นารีรัตน์เดินเข้ามาหาแซคคารีย์ที่ยืนหันหลังมองออกไปนอกระเบียงไม้ หญิงสาวแกล้งปั้นหน้าให้ดูเศร้าหมอง ก่อนจะเอ่ยทักทายออกไป
“คุณแซค… กังวลเรื่องลินดาใช่ไหมคะ”
แซคคารีย์หันมามองคนพูด ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ “คุณนั่นเองนารี”
นารีรัตน์ระบายยิ้มเศร้าๆ ก้าวมายืนริมระเบียงไม้ข้างๆ กับร่างทรงพลังของแซคคารีย์
“ไม่ต้องกังวลนะคะ นารีจะช่วยพูดกับลินดาให้ค่ะ ยังไงซะ คุณกับลินดาก็จะเข้าใจกัน”
“ผมรู้สึกผิดกับคุณนะนารี แต่ตอนนี้ผม… ทิ้งลินดาไม่ได้ เธอเป็นภรรยาของผมแล้ว”
“นารีเข้าใจค่ะ เรื่องนี้ไม่มีใครผิดเลย นอกจากนารีคนเดียว เพราะถ้านารีไม่หายตัวไป เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” นารีรัตน์แสดงบทบาทของนางเอกละครหลังข่าวได้อย่างยอดเยี่ยม หล่อนวางมือลงบนท่อนแขนกำยำของแซคคารีย์ “แต่เมื่อกี้ที่นารีเข้าไปคุยมา ลินดายังยืนกรานว่าจะไปจากที่นี่ค่ะ”
สีหน้าของแซคคารีย์ที่มีแต่ความเป็นกังวลทำให้นารีรัตน์เต็มไปด้วยความคลั่งแค้น หล่อนแทบไม่เชื่อเลยว่าแซคคารีย์จะเปลี่ยนใจได้รวดเร็วเพียงนี้
“ผมยอมปล่อยลินดาไปไม่ได้หรอก คุณก็รู้นี่นารี”
“นารีเข้าใจค่ะ แต่ลินดาบอกว่า… เธอไม่อยากอยู่กับคุณค่ะ”
“ทำไมครับ”
“เห็นลินดาหลุดพูดออกมาว่า เธอรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้รักคุณแซคอย่างที่เคยเข้าใจน่ะค่ะ”
นารีรัตน์แทบซ่อนความสะใจเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็น แซคคารีย์ขบสันกรามแน่นจนเป็นสันนูนเป่ง บอกให้รู้ว่าเขากำลังเดือดดาลอลินดาไม่น้อยเลยทีเดียว
“แถมยังบอกว่าตอนนี้มีผู้ชายมาติดพันตั้งหลายคน และเลือกไม่ถูก ดังนั้นคุณแซคก็เป็นแค่ตัวเลือกหนึ่งเท่านั้นค่ะ”
“อ-ลิน-ดา”
แซคคารีย์เค้นชื่อของอลินดาออกมาอย่างโมโห ท่ามกลางความพึงพอใจของนารีรัตน์ที่สร้างความร้าวฉานให้กับคนทั้งคู่ได้
“แต่คุณแซคอย่าไปถือสาอะไรลินดาเลยนะคะ ลินดาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ มั่วไม่เลือก”
“ไม่จริง”
คำค้านเสียงหนักแน่นของแซคคารีย์ทำให้นารีรัตน์หน้าถอดสีด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าแซคคารีย์จะแก้ตัวแทนอลินดาด้วยน้ำเสียงราวกับรู้ความจริงทั้งหมดแล้วแบบนี้
“ทำไม… คุณแซคถึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริงล่ะค่ะ ในเมื่อข่าวฉาวของลินดาก็ดังกระฉ่อนไปทั้งเมืองแบบนั้น แถมยังคลิปนั่นอีก…”
“ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ ในเมื่อผมเป็นผู้ชายคนแรกของลินดา” น้ำเสียงของแซคคารีย์หนักแน่น บอกให้รู้ว่าเขามั่นใจในคำพูดของตนเองมากมายแค่ไหน
“แต่คุณแซค… อาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะคะ”
ดวงตาสีสนิมตวัดมองหน้าคู่สนทนาเขม็ง “ผมไม่ใช่ไก่อ่อนที่จะไม่รู้ว่านอนกับผู้หญิงประเภทไหน”
“เอ่อ…”
“และตอนนี้ผมก็กำลังสืบอยู่ว่าคลิปโป๊พวกนั้นมันถูกตัดต่อมาหรือเปล่า”
นารีรัตน์หน้าถอดสี รีบเสหลบสายตาของแซคคารีย์ “เอ่อ… งั้นนารีขอตัวกลับไปหาแม่กับพ่อก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้นารีจะแวะมาที่นี่อีกครั้งค่ะ”
“คุณไม่ต้องมาหรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปรับคุณที่บ้านเอง”
“จริงเหรอคะ” นารีรัตน์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจเพราะคิดว่า แซคคารีย์ยังคงมีเยื่อใยให้กับตัวเอง
“เราจะไปสถานีตำรวจด้วยกัน ผมจะช่วยคุณตามหาไอ้โม่งที่จับคุณไปขังเอาไว้ให้ได้”
คราวนี้หน้าของนารีรัตน์ซีดไร้สีเลือด ก่อนจะรีบปฏิเสธออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ไม่… ไม่ต้องหรอกค่ะ นารี… ไม่อยากจะเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้แล้ว”
“แต่คนชั่วยังไงก็ต้องได้รับโทษนะครับนารี ถึงมันจะไม่ได้ทำร้ายอะไรคุณก็ตาม”
“ไม่ค่ะคุณแซค นารีจะไม่ไปแจ้งตำรวจ ให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะค่ะ นะคะนารีขอร้อง”
หล่อนวางมือลงบนต้นแขนของแซคคารีย์อีกครั้ง และวิงวอน
“แค่นี้นารีก็ตกอยู่ในฝันร้ายมากพอแล้วค่ะ”
แซคคารีย์ไม่เห็นด้วย แต่ก็เพราะสงสารนารีรัตน์จึงไม่ขัดแล้วแต่ความต้องการของหล่อน
“งั้นก็แล้วแต่คุณครับนารี”
“ขอบคุณนะคะคุณแซค” นารีรัตน์แสร้งบีบน้ำตา และโผเข้ากอดร่างของแซคคารีย์เอาไว้แนบแน่น ซบหน้าลงกับแผงอกกว้างไม่ยอมปล่อย ในหัวก็คิดไปถึงกฤติชัยที่ตอนนี้น่าจะตายดับไปแล้ว
‘นารีจัดการกับไอ้สัตว์นรกตัวนั้นไปเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ’
หญิงสาวลอบยิ้มด้วยความสะใจอยู่กับแผ่นอกกว้างของแซคคารีย์นั่นเอง
แซคคารีย์เปิดประตูห้องนอนเข้ามา ก็พบว่าอลินดากำลังรูดซิปกระเป๋าเดินทางพอดี เขาก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา กระชากประตูติดลงตามหลัง ก่อนจะเดินมาหยุดที่ข้างเตียง และเจ้าของกระเป๋าเดินทางอย่างหาเรื่อง
“จะไปไหน”
อลินดาเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองแซคคารีย์ หล่อนต้องใช้ความพยายามมากมายนัก กว่าจะสามารถบังคับให้ตัวเองทำสีหน้าเย็นชาแทนการร้องไห้คร่ำครวญได้
“ก็หมดหน้าที่ของลินดาแล้วนี่คะ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
ทุกพยางค์ที่ดังออกมาจากริมฝีปากของแซคคารีย์เต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาจ้องมองหล่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง
หล่อนกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงไปในลำคอ ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจนบังคับไม่ได้
“พี่นารีกลับมาแล้ว ผู้หญิงคั่นเวลาอย่างลินดาก็ต้องไปค่ะ โอ๊ย… เจ็บนะคะ”
แขนเรียวถูกมือใหญ่กระชากไปกุมเอาไว้ และบีบแรงๆ จนเจ้าของท่อนแขนถึงกับต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บระบม
“อย่ามางี่เง่าปัญญาอ่อน เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”
“ลินดาไม่ได้งี่เง่าค่ะ แต่ลินดากำลังจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“ถูกต้องกะผีอะไร” แซคคารีย์ตวาดลั่น “เธอคิดว่าการไปจากฉันมันคือทางออกหรือไง”
“ค่ะ มันคือทางออกที่ดีที่สุด” คนตอบกลับไปเสียงสั่นเครือ และพยายามบิดแขนของตัวเองให้หลุดจากอุ้งมือแกร่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
“มันเป็นทางออกที่งี่เง่าที่สุดต่างหากล่ะ” เขาก้มหน้าลงมาหาและคำรามใส่อย่างดุดัน “เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เธอเป็นเมียของฉันแล้ว”
อลินดาเงยหน้าขึ้นมองแซคคารีย์ มองเขาผ่านม่านน้ำตาแห่งความเจ็บช้ำ
“ถ้าสาเหตุที่ทำให้คุณแซคไม่ยอมปล่อยให้ลินดาไป ก็เพราะกลัว ลินดาจะท้องล่ะก็…” หล่อนสะอึกสะอื้นจนไม่อาจจะพูดจนจบประโยคได้ในครั้งเดียว แต่ก็พยายามพูดต่อจนจบ “สบายใจเถอะค่ะ ลินดาไม่โชคร้ายแบบนั้นหรอก”
“อลินดา… นี่เธอคิดว่าการตั้งท้องลูกของฉันคือความโชคร้ายอย่างนั้นหรือ” เขาบีบแขนเรียวแน่นขึ้นอย่างลืมตัว “หรือคิดว่าตอนนี้ตัวเองเนื้อหอม มีผู้ชายรุมตอมมากมาย ก็เลยคิดจะชิงหนีฉันไป” เขาคำรามออกมาอย่างคลั่งแค้น “แต่ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีวันปล่อยของเล่นที่ฉันยังไม่เบื่ออย่างเธอหลุดมือไปหรอก”
นี่หล่อน… เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของแซคคารีย์สินะ
อลินดาเจ็บช้ำแสนสาหัส “อย่ามาสนใจของเล่นไร้ค่าไร้ราคาอย่างลินดาอีกเลยค่ะ ตัวจริงของคุณกลับมาแล้ว คุณแซค กลับไปหาพี่นารีเถอะ อย่าทำให้พวกเราพี่น้องต้องทะเลาะกันเลย” หล่อนพยายามวิงวอนเขาด้วยเหตุผล แต่ผู้ชายที่กำลังเดือดดาลจนเลือดขึ้นหน้าไม่ยอมรับฟังเลย
“ฉันคุยกับนารีรู้เรื่องแล้ว เราสองคนจะลดความสัมพันธ์เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แต่สำหรับเธอ…” เขามองหล่อนเขม็ง “เป็นเมียของฉัน อะไรก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ทั้งนั้น”
หล่อนร้องไห้ออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างอึดอัดทรมานใจ “คุณแซคคะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ อย่าทำให้ลินดากลายเป็นผู้ร้ายที่แย่งชิงความสุขจากคุณกับพี่นารีเลยค่ะ ปล่อยลินดาไปเถอะ อ๊ะ”
ร่างอรชรถูกกระชากขึ้นมากอดรัดแน่น “ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนทั้งนั้น”
MANGA DISCUSSION