจไหม กูเกลียดมันพอๆ กับที่กูเกลียดมึงนั่นแหละ”
“โอ๊ย พี่นารี ฉันเจ็บนะ”
เส้นผมนุ่มของอลินดาถูกพี่สาวขยุ้มอีกครั้งแรงๆ “เอาไว้แกไปปลอบใจไอ้กฤติชัยในนรกก็แล้วกันนะ อีลินดา”
ปลายกระบอกปืนในมือของนารีรัตน์ถูกหมุนมาจ่อที่ขมับของอลินดาอีกครั้ง
“พี่นารี… อย่าทำบาปอีกเลยนะจ๊ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”
“มึงต้องตายสถานเดียว อีลินดา!”
รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของนารีรัตน์บิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน และนิ้วเรียวของพี่สาวก็กำลังขยับเหนี่ยวไกปืน นี่หล่อนกำลังจะตายแล้วจริงๆ ใช่ไหม
“แล้วฉันจะทำบุญไปให้นะ น้องสาวที่รัก”
“อย่า…”
อลินดาหลับตาแน่นและกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อรับรู้ว่าสมองของตัวเองกำลังจะกระจุยในเสี้ยววินาทีนั้น แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักลง พร้อมๆ กับเสียงร้องลั่นของนารีรัตน์ดังขึ้นมาแทน หล่อนรีบลืมตาขึ้น ก็พบว่าตอนนี้ภายในโกดังร้างไม่ได้มีแค่หล่อนกับนารีรัตน์ และร่างไร้ลมหายใจของกฤติชัยเท่านั้น แต่ยังมีแซคคารีย์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายด้วย
“คุณแซค…”
หล่อนครางออกมาด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“ฉันมาช่วยเธอแล้ว ลินดา”
แซคคารีย์ละสายตาจากร่างของภรรยาที่ถูกมัดตึงเอาไว้กับเก้าอี้ และหันไปกระชากคอเสื้อของนารีรัตน์ที่ล้มกองอยู่กับพื้นติดมือขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงร่างเล็กของนารีรัตน์ไปชนกับผนังโกดังร้างเต็มแรง ร่างของนารีรัตน์ร่วงหล่นลงกับพื้นราวกับเศษขยะ
ชายหนุ่มย่อตัวลงตรงหน้า และยื่นมือไปบีบปลายคางของนารีรัตน์แน่น ใบหน้าหล่อเหลาดุดันเหี้ยมเกรียม และเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น
“กล้าดียังไงมาแตะต้องเมียของฉัน นารีรัตน์!”
“คุณแซค… นารีขอโทษ”
นารีรัตน์บีบน้ำตาพ่ายแพ้ออกมาท่วมใบหน้า
“ให้อภัยนารีนะคะ ที่นารีทำไปทุกอย่างก็เพราะนารีรักคุณ นารีไม่อยากเสียคุณไป”
“แต่ผมไม่ได้รักคุณ ผมรักอลินดา น้องสาวของคุณ!”
นารีรัตน์ส่ายหน้าไปมาราวกับคนบ้า และกรีดร้องลั่น
“ไม่จริง คุณรักนารี คุณเคยบอกว่ารักนารีคนเดียว และคุณก็บอกว่าคุณเกลียดนังลินดา แต่ที่คุณต้องรับมันเป็นเมียก็เพราะคุณพลาดไปมีอะไรกับมันเข้าต่างหากล่ะ ความจริงแล้วคุณรักนารี… ใช่ไหมคะคุณแซค คุณรักนารีคนเดียว…”
ตอนนี้นารีรัตน์พูดออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง
“ถ้าไม่มีนังลินดา คุณก็จะกลับมาหานารี… ใช่ไหมคะ ใช่ไหมคะคุณแซค”
“ฟังให้ดีนะ นารีรัตน์ ผู้หญิงที่ผมรักคือผู้หญิงที่คอยเอาใจใส่ผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ผู้หญิงที่ทิ้งผมไปมีผู้ชายคนอื่นอย่างที่คุณทำนารีรัตน์”
“ไม่นะคะคุณแซค… นารีอธิบายได้…”
“หยุดเถอะ และยอมรับกับสิ่งที่คุณทำลงไปซะ”
แซคคารีย์ผลักร่างของนารีรัตน์ออกห่างอย่างรังเกียจ และกำลังจะเดินเข้าไปหาอลินดา แต่นารีรัตน์ตามมาคว้าขาเอาไว้เสียก่อน
“อย่าทิ้งนารีไปนะคะคุณแซค นารีรักคุณ”
แซคคารีย์หยุดเดิน และก้มลงแกะมือของนารีรัตน์ออกจากท่อนขาของตัวเอง
“คุณไม่เคยรักใครมากกว่าตัวเองหรอก นารีรัตน์”
“คุณแซค!” นารีรัตน์กรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะล้มพับหมดสติไปในที่สุด
“พี่นารี… คุณแซค… พี่นารีเป็นอะไรไปคะ” อลินดามองพี่สาวด้วยความเป็นห่วง แซคคารีย์ที่กำลังแกะเชือกที่พันธนาการมือของอลินดาให้อยู่ เค้นเสียงตอบออกมาอย่างหงุดหงิด
“เธอยังจะไปสนในนารีรัตน์อีกทำไม นี่แม่นั่นกำลังจะฆ่าเธอนะ แล้วถ้าฉันมาไม่ทัน อะไรจะเกิดขึ้น แม่คุ๊ณ”
ชายหนุ่มคำรามเสียงเดือดดาล มองหน้าภรรยาด้วยสายตาโล่งอกระคนโมโห
“คือลินดา…”
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมให้ระวังตัว เคยเชื่อกันบ้างไหม”
อลินดาช้อนตามองแซคคารีย์ที่กำลังหน้าบูดเบี้ยวด้วยความรู้สึกละอายใจ
“ลินดาขอโทษที่ทำให้คุณแซคต้องลำบาก…”
“มันไม่ใช่แค่ความลำบาก แต่เธอทำให้ฉันกลัว อลินดา”
“คุณแซค… กลัวอะไรเหรอคะ” หล่อนถามออกมาน้ำตาคลอสองหน่วยตา
แซคคารีย์มองจ้องหน้าอลินดาอย่างโมโห “ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือว่าฉันกลัวอะไร”
“ก็ลินดาไม่ทราบนี่คะ” สาวน้อยน้ำตาร่วงเมื่อถูกตะคอกจนขวัญเสียแล้วเสียอีก
“ฉันก็กลัวเธอจะตายน่ะสิ ยัยโง่เอ้ย”
แล้วแซคคารีย์ก็รั้งร่างสั่นเทาของภรรยาเข้าไปกอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างปลอบประโลม
“รู้ไหมว่าฉันแทบบ้า ตอนที่แม่ของเธอโทรมาบอกว่าเธอหายไปพร้อมกับนารี”
“แม่… แม่โทรบอกคุณแซคเหรอคะ”
หล่อนดันตัวออกจากอ้อมอกของของเขา และเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ แม่ของเธอโทรบอกฉัน ให้ฉันรีบมาห้ามนารีไม่ให้ทำอะไรเธอ แม่ของเธอกลัวว่านารีจะติดคุก”
อลินดาเม้มปากแน่น น้ำตาไหลรินไม่หยุด แซคคารีย์รั้งร่างเล็กที่สั่นเทาเพราะแรงสะอื้นเข้ามากอดแนบอกอีกครั้ง อย่างเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาว
“อย่าคิดมากนะ ถึงแม่ของเธอจะรักนารีมากกว่าเธอ แต่ฉันคนนี้ก็จะรักเธอมากที่สุดในโลก”
“คุณแซค… อย่ามาปลอบใจลินดาด้วยคำโกหกเลยค่ะ”
“ฉันไม่ได้โกหกนะ ฉันรักเธอจริงๆ อลินดา…”
แซคคารีย์ไม่ลังเลขัดเขินใดๆ อีกแล้วในการบอกรัก เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันทำให้เขากลัว กลัวว่าอาจจะเสีย อลินดาไปชั่วชีวิต
“ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองรักเธอมากแค่ไหน จนกระทั่งตอนที่ฉันรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย และอาจจะตายจากฉันไปได้ทุกเมื่อ หัวใจของฉันก็เจ็บปวดเหลือเกิน… กลัวว่าจะต้องเสียเธอไป”
อลินดาดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมองเขา
“คุณแซคก็แค่รักผู้หญิงคนที่ถักผ้าพันคอให้คนนั้นต่างหากล่ะคะ”
“ไม่ใช่…”
แซคคารีย์ส่ายหน้าไปมา ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่เปล่งออกมาหนักแน่นและมั่นคงจนหัวใจของอลินดาสั่นสะเทือน
“ฉันรักเธอก็เพราะเธอคืออลินดาต่างหาก”
“แล้วถ้าลินดาไม่ใช่ผู้หญิงคนที่ถักผ้าพันคอส่งให้คุณแซคล่ะคะ คุณแซคยังจะรักอยู่อีกไหม”
ศีรษะทุยทระนงของแซคคารีย์ผงกรับในทันที และยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันรักเธอก็เพราะเธอเป็นเธอ อลินดา ได้โปรดอย่าสงสัยในความรักของฉันอีกเลยนะ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการวิงวอนเป็นครั้งแรกในชีวิต
“รู้ไหมว่าฉันทรมานแค่ไหน ตอนที่ฉันคิดว่านารีอาจจะฆ่าเธอตายไปแล้ว”
“นี่คุณแซค… ตัวจริงใช่ไหมคะ”
ในที่สุดคนตัวเล็กที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ก็ยกมือขึ้นลูบๆ คลำๆ ร่างกายสูงใหญ่ของแซคคารีย์ “ไม่ใช่เทวดาใจดีที่ไหนใช่ไหมคะ”
“ฉันตัวจริงเสียจริงเลยล่ะ”
“แต่… คุณแซคตัวจริงไม่ได้ใจดีแบบนี้นี่คะ” อลินดายังคงไม่อยากจะเชื่อ
“งั้นจะพิสูจน์ให้ดูว่าฉันตัวจริงเสียงจริงแค่ไหน”
“อุ๊บบบบ อื้อ…”
อลินดาระบายยิ้มออกมาพร้อมๆ กับหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ เมื่อจุมพิตร้อนฉ่าที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนกลีบปากของหล่อนมันแสนจะคุ้นเคย
“คุณแซคตัวจริง จริงๆ ด้วย”
แซคคารีย์หรี่ตาแคบมองภรรยาด้วยความเสน่หาและแสนห่วงใย
“เรากลับกันเถอะ”
“แล้วพี่นารีล่ะคะ”
“ตำรวจจะจัดการเองนั่นแหละ เราอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
อลินดาหันไปมองร่างของพี่สาวฝาแฝดที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นโกดังด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่มีตำรวจหลายนายกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่
“ไปเถอะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาไปให้ปากคำที่โรงพัก”
“ค่ะ”
แซคคารีย์โอบประคองร่างของอลินดาเดินออกไปจากโกดังร้าง ทิ้งคราบเลือดและรอยน้ำตาเอาไว้เบื้องหลัง รถคันงามพุ่งทะยานออกไปจากความมืดมิด มุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องถนนด้วยความเร็วสูง
อลินดามองออกไปนอกกระจกรถ ความรู้สึกหดหู่เศร้าหมองยังคงเกาะกินอยู่ภายในหัวใจมากมาย หล่อนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้มันจะเป็นเรื่องจริง
“คิดอะไรอยู่หรือ ลินดา”
“ลินดาสงสารพี่นารีน่ะค่ะ”
“ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลของการกระทำนั้น ซึ่งนารีทำกรรมชั่ว ดังนั้นก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย เธอหรือแม้แต่แม่ของเธอก็ไม่มีใครสามารถช่วยเหลืออะไรได้”
อลินดารู้ดีว่าสิ่งที่แซคคารีย์พูดมันคือเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“แม่กับพ่อคงจะเสียใจมาก”
“พวกท่านเองก็มีส่วนผิดที่รักลูกลำเอียง ตามใจนารีจนเสียคนแพ้ไม่เป็นแบบนี้ และนี่ก็คือบทเรียนราคาแพงที่พวกท่านจะต้องก้มหน้ายอมรับมันเช่นกัน”
อลินดานั่งนิ่งเงียบด้วยความทุกข์ใจ จนกระทั่งคนตัวโตยื่นมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และบีบเบาๆ ให้กำลังใจ
“จำเอาไว้นะ ว่าเธอจะมีฉันไปชั่วชีวิต”
หญิงสาวเอียงหน้ามองเสี้ยวหน้าคมสันของแซคคารีย์ด้วยความซาบซึ้งใจ ผู้ชายที่เคยบอกว่าเกลียดหล่อน ขยะแขยงหล่อน และทำให้หล่อนเสียใจมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนเดียวที่รักและห่วงใยหล่อนอย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะคะคุณแซค…”
“ขอบคุณฉันด้วยการมีลูกให้ฉันหลายๆ คนก็พอ”
คนตัวโตหัวเราะร่วน ในขณะที่อลินดาระบายยิ้มขัดเขินออกมา และนั่งแก้มแดงก่ำไปตลอดเส้นทาง
MANGA DISCUSSION