นารีรัตน์นอนซบหน้ากับแผงอกของกฤติชัย รอยยิ้มร้ายกาจยังคงเกลื่อนใบหน้างาม
“พรุ่งนี้นารีจะหลอกนังลินดาไปหัวหินด้วยกัน คุณกฤติชัยเตรียมมือปืนเอาไว้พร้อมหรือยังคะ”
“คุณแน่ใจเหรอนารีว่าจะฆ่าน้องสาวแท้ๆ ของคุณจริงๆ”
“แน่ใจสิคะ หรือว่าคุณจะไม่ช่วยคะ”
นารีรัตน์ลุกขึ้นนั่ง และมองกฤติชัยด้วยสายตาไม่พอใจ
ไม่ว่าไอ้หมอนี่มันจะความจำดีหรือความจำเสื่อม มันก็ชอบทำให้หล่อนโมโหอยู่เสมอ เพราะอย่างนี้ไง หล่อนถึงไม่เคยคิดจะจริงจังกับมัน
“ผมก็แค่ถามอีกครั้งนะครับเพื่อความมั่นใจ เพราะเกรงว่าคุณจะเปลี่ยนใจน่ะ”
สีหน้าของนารีรัตน์บิดเบี้ยวน่ากลัว
“นารีไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ นารีจะฆ่ามัน เพราะมันคนเดียว ชีวิตของนารีถึงต้องพบกับความผิดหวังแบบนี้”
“ในเมื่อคุณไม่เปลี่ยนใจ ผมก็จะจัดการกับมารชีวิตให้กับคุณเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณกฤติชัย”
นารีรัตน์โผลงไปซบอกของกฤติชัยอีกครั้งอย่างออดอ้อน พลางคิดในใจอย่างชั่วร้าย
‘มึงก็ไม่รอดเหมือนกันนั่นแหละไอ้กฤติชัย’
ถึงแม้กฤติชัยจะความจำเสื่อม แต่ถ้าวันดีคืนดีมันเกิดจำทุกอย่างได้ขึ้นมา หล่อนไม่จบเห่เหรอ
“ผมยินดีทำเพื่อคุณทุกอย่างครับ”
‘ไอ้หน้าโง่!’
“ขอบคุณมากค่ะที่รัก”
นารีรัตน์ระบายยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะเฝ้ารอจนกฤติชัยลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ตัวเองจึงโทรหามือปืนที่คุ้นเคยกันดี
“ไอ้ต้น ฉันมีงานให้ทำ พรุ่งนี้แกสแตนบายรอฉันเลยนะ”
“งานอะไรเหรอเจ้”
“ฆ่าคน”
“อีกแล้วเหรอเจ้”
“ฉันจ่ายเงินมากกว่าครั้งที่แล้วสองเท่า จะรับไหม ถ้าไม่รับฉันจะไปจ้างคนอื่น” นารีรัตน์รู้ดีว่าคู่สนทนาเห็นแก่เงินแค่ไหน
“รับๆ สิเจ้ แหมว่าแต่จะให้ทำยังไงครับ”
นารีรัตน์ระบายยิ้มเลือดเย็น ก่อนจะเล่าแผนการของตัวเองให้กับคนปลายสายฟังด้วยทีท่าไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว
“คุยกับใครเหรอครับ”
เสียงของกฤติชัยดังขึ้นก่อนที่หล่อนจะทันวางสายจากมือปืน นารีรัตน์หันไปฉีกยิ้มกลบเกลื่อน และตัดสายทันที
“พ่อน่ะค่ะ โทรมาถามว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่”
รอยยิ้มบางๆ ของกฤติชัยทำให้นารีรัตน์ต้องลอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
“งั้นนารีขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ เอาไว้พรุ่งนี้เราไปเจอกันที่หัวหินตามแผนที่นัดกันเอาไว้”
“ครับ”
นารีรัตน์ก้าวลงจากเตียง และรีบสวมเสื้อผ้า พอแต่งตัวเสร็จแล้วก็คว้ากระเป๋าขึ้นมาคล้องไหล่ พร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดกฤติชัยอย่างประจบประแจง
“พรุ่งนี้เจอกันนะคะที่รัก”
“แน่นอนครับ เราสองคนจะต้องเจอกันแน่ และที่สำคัญเราสองคนจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล”
นารีรัตน์ไม่ชอบใจที่กฤติชัยพูดแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากจะโต้แย้งเพราะเกรงว่าชายหนุ่มจะไม่ช่วยเหลือ
“ค่ะ นารีจะอยู่กับคุณไปตลอดกาลค่ะ”
“คุณสัญญาแล้วนะ”
“ค่ะสัญญาค่ะ”
นารีรัตน์ทำเป็นยกมือขึ้นเกี่ยวก้อยกับกฤติชัย ก่อนจะจูบแก้มสากเป็นครั้งสุดท้าย และเดินออกไปจากห้องทันที
“ไอ้บ้า ใครจะอยู่กับมึงไปตลอดชีวิต”
หญิงสาวแสดงท่าทางขยะแขยง
“รอให้ฉันกำจัดนังลินดาได้ก่อนเถอะ แกก็จะเป็นรายต่อไปไอ้กฤติชัย”
อลินดาแปลกใจเมื่อเดินลงมาจากบันได แล้วเห็น แซคคารีย์ยังคงนั่งจิบกาแฟอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ คิ้วเรียวเลิกสูง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเขา
“ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะคุณแซค”
แซคคารีย์หันมาทางเสียงเรียกหวานฉ่ำของอลินดา ก่อนจะวางถ้วยกาแฟลงกับโต๊ะกระจก และระบายยิ้มน้อยๆ
“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานหรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ วันนี้คุณแซคมีประชุมไม่ใช่เหรอคะ”
สีหน้าของอลินดาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“ใช่ แต่ฉันอยากไปเที่ยวทะเลมากกว่านี่น่า”
“งั้นก็แสดงว่าคุณแซค… เกเรงานเหรอคะ”
แซคคารีย์พยักหน้ารับน้อยๆ และยิ้มกว้าง
“ไม่ต้องทำหน้าตื่นแบบนั้นหรอก ฉันให้วาเนสซ่าส่งอีเมลแจ้งเลื่อนประชุมตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าเธอจะต้องไปหัวหินกับครอบครัวแล้วล่ะ”
“คุณแซคไม่เห็นบอกลินดาเลยล่ะคะ”
“ก็ฉันอยากเซอร์ไพรส์เธอไงล่ะ”
อลินดามองค้อนคนตัวโต ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วคุณแซคเตรียมกระเป๋าเดินทางแล้วเหรอคะ”
“ยังเลย” แซคคารีย์ส่ายหน้าไปมา
“งั้นเดี๋ยวลินดาขึ้นไปจัดกระเป๋าเดินทางให้นะคะ”
“มันหน้าที่ของเมียอย่างเธออยู่แล้วนี่ อลินดา”
คำพูดของแซคคารีย์ทำให้หล่อนอดที่จะย่นจมูกใส่ไม่ได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวลินดามา”
แซคคารีย์มองตามร่างภรรยาไปจนลับสายตา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาจากปากเบาๆ ความวิตกกังวลกระจ่างชัดอยู่ในดวงตาสีสนิมมากมาย
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าการไปหัวหินในครั้งนี้มันจะเป็นแค่การพักผ่อนอย่างเดียว มันจะต้องมีอะไรแน่ๆ แต่เขาไม่รู้เท่านั้นเองว่านารีรัตน์กำลังคิดจะทำอะไรอยู่
และนี่คือเหตุผลที่เขาตัดสินใจส่งอีเมลขอเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นโรงแรมออกไปเป็นอาทิตย์หน้า เพราะเขาเป็นห่วงอลินดาขึ้นมาจับใจ ครั้นจะบอกหล่อนว่าให้ระวังตัวจากพี่สาวของตัวเอง หล่อนก็คงจะไม่ยอมทำตามแน่ๆ ดีไม่ดีจะหาว่าเขาใส่ร้ายนารีรัตน์เสียอีก
ขับรถจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้ามาหัวหินใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น หล่อนกับแซคคารีย์เดินทางกันมาเพียงลำพังแค่สองคน และก็นัดเจอกับครอบครัวที่รีสอร์ทที่นารีรัตน์จองเอาไว้
“สีหน้าคุณแซคดูเครียดๆ นะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เมื่อเห็นผู้ชายข้างตัวทำหน้าเครียดมาตลอดทาง อลินดาก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
แซคคารีย์ที่เพิ่งปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวหันมามองคนตั้งคำถาม ก่อนจะพูดออกมา
“ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ น่ะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน”
“ลินดาว่าคุณแซคคงเครียดเรื่องงานมากกว่าค่ะ ก็ตั้งแต่คุณกฤติชัยส่งหลานชายมาดีลงานแทน ระบบงานก็ค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายไม่เหมือนตอนที่คุณกฤติชัยมาดีลงานเอง”
แซคคารีย์หันมาจ้องหน้าอลินดา เขาคว้ามือเล็กมากุมเอาไว้ สีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดเหมือนเดิม
“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ”
“แล้วเรื่องอะไรคะ”
“เรื่องเธอไง”
คำตอบจากปากหยักสวยของแซคคารีย์ทำให้อลินดาแก้มแดงระเรื่อ
“ลินดาทำอะไรให้คุณแซคไม่พอใจเหรอคะ”
คนตัวโตถอนใจออกมา ยื่นมือมาเชยคางมนให้อลินดาช้อนตาขึ้นสบประสาน
“เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ฉันแค่เป็นห่วงเธอน่ะ”
“เป็นห่วงลินดา?”
“ใช่ ฉันเป็นห่วงเธอ”
คำตอบของเขาทำเอาอลินดาแก้มแดงก่ำ หัวใจของหล่อนแช่มชื่นเหลือเกิน
“ไม่ต้องห่วงลินดาหรอกค่ะ ที่นี่มีแต่คนในครอบครัวของลินดาทั้งนั้น”
“เธอแน่ใจนะว่าพวกเขามองเธอเป็นคนในครอบครัว”
หล่อนอึ้งไปกับคำถามกลับมาของแซคคารีย์ เพราะเอาจริงๆ แล้วหล่อนก็ไม่เคยมั่นใจเหมือนกัน
“คุณแซคหมายถึง…”
“ฉันอยากให้เธอระวังตัวทุกฝีก้าวน่ะ ถึงแม้ฉันจะอยู่ด้วยก็ตาม”
อลินดามองแซคคารีย์ที่สีหน้ายังคงเคร่งเครียดด้วยความซาบซึ้งใจ แม้เขาจะไม่เคยบอกว่ารักหล่อนตรงๆ แต่แค่เขาแสดงออกว่าห่วงใย หล่อนก็มีความสุขแล้ว
“ค่ะ ลินดาจะระวังตัวค่ะ”
“ดีมาก งั้นเราลงไปสมทบกับครอบครัวของเธอกันเถอะ”
แซคคารีย์ปลดเข็มขัดนิรภัยให้กับหล่อน และก็ก้าวลงไปจากรถ ไม่นานเขาก็เดินอ้อมตัวรถมาดึงประตูเปิดให้
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนกล่าวขอบคุณและก้าวตามลงไป ก่อนจะระบายยิ้มกว้างเมื่อเห็นบรรยากาศแสนสวยเบื้องหน้า
“สวยจังค่ะ”
“ชอบทะเลหรือ”
แซคคารีย์เอ่ยถาม
“ค่ะ ลินดาชอบทะเล แต่ก็ไม่ได้มาบ่อยๆ อย่างที่ใจต้องการเสียที”
แซคคารีย์หันมองหน้าภรรยา และคว้ามือเล็กมากุมเอาไว้
“เอาเป็นว่าถ้าเสาร์อาทิตย์ไหนฉันไม่เพลียจนเกินไป เราจะมาทะเลด้วยกัน โอเค๊”
อลินดาหันขวับมองหน้าคนตัวโต และฉีกยิ้มจนตายีเป็นเส้นตรงเลยทีเดียว
“คุณแซค… พูดจริงนะคะ”
“จริงสิ จะโกหกทำไม”
ภาพที่อลินดากระโดดตัวลอยอย่างดีใจทำเอาแซคคารีย์ซ่อนรอยยิ้มพึงพอใจเอาไว้ไม่อยู่ อลินดาน่ารัก สดใส เขาไม่น่าโง่มองหล่อนเลวมาตั้งนานเลย
“เข้าที่พักกันเถอะ”
“ค่ะ”
แซคคารีย์เดินโอบเอวของอลินดามุ่งหน้าตรงเข้าไปในรีสอร์ท แต่ก็เจอนารีรัตน์และอุบลที่ล็อบบี้เสียก่อน
“มาแล้วเหรอลินดา”
นารีรัตน์ฉีกยิ้มกว้างเดินเข้ามาทักทายน้องสาว ก่อนจะเอียงหน้าพูดกับแซคคารีย์ด้วยความแปลกใจ
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณแซคจะลางานมาด้วยนะคะเนี่ย”
“พอดีช่วงนี้งานไม่ค่อยยุ่งน่ะครับ”
นารีรัตน์ยิ้มให้กับแซคคารีย์ ก่อนจะคว้ามือของอลินดาไปกุมเอาไว้
“หน้าตาอิ่มเอิบดีนะ คงมีความสุขมากใช่ไหมลินดา”
“ก็… ตามอัตภาพน่ะค่ะ
อลินดายกมือไหว้มารดาแล้ว ก็หันมาถามพี่สาวถึงบิดาด้วยความแปลกใจ
MANGA DISCUSSION