ภรรยาคั่นเวลา ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 53
แซคคารีย์ดีดตัวขึ้นจากเตียง มือใหญ่ยื่นไปกระตุกโคมไฟให้สว่างไสวขึ้น
“อะไรนะครับ?!”
หัวใจหล่นวูบลงไปกระแทกพื้นเต็มแรง
“นารี… นารีจับตัวลินดาไปค่ะคุณแซค”
ร่างของแซคคารีย์เย็นเฉียบราวกับถูกจับแช่ลงในถังน้ำแข็ง ความห่วงใยที่มีต่ออลินดากำลังทำให้เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นี่ลางสังหรณ์ของเขามันแม่นยำขนาดนี้เชียวหรือ
อลินดากำลังตกอยู่ในอันตราย เมียของเขากำลังมีอันตราย!
“แล้วนารีจับลินดาไปที่ไหนครับ”
“น้าไม่รู้ค่ะ นี่น้าก็พยายามโทรหานารี แต่นารีไม่ยอมรับสายเลย คุณแซคต้องช่วยลินดาให้ได้นะคะ น้าไม่อยากให้นารีต้องติดคุกเพราะฆ่าน้องสาวของตัวเอง”
“คุณน้าก็ห่วงแค่นารีคนเดียวเหมือนเดิมนั่นแหละ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ลินดาจะมีแม่แบบนี้”
“คุณแซคคะ น้า…”
อุบลที่ร้องไห้คร่ำครวญพยายามจะแก้ตัว แต่แซคคารีย์ตัดสายไปเสียก่อน
ชายหนุ่มเดินกลับไปกลับมาด้วยความเคร่งเครียด ความห่วงใยที่มีต่ออลินดาทำให้ท้องไส้ของเขาบิดเป็นเกรียวทรมาน
“ลินดา… ฉันไม่ควรปล่อยเธอให้ห่างตัวเลย ฉันขอโทษ”
แล้วนี่เขาจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีถึงจะสามารถช่วยให้ อลินดารอดพ้นจากน้ำมือของพี่สาวสุดชั่วอย่างนารีรัตน์ได้
แซคคารีย์ร้อนรนด้วยความวิตกกังวล เขากำลังต่อสู้กับความรู้สึกห่วงใยที่มีต่ออลินดามากล้น ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกเลย มันมืดแปดด้านไปหมด
“ฉันจะตามหาเธอได้ที่ไหนกัน อลินดา…”
ความหวาดกลัวไม่เคยได้เข้ามากล้ำกลายหัวใจกระด้างของเขามาก่อนเลยตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนมาก่อน ตลอดชีวิตมีแต่เขาที่เอาชนะได้ทุกสิ่ง แต่ตอนนี้เขากำลังหวาดกลัว กำลังขวัญกระเจิง เมื่อผู้หญิงที่รักหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้หญิงที่รัก…?
เขารู้ตัวมานานแล้วล่ะว่าเขารักอลินดา และก็ไม่ได้รักเพราะหล่อนเป็นเจ้าของผ้าพันคอผืนนั้นรวมถึงโปสการ์ดอวยพรหลายสิบใบนั้น แต่รัก… รักเพราะหล่อนคืออลินดา
“ฉันจะทำยังไงดี… ลินดา… เธออยู่ที่ไหน…”
น้ำตาที่ไม่เคยคิดว่าจะไหลรินออกมา มันไหลซึมออกมาจนได้ เขาเป็นห่วง และหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเสียอลินดาไป กลัวว่าหล่อนจะจากไปตลอดกาล
มือใหญ่รีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนตำรวจ และแจ้งเบอร์โทรศัพท์ของนารีรัตน์ให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับสัญญาณจีพีเอส จากนั้นเขาก็รีบโทรหานารีรัตน์ทันที
“คุณแซคโทรหานารีดึกดื่นแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
นารีรัตน์ตอบเสียงอ่อนหวานมาตามสาย
“คุณอยู่ไหนน่ะนารี”
“จู่ๆ ก็มาถามนารีแบบนี้ คุณแซคคิดอะไรกับนารีหรือเปล่าคะ”
“นารี ผมถามว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
แซคคารีย์พยายามถ่วงเวลาคุยกับนารีรัตน์ให้นานที่สุด เพื่อให้ตำรวจจับสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือของนารีรัตน์ให้เจอ
“จะมาหานารีเหรอคะ”
“ใช่ ผมอยากไปหาคุณ คุณอยู่ไหนล่ะตอนนี้”
นารีรัตน์เอี้ยวตัวไปด้านหลังของรถที่มีกฤติชัยขับอยู่เพื่อมองร่างไร้สติของอลินดา และอมยิ้มร้ายกาจ
“ตอนนี้นารีไม่ว่างน่ะค่ะ เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้นะคะ”
“นารี… อย่าเพิ่งวางนะ นารี…”
แซคคารีย์พยายามเรียกเอาไว้ แต่นารีรัตน์ตัดสายสนทนาไปเสียแล้ว
“บ้าชิบ”
ชายหนุ่มสบถอย่างโมโห ก่อนจะโทรหานายตำรวจที่เป็นเพื่อนของตัวเองด้วยความกระวนกระวายใจเป็นที่สุด
“จับสัญญาณจีพีเอสได้ไหม”
“ได้แล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าของโทรศัพท์มือถือกำลังมุ่งหน้าไปแถวๆ สนามบินหัวหิน ทางบ่อฝ้ายน่ะ”
“นารีพาลินดาไปแถวนั้นทำไมกัน”
“แถวนั้นมีโกดังร้างอยู่ครับ”
คำพูดของเพื่อนที่เป็นนายตำรวจยศนายพันทำให้ แซคคารีย์หน้าซีดเผือด
“นายส่งตำรวจมาช่วยฉันด้วยนะ ฉันจะนำหน้าไปก่อน”
“ได้ นายระวังตัวด้วยล่ะแซค”
“ขอบใจ”
แซคคารีย์กล่าวขอบคุณเพื่อน ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องพักมุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตของตัวเอง เขาขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง แต่กระนั้นก็ยังช้าไม่ทันใจเสียเลย กรามแกร่งขบกันแน่นจนแทบแหลกละเอียด ความห่วงใยที่มีต่ออลินดาทำให้เขาร้อนราวกับถูกไฟเผาใจ
“เธอต้องปลอดภัย… ลินดา… เธอต้องปลอดภัยนะ”
เขาภาวนาให้ตัวเองไปช่วยอลินดาได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เธอต้องรอฉันนะ ลินดา…”
ความเปียกชุ่มบนใบหน้าทำให้อลินดาค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวพยายามจะยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำจากใบหน้า แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะสองมือถูกมัดไพล่หลังติดกับเก้าอี้ไม้เอาไว้ หล่อนพยายามดิ้นแต่ก็ไม่หลุด
“ตื่นแล้วหรือน้องรัก”
อลินดาหันไปมองที่ต้นเสียง และก็แทบช็อกสิ้นสติ หัวใจเย็นเฉียบราวกับถูกจับแช่ในถังน้ำแข็ง
“พี่นารี…”
หล่อนช็อกพูดแทบไม่เป็นคำ
“นี่มัน… อะไรกันคะ แล้ว… ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้”
นารีรัตน์ขยับเข้ามาหา สีหน้าและแววตาน่ากลัวจน อลินดาตัวสั่นเทา และเริ่มมองเห็นหายนะของตัวเองชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ฉันจับแกมาเองนั่นแหละ”
อลินดาแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง
“พี่นารี… จับฉันมาทำไมคะ แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
หล่อนพยายามดิ้นรน แต่ก็มือถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาจึงไม่อาจจะขยับไปไหนได้
“อีโง่ ยังจะมีหน้ามาถามอีก กูจับมึงมานี่ ก็เพราะกูจะฆ่ามึงยังไงล่ะ”
“พี่นารี…!”
อลินดาช็อกค้าง
“พี่นารี… พูดอะไรคะ ทำไมถึงพูดจาน่ากลัวแบบนั้น”
“หึ กูพูดในสิ่งที่กูจะทำยังไงล่ะ กูจะฆ่ามึง”
“โอ๊ย…”
อลินดาเจ็บไปทั้งศีรษะ เมื่อถูกอุ้งมือของนารีรัตน์ขยุ้มเส้นผมเอาไว้เต็มแรง หล่อนน้ำตาไหลพราก แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ หล่อนไม่เคยคิดเลยว่านารีรัตน์ พี่สาวแท้ๆ ของตนเองจะมาคิดฆ่าแกงกันแบบนี้
“พี่นารี… เราเป็นพี่น้องกันนะคะ อย่าทำแบบนี้เลย”
“พี่น้องหรือ”
นารีรัตน์หัวเราะเสียงเหี้ยมเกรียม
“กูไม่เคยมีความสุขเลยที่มีมึงตามกูมาเกิดด้วย”
“พี่นารี…”
อลินดาครางด้วยความเสียใจ
“มึงรู้ไหมว่ากูต้องลำบากยังไงบ้าง เมื่อมีมึงเกิดตามกูมาด้วยน่ะ”
นารีรัตน์ขยุ้มเส้นผมนุ่มของน้องสาวแรงยิ่งขึ้น จ้องหน้าที่เปียกชุ่มคราบน้ำตาของอลินดาด้วยความคลั่งแค้น
“มึงแย่งความสุขทุกอย่างไปจากกู อีลินดา!”
“ฉัน… ฉันไม่ได้ทำเลยนะพี่นารี”
อลินดาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจและหวาดกลัว เนื้อตัวของหล่อนสั่นเทา พยายามอ้อนวอนพี่สาวให้เห็นใจ
“ทำไมมึงจะไมได้ทำ! ตั้งแต่เล็กจนโต กูต้องลำบากเพื่อที่จะถีบตัวเองให้ได้ดีกว่ามึง ต้องขยัน ต้องอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เพื่อจะสอบให้ได้คะแนนที่สูงกว่ามึง กูทรมานมากที่ต้องทำตัวเป็นคนเก่งคนดีเพื่อให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ ถ้าไม่มีมึงมาเป็นตัวเปรียบเทียบสักคน กูก็คงจะใช้ชีวิตได้ตามใจของกู ไม่ต้องเรียนหนักจนหัวแทบระเบิดอย่างที่ผ่านมาแบบนี้หรอก!”
“ฉัน… ฉันไม่เคยคิดจะแข่งอะไรกับพี่นารีเลยนะจ๊ะ”
“กูรู้ว่าคนโง่ๆ อย่างมึงไม่เคยคิดจะแข่งอะไรกับกู แต่ถ้ากูไม่เด่นกว่ามึง ตอนนี้กูก็คงจะเป็นลูกชังที่พ่อแม่ไม่รัก เหมือนกับที่มึงเป็นอยู่ในตอนนี้แหละ นังลินดา”
อลินดาร้องไห้ด้วยความเสียใจ “พี่นารี… ฉันขอโทษนะถ้าฉันเคยทำอะไรไม่ดีเอาไว้กับพี่”
“มันสายไปแล้วล่ะนังลินดา เพราะกูไม่มีวันปล่อยให้มึงมาแย่งลมหายใจของกูไปอีกแล้ว หลังจากที่มึงแย่งคุณแซคไปจากกู”
“ฉัน… ฉันไม่เคยคิดจะแย่งคุณแซคไปจากพี่นารีเลยนะจ๊ะ”
“อย่ามาตอแหล มึงรักเขา มึงรักผู้ชายของกู และมึงก็แย่งเขาไปได้สำเร็จ ถ้าไม่มีมึงสักคน คุณแซคก็ต้องหันกลับมาเลือกกู และกูกับเขาก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข”
“ถึงไม่มีฉัน คุณแซคก็ไม่มีทางกลับไปรักพี่อีกแล้วล่ะพี่นารี เพราะพี่ไม่เคยรักใครจริงๆ พี่รักแต่ตัวเอง โอ๊ย…!”
ใบหน้าของอลินดาสะบัดไปตามแรงจากด้ามปืนในมือของนารีรัตน์ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของหญิงสาว