เสียงกรีดร้องกรี๊ดกร๊าดดังลั่นบ้าน ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องรีบวิ่งเข้ามาหาลูกสาวสุดที่รัก และพยายามปลอบประโลม
“นารีลูกแม่…”
นารีรัตน์หันไปมองหน้ามารดา ก่อนจะกรี๊ดพร้อมกับกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความคลั่งแค้น
“ก็จะไม่ให้ฉันเป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะแม่ ในเมื่อนังลินดามันขโมยคุณแซคไปจากฉันเรียบร้อยแล้ว”
คนเป็นแม่ถอนใจออกมาแผ่วเบาอย่างจนปัญญา “แม่ก็ไม่รู้จะช่วยแก้ไขยังไง ในเมื่อนี่มันเป็นความต้องการของคุณแซค เองทั้งหมด”
“แต่เมื่อก่อนคุณแซคเกลียดมันจะตายไป”
เพราะหล่อนคอยยุแยงให้เขาเกลียดชังน้องสาวฝาแฝดของตัวเองด้วยความริษยานั่นเอง
“ก็ตอนนี้ข้าวสารมันกลายเป็นข้าวสุกไปแล้วนี่นารี แม่กับพ่อก็จนปัญญาที่จะแก้ไข หนูก็อย่าคิดมากเลยนะ ถือว่าลูกไม่ใช่เนื้อคู่กับคุณแซค เอาไว้แม่จะหาผู้ชายดีๆ มาให้เลือกใหม่นะลูก”
“ไม่ค่ะ ยังไงนารีก็จะต้องแย่งคุณแซคกลับมาให้ได้” นารีรัตน์ยืนกรานเสียงแข็ง “คุณแซคเป็นของนารี ที่เขาต้องเลือกนังลินดา ก็เพราะมันอ่อยจนเขาพลาดพลั้งเอามันทำเมียต่างหากล่ะคะ”
“ถึงลินดามันจะทำอย่างนั้นจริงๆ แต่เราก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ลูก เพราะคุณแซคเขาตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบลินดามันแล้ว”
“แต่ถ้าไม่มีนังลินดาสักคน คุณแซคก็จะกลับมารักฉันคนเดียว เหมือนเดิม”
“นารี… ลูกพูดอะไรน่ะ” แม้จะรักลูกลำเอียงแค่ไหน แต่หล่อนก็ไม่ใจร้ายพอที่จะวางแผนทำร้ายลูกในไส้ของตัวเองได้ “อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะนารี”
“แม่รักนารีหรือว่านังลินดามากกว่ากันล่ะคะ”
“นารี… แม่รักลูกที่สุด แต่แม่ก็ทำร้ายลินดาไม่ได้ เพราะยังไงนั่นก็ลูกแม่ และก็น้องสาวของนารีนะ น้องสาวแท้ๆ ด้วย”
เมื่อเห็นว่ามารดาไม่เห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง นารีรัตน์จึงต้องซ่อนแผนร้ายกาจเอาไว้
“ใช่ค่ะ ลินดาเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉัน”
“อย่าทำอะไรน้องเลยนะนารี”
มารดาของหล่อนเข้ามาเกาะแขนเอาไว้ และขอร้อง
“ค่ะ นารีจะไม่ทำอะไรลินดา”
“ตัดอกตัดใจนะลูก สักวันผู้ชายดีๆ ก็เข้ามาในชีวิตของลูกเอง นารี”
“ถ้าฉันไม่ได้อยู่กับคุณแซค ฉันก็จะไม่ยอมมีชีวิตอยู่หรอกแม่”
“นารี!”
นารีรัตน์จ้องหน้ามารดาด้วยสายตาจริงจัง
“ฉันต้องได้คุณแซคกลับคืนมา และแม่ก็ต้องช่วยเหลือฉันด้วย”
คนเป็นแม่มีสีหน้าไม่สบายใจนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือก การช่วยให้ นารีรัตน์ได้สมรักกับแซคคารีย์ก็ยังดีเสียกว่าให้ลูกสาวทั้งสองมาฆ่าแกงกันเองเพื่อแย่งผู้ชาย
“แล้วจะให้แม่ทำยังไงล่ะนารี”
นารีรัตน์ยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะพูดออกมา
“ฉันจะสลับตัวกับนังลินดา”
“นารี?”
“ฉันจะทำจริงๆ แม่ และจะทำให้เร็วที่สุดด้วย”
“แต่คุณแซคไม่ใช่คนโง่ ลูกจะถูกคุณแซคจับได้ในที่สุดเชื่อแม่สิ”
นารีรัตน์ไหวไหล่น้อยๆ “กว่าจะจับได้ นังลินดามันก็ไปไกลแสนไกลแล้วล่ะแม่ เขาตามหามันไม่เจอหรอก และในเมื่อหามันไม่เจอ คุณแซคก็จะเหลือแค่ฉัน นารีรัตน์เพียงคนเดียว”
คนเป็นแม่ไม่สบายในเลยที่ได้ยินแผนการของลูกสาวคนโตเช่นนี้ แต่กระนั้นหล่อนก็ไร้ทางเลือก
“แล้วลูกจะให้เริ่มแผนการนี้เมื่อไหร่ล่ะ”
“เย็นนี้คุณแซคจะพานังลินดามาหาแม่ แม่ก็หาโอกาสอยู่กับมันตามลำพัง และก็พูดให้มันยอมเปลี่ยนตัวกับฉัน”
นารีรัตน์นั่งหัวเราะกับแผนการแยบยลของตัวเอง ในขณะที่คนเป็นแม่นั่งถอนใจออกมาด้วยความไม่สบายใจ
“ความจริงคุณแซคไม่ต้องรอลินดาก็ได้ค่ะ ลินดาคิดว่าจะค้างกับแม่สักคืน” อลินดาช้อนตามองผู้ชายที่เปิดประตูรถให้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ
“ก็เพราะฉันเกรงว่าเธอจะค้างที่นี่ยังไงล่ะ ฉันก็เลยต้องมาด้วย”
คนพูดโน้มหน้าลงมาหา และจูบแผ่วเบาที่แก้มนวลอย่างฉวยโอกาส อลินดาสะดุ้งน้อยๆ กับความร้อนระอุจากริมฝีปากที่ส่งผ่านมายังผิวแก้มเนียนนุ่ม
“คุณแซค…”
เจ้าของชื่ออมยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะพูดให้หญิงสาวขัดเขินขึ้นอีกระลอก
“เธอก็รู้นี่ว่าเราต้องทำกิจกรรมกันก่อนหลับทุกคืน”
คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ
“คุณแซคน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้”
“อ้าว ฉันพูดผิดตรงไหนเนี่ย ฉันพูดความจริงต่างหาก”
อลินดาขัดเขินจนเนื้อตัวแทบปริ จึงเดินหนีเข้าไปในบ้าน โดยมีแซคคารีย์อมยิ้ม และเดินตามหลังเข้าไปติดๆ ท่ามกลางสายตาคลั่งแค้นของนารีรัตน์ที่มองเขม็งลงมาจากหน้าต่างห้องนอน
“ความสุขของแกมันใกล้จบลงแล้ว นังลินดา”
นารีรัตน์หยิบแป้งเด็กยี่ห้อที่อลินดาใช้ทาตัวเป็นประจำมาลูบไล้เรือนร่างของตัวเอง เพื่อให้เนื้อตัวมีกลิ่นคล้ายกับน้องสาวฝาแฝดมากที่สุด
ในขณะที่นารีรัตน์กำลังดำเนินแผนการอยู่นั้น อลินดาก็ยกมือไหว้มารดาของตัวเอง และก็อดที่จะเอ่ยถามถึงบิดาไม่ได้
“พ่อไปไหนล่ะคะแม่”
“ไปต่างจังหวัด อีกสามวันกว่าจะกลับ”
อลินดายิ้มตอบมารดา
“แล้วแม่สบายดีไหมคะ”
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ แต่แกคงจะสบายดีมากเลยใช่ไหม หน้าตาถึงดูอิ่มเอิบมีน้ำมีนวลขึ้นแบบนี้”
“เอ่อ…” อลินดาหันไปสบตากับแซคคารีย์โดยบังเอิญ ก่อนจะรีบเสหลบสายตาด้วยความขัดเขิน “ก็… ไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉันก็มีความสุขตามอรรถภาพนั่นแหละ”
“แล้วนารีไปไหนแล้วล่ะครับ” แซคคารีย์ที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยถาม เมื่อไม่เห็นนารีรัตน์
“ไม่ค่อยสบายน่ะคุณแซค นอนซมอยู่บนบ้านแน่ะ”
“นารีเป็นอะไรหรือครับ”
“เห็นบ่นว่าปวดหัวน่ะค่ะ แต่กินยาไปแล้วล่ะ ป่านนี้ก็คงจะหลับอยู่นั่นแหละ”
คำพูดของมารดายิ่งทำให้อลินดาไม่สบายใจ “แล้วพี่นารี ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมคะแม่”
“ก็ไม่ได้มากหรอก แต่ว่าแกจะขึ้นไปเยี่ยมพี่เขาหน่อยไหมล่ะ”
“ไปจ้ะแม่”
“ฉันไปด้วย”
แซคคารีย์รีบพูดขึ้นเพราะไม่ต้องการให้อลินดาอยู่กับคนในครอบครัวตามลำพัง
“คุณแซครออยู่ที่นี่เถอะค่ะ เดี๋ยวน้าพาลินดามาส่งคืนให้ค่ะ”
“แต่ว่า…” แซคคารีย์ไม่เห็นด้วยกำลังจะแย้ง แต่อลินดาก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวลินดามาค่ะ”
แซคคารีย์ถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบรับด้วยการพยักหน้ารับ และคำพูดสั้นๆ
“อืม”
อลินดาลุกขึ้นยืนเดินตามมารดาออกไปจากห้องรับแขก มุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องพักของพี่สาว แต่เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว ก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นนารีรัตน์นั่งรออยู่บนเตียง ด้วยเสื้อผ้าที่น่าจะค้นมาจากตู้เสื้อผ้าของหล่อน
“พี่นารี… ไม่ได้ป่วยเหรอคะ”
“ฉันสบายดี”
คำตอบของนารีรัตน์ทำให้อลินดาต้องหันกลับไปมองมารดาด้วยความสายตาแคลงใจ แต่มารดายังไม่ทันอธิบาย คนเป็นพี่สาวก็พูดออกมาเสียก่อน
“แกรู้สึกผิดบ้างไหมที่แย่งคุณแซคไปจากฉัน”
“เอ่อ…”
“ถ้าแกรู้สึกผิด แกก็ต้องยกเขาคืนให้กับฉัน”
อลินดาน้ำตาไหลริน “ฉันรู้ดีว่าตัวเองแย่งคนรักของพี่นารีมา แต่ฉันพยายามจะไปแล้วนะ แต่คุณแซค…”
“แกไม่ต้องพูด ฉันรู้แล้วว่าคุณแซคไม่ยอมให้แกไป แต่นั่นก็เพราะเขากลัวว่าแกจะอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ยังไงล่ะ เขาไม่ได้รักแก แต่เขารักฉัน อย่าลืมสิ”
หล่อนไม่เคยลืมหรอก ไม่เคยลืมความจริงข้อนี้ ความจริงที่ว่า แซคคารีย์รักนารีรัตน์ไม่ใช่หล่อน
“แล้วพี่นารีจะให้ฉันทำยังไง” อลินดาถามกลับออกไปทั้งน้ำตา “ถ้าจะให้ฉันหนี ฉันขอเวลาสักหน่อยนะ เพราะตอนนี้คุณแซคเฝ้าฉันทุกฝีก้าวเลย ฉันไปไหนไม่ได้…”
นารีรัตน์ลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าน้องสาว “แกไม่ต้องหนีไปไหนทั้งนั้นแหละ แค่สลับตัวกับฉันก็พอ”
“สลับตัว?!” อลินดาทวนคำพูดของพี่สาวด้วยความตื่นตกใจ กลีบปากอิ่มเผยอค้าง
“ใช่ สลับตัวกัน แกมาเป็นฉัน และฉันก็ไปเป็นแก”
อลินดาส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย “แต่ทำแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการหลอกลวงคุณแซคนะคะพี่นารี…”
“หลอกลวงอะไรกัน ในเมื่อเราคือฝาแฝดกัน คุณแซคแยกไม่ออกหรอกน่า”
ความสงสัยที่เห็นพี่สาวเอาเสื้อผ้าเชยๆ ของหล่อนมาสวมใส่กระจ่างในทันที ที่แท้ก็เพราะนารีรัตน์กำลังจะสวมรอยเป็นหล่อนนั่นเอง
“และถ้าแกรู้สึกผิดที่แย่งชิงผู้ชายของฉันไปจริง แกก็ต้องยอมสลับตัวกับฉัน” นารีรัตน์ย้ำเสียงกระด้าง
“แต่ฉัน…”
“หรือว่าที่แกบอกว่ารู้สึกผิดกับฉัน แท้จริงแล้วแกโกหก แกดีใจที่แย่งคุณแซคไปจากฉันใช่ไหม นังน้องทรยศ!”
“ไม่ใช่นะพี่นารี ฉันไม่ได้ดีใจ แต่ฉัน…” อลินดาอธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ แต่หล่อนไม่ได้รู้สึกยินดีเลยที่จะต้องสลับตัวกับนารีรัตน์เพื่อหลอกลวงแซคคารีย์แบบนี้
“ทำตามที่นารีบอกเถอะลินดา แกจะได้ไม่ต้องทำบาปอีกต่อไป”
มารดาที่ยืนนิ่งอยู่นานพูดเข้าข้างนารีรัตน์ออกมาอีกครั้ง และก็ทำให้หล่อนปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
“หลังจากที่ฉันสวมรอยเป็นแกไปบ้านคุณแซคคืนนี้แล้ว แกก็รีบเก็บข้าวเก็บของไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และอย่ากลับมาให้คุณแซคเจอหน้าอีก จำเอาไว้”
“พี่นารี… ฉัน…”
“ฉันรู้ว่าแกรักผู้ชายของฉัน แต่แกก็ต้องเจียมตัวสิว่าแกไม่มีสิทธิ์ คุณแซคเป็นของฉัน”
ใช่… หล่อนไม่มีสิทธิ์ แค่ได้ใกล้ชิดกับแซคคารีย์ในช่วงที่นารีรัตน์ไม่อยู่ก็ถือว่าเป็นบุญมากพอแล้ว แต่หล่อน… ยังไม่ได้ล่ำลาแซคคารีย์เลย
“ขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะพี่นารี”
“ไม่ได้ คืนนี้น่ะเหมาะที่สุดแล้ว”
คำตอบของพี่สาวทำให้น้ำตาของหล่อนไหลแล้วไหลอีก หัวใจปวดร้าวทรมาน
“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียง ส่วนฉันก็จะสวมรอยเป็นแกลงไปหาคุณแซค เดี๋ยวนี้แหละ”
เวลาของเมียคั่นเวลา มันจบลงแล้วสินะ
อลินดาไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำตามคำสั่งของพี่สาวที่มีมารดาของสนับสนุนอย่างปวดร้าวทรมาน
MANGA DISCUSSION