นารีรัตน์ออกมานั่งดื่มเหล้าในผับชื่อดังแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวง ในหัวกำลังคิดหาหนทางที่จะกำจัดอลินดาให้ได้เร็วที่สุด แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเสียที
“ฉันจะกำจัดแกยังไงดี นังลินดา” หล่อนเค้นเสียงคลั่งแค้นออกมาแผ่วเบา พร้อมกับกระดกแก้วเหล้าเทหายเข้าไปในลำคออีกครั้งจนหมดแก้ว รสชาติของแอลกอฮอล์บาดคอเหลือเกินจนใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยว
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
หล่อนหันขวับไปมองเจ้าของเสียง ก่อนจะตกใจจนแทบช็อก เมื่อเห็นว่าผู้ชายเจ้าของเสียงคือใคร
“คุณ… กฤติชัย…?” นารีรัตน์ช็อกตาตั้ง และจะลุกหนี แต่แขนถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
“คุณรู้จักผมด้วยหรือครับ” คนที่กำลังบิดแขนเพื่อให้หลุดจากอุ้งมือใหญ่อยู่ชะงักงัน
“คะ?”
“ผมถามว่าคุณรู้จักผมมาก่อนด้วยหรือครับ”
นารีรัตน์เบิกตากว้าง มองผู้ชายตรงหน้าอย่างพิจารณา และก็พบว่าคู่สนทนาคือกฤติชัยตัวจริงเสียงจริง ผู้ชายที่น่าจะตายไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ แถมยัง… ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักหล่อนมาก่อนเสียด้วย
“คุณ… จำฉันไม่ได้เหรอคะ”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนเอียงคอไปมา ทำท่าเหมือนพยายามจะนึก แต่แล้วเขาก็ร้องออกมาคล้ายกับกำลังเจ็บปวดรุนแรง แถมยังยกมือขึ้นมากุมศีรษะอีกต่างหาก
“คุณเป็นอะไรไปคะ”
“ผมปวดหัวน่ะครับ เวลาพยายามจะนึกเรื่องที่ผ่านมาในอดีต ผมก็จะปวดหัวทุกครั้ง”
“คุณหมายถึง…”
“ผมจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลยครับ”
นารีรัตน์ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินนัก แต่สายตาของกฤติชัยที่มองมายังหล่อนนั้นมันว่างเปล่าไม่ได้มีแววลุ่มหลงเหมือนเมื่อก่อนนี้เลยแม้แต่น้อย
กฤติชัยความจำเสื่อมจริงๆ เหรอ…?
“คุณ… จำอดีตไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
“ครับ”
“แล้วทำไมคุณถึงเดินเข้ามาทักฉันล่ะ” หล่อนถามอย่างสงสัย และผู้ชายตรงหน้าก็ระบายยิ้มให้ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้า หล่อนทรุดตัวนั่งตามไป
“ก็คุณสวยเตะตาผมนี่ครับ ผมก็เลยอยากรู้จัก”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ”
นารีรัตน์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องบ้าบอคอแตกมันจะเกิดขึ้นได้ในโลกใบนี้จริงๆ
หล่อนวางยากฤติชัยและสั่งให้คนเอาไปฆ่าให้ตาย แต่เขากลับรอดตายมาได้ แต่ความจำเสื่อม
“แล้วคุณมาเที่ยวคนเดียวเหรอคะคุณกฤติชัย”
“ผมมากับคนขับรถน่ะครับ เขารออยู่ข้างนอก” ผู้ชายข้างตัวตอบเสียงเรียบไร้พิรุธ ก่อนจะหันมาถามหล่อนอีกครั้ง “ว่าแต่คุณเถอะรู้จักชื่อผมได้ยังไง”
นารีรัตน์นิ่งไปสักพักก็ตัดสินใจพูดออกไป “เราเคยเป็นคนรักกันน่ะค่ะ และคุณก็รักฉันมาก”
“จริงเหรอครับ”
“จริงค่ะ”
“แล้วตอนนี้คุณกับผมเราเลิกกันหรือยังครับ”
นารีรัตน์ที่กำลังเหงาจึงคิดจะใช้กฤติชัยเป็นเครื่องมือคลายเหงาขึ้นมาอีกครั้ง
“เราเลิกกันไปแล้วค่ะ เพราะว่าคุณทำงานยุ่งมากไม่มีเวลาให้กับนารี”
“คุณชื่อนารีหรือครับ”
“ฉันชื่อนารีรัตน์ค่ะ”
“ชื่อเพราะจังนะครับ ผมคิดว่าเมื่อก่อน เราคงจะต้องรักกันมากแน่ๆ เลย”
นารีรัตน์ลอบเบ้ปากอย่างสมเพช แต่เพราะตอนนี้ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่ากฤติชัย หล่อนจึงต้องแสดงละครต่อไป
“ใช่ค่ะ เรารักกันมาก”
“งั้นเราก็กลับมาคบกันอีกครั้งหนึ่งดีไหมครับ เห็นคุณบ่อยๆ ผมจะได้จำอะไรในอดีตได้บ้าง”
นารีรัตน์ระบายยิ้มหวาน “ขอเวลานารีคิดก่อนได้ไหม”
กฤติชัยยื่นมือมากุมมือของนารีรัตน์ และยกขึ้นมาจุมพิตอย่างนุ่มนวล
“ทำไมต้องคิดอะไรให้มากเรื่องด้วยล่ะครับ ในเมื่อยังไงซะ เราสองคนก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน”
ทำไมหล่อนถึงรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังแปลกประหลาดแบบนี้นะ แต่คงเป็นเพราะในผับเปิดเครื่องปรับอากาศแรงเกินไปล่ะมั้ง
“งั้นคุณกฤติชัยต้องตามใจนารีนะคะ”
“ได้ครับ ผมจะตามใจคุณทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะอยากได้อะไร ผมก็จะหามาให้ ไม่เว้นแม้แต่ดาวกับเดือนครับ”
นารีรัตน์ระบายยิ้มพึงพอใจ เมื่อสมองนึกแผนการยืมมือฆ่าคนขึ้นมาได้
“ขอให้จริงนะคะ”
“จริงสิครับ ผมเป็นคนที่รักษาสัญญาครับ”
แล้วค่ำคืนนั้น นารีรัตน์ก็ยอมไปนอนค้างคืนกับกฤติชัยที่ความจำเสื่อมจำอะไรในอดีตไม่ได้เลยอย่างง่ายดาย
นารีรัตน์ตื่นขึ้นมาก่อนในตอนเช้า หล่อนหันไปมองข้างตัวก็เห็นว่ากฤติชัยยังนอนหลับอยู่ หล่อนจึงก้าวลงจากเตียง แต่ก็ต้องอุทานด้วยความเจ็บลึกภายในจุดสงวน เพราะถูกกฤติชัยเล่นงานหนักตลอดทั้งค่ำคืน
“ไอ้บ้า ไปตายอดตายอยากที่ไหนมานะถึงกินมูมมามนัก” หญิงสาวก่นด่าเบาๆ อย่างหงุดหงิด แต่ก็สามารถลงมายืนบนพื้นห้องได้ในที่สุด หล่อนหันไปมองหาโทรศัพท์มือถือ พอเจอก็รีบคว้ามันมาถือเอาไว้ และเดินออกไปนอกระเบียง
“ไอ้ต้น คนที่กูสั่งให้เอาไปฆ่าน่ะ มึงฆ่าหรือเปล่า”
“ผมก็ยิงมันแล้วนะเจ้ แล้วก็เอาไปโยนทิ้งลงน้ำด้วย” ไอ้ต้นตอบมาตามสาย “ทำไมล่ะเจ้ มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็มันยังไม่ตายน่ะสิ”
“ว่าไงนะเจ้!” ไอ้ต้นที่อยู่ปลายสายอุทานตกใจ แต่นารีรัตน์ตัดบทอย่างโมโหเสียก่อน
“มึงไม่ต้องมาทำสุ่มเสียงตกใจเลย มึงนี่กูใช้อะไรไม่เคยทำสำเร็จสักอย่าง ไอ้ระยำ”
“ก็ผมจะรู้เหรอเจ้ว่ามันจะไม่ตายอ่ะ แม่งหนังเหนียวชิบหาย”
“มึงไม่ต้องพูดมาก ฉันก็แค่โทรมาบอกว่ามึงทำพลาดแค่นั้นแหละ”
“แล้วเจ้จะให้ผมลากมันไปฆ่าอีกไหม”
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ มันความจำเสื่อม” นารีรัตน์เค้นเสียงตอบไปตามสาย
“แสดงว่าตอนที่ผมโยนมันลงไปในน้ำ หัวมันต้องไปกระแทกกับอะไรเข้านั่นแหละ มันถึงความจำเสื่อม” ไอ้ต้นครุ่นคิด แต่นารีรัตน์ตัดบทอย่างรำคาญ
“ช่างมันเถอะ เอ็งก็ปิดปากให้เงียบก็แล้วกัน อย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด”
“ครับเจ้”
นารีรัตน์หันไปมองภายในห้องนอน ก็เห็นว่ากฤติชัยตื่นนอนแล้วจึงรีบตัดบทกับคู่สนทนา
“แค่นี้นะ แล้วแกห้ามโทรมาหาฉันเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับเจ้”
นารีรัตน์ตัดสายสนทนาทิ้ง ก่อนจะรีบเปิดประตูกระจกเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอคะที่รัก”
นารีรัตน์เดินเข้าไปกอดร่างของกฤติชัย และจูบแก้มสากอย่างออดอ้อน
“ตื่นแล้วครับ ว่าแต่คุณเถอะนารี ทำไมตื่นเร็วนักล่ะ”
“เอ่อ… พอดีพ่อโทรมาน่ะค่ะ”
กฤติชัยพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถาม “ไหนมีเรื่องอะไรจะให้ผมช่วยเหลือครับ”
“คุณกฤติชัยน่ารักจังเลยค่ะ ยังอุตส่าห์จำได้อีก” นารีรัตน์ฉีกยิ้มกว้าง และจูบแก้มสากอีกครั้งอย่างเอาใจ
“เรื่องของคุณผมไม่เคยลืมหรอกครับ ไหนว่ามาสิว่าจะให้ผมช่วยเรื่องอะไร ใช่เรื่องเงินไหม”
นารีรัตน์ส่ายหน้าไปมา สายตามีความร้ายกาจ “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องเงิน”
“แล้วเรื่องอะไรเหรอครับ”
นารีรัตน์ช้อนตาขึ้นสบประสานกับดวงตาของกฤติชัย
“ฆ่าคนค่ะ”
“ฆ่าคน?!”
“คุณกฤติชัยทำสีหน้าท่าทางแบบนี้ แสดงว่าจะไม่ช่วยกำจัดศัตรูให้กับนารีใช่ไหมคะ”
คู่สนทนาของหล่อนส่ายหน้าไปมา
“ผมยินดีจะช่วยคุณทุกเรื่องนั่นแหละครับนารี แต่ผมคิดว่าการฆ่าคนมันไม่ใช่เรื่องที่ดี”
“แต่ถ้ามันยังมีลมหายใจอยู่ในโลกใบนี้ นารีก็จะไม่มีวันมีความสุขค่ะ”
“แต่มันไม่ดีนะครับนารี”
นารีรัตน์ทำหน้าหงุดหงิดใส่กฤติชัย ก่อนจะดิ้นรนออกจากอ้อมแขนอย่างแง่งอน
“ถ้าคุณไม่ช่วยนารี นารีจัดการเองก็ได้ค่ะ แล้วถ้านารีติดคุกไป คุณก็เอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมนารีด้วยก็แล้วกันนะคะ”
กฤติชัยคว้าแขนเรียวของนารีรัตน์เอาไว้ และดึงเข้ามากอด “ผมก็แค่รู้สึกไม่ดีเท่านั้นน่ะครับที่ต้องฆ่ามนุษย์ด้วยกัน แต่ผมก็ยังไม่ได้บอกคุณนี่ว่าจะไม่ยอมทำ”
นารีรัตน์ยิ้มกว้างอย่างดีใจทันที “คุณกฤติชัยจะยอมช่วยนารีเหรอคะ”
“เพื่อคุณ ผมทำได้ทุกอย่างนั่นแหละนารี”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่สุดเลยค่ะ”
นารีรัตน์ซบหน้าลงกับบ่าของกฤติชัย นัยน์ตาของหล่อนเต็มไปด้วยความสะใจเป็นที่สุด
‘มึงไม่รอดแน่ อีลินดา’
MANGA DISCUSSION