“ระวังหน่อยสิ” แซคคารีย์คว้าร่างอวบอิ่มของอลินดาที่ก้าวลงมาจากรถแล้วทำท่าจะร่วงลงไปกระแทกพื้นเอาไว้ได้ทันเวลา “แค่นี้แข้งขาอ่อนเชียวหรือ”
คำถามกลั้วหัวเราะของแซคคารีย์ทำให้อลินดาหน้าตาแดงก่ำ หล่อนช้อนตาขุ่นมองเขา
“ที่ลินดาเป็นแบบนี้ เพราะใครล่ะคะ”
“เพราะฉันหรือ” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่งมันน่าหมั่นไส้มาก
“ก็ใช่น่ะสิคะ”
หล่อนย่นจมูกใส่คนที่จับหล่อนเสพสวาทในรถสปอร์ตคันงามระหว่างเดินทางกลับบ้านอย่างหมั่นไส้ ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจะเป็นใครไปได้ล่ะ คนตะกละ
แซคคารีย์หัวเราะร่วน พลางย่อตัวลงช้อนร่างของอลินดาขึ้นมาอุ้มในอ้อมแขน
“อุ๊ย ปล่อยลินดานะคะ”
“ก็ฉันทำเธอหมดเรี่ยวหมดแรงนี่น่า ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการอุ้มเธอเข้าบ้านสิ”
“แต่ว่าลินดาเดินเองได้นี่คะ ปล่อยเถอะค่ะ อายคนอื่นเขา”
หล่อนพยายามอ้อนวอน แต่เขาก็ยังคงอุ้มหล่อนเดินเข้าไปในตัวตึกใหญ่อย่างไม่แคร์สายตาของคนรับใช้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมต้องอาย คนของฉันทั้งนั้น” แซคคารีย์อมยิ้ม และฉวยโอกาสหอมแก้มของอลินดาฟอดใหญ่ พวกเขากำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกอยู่แล้ว แต่เสียงคุ้นหูของใครบางคนก็ดังขึ้นเสียก่อน ฝ่าเท้าของแซคคารีย์ชะงักกึก และหันไปมองที่ต้นเสียง
“นารี…”
“พี่นารี…”
หล่อนอุทานออกมาด้วยความแปลกใจระคนดีใจที่เห็นพี่สาวฝาแฝดปรากฏตัวขึ้นหลังจากหายไปเกือบสิบวัน แต่ความดีใจของหล่อนคงเทียบไม่ได้กับความดีใจของแซคคารีย์แน่นอน เพราะเขาปล่อยร่างของหล่อนลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว และรีบก้าวเท้าเข้าไปหานารีรัตน์ที่ยืนระบายยิ้มอยู่หน้าประตูห้องรับแขกทันที
อลินดามองภาพของสองคนสวมกอดกันแนบแน่นผ่านม่านน้ำตา หล่อนเกลียดตัวเองนักที่รู้สึกเสียใจกับการกลับมาของพี่สาว ทั้งๆ ที่หล่อนควรจะดีใจต่างหาก
หญิงสาวพยายามฝืนยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก หล่อนทำได้แค่เพียงเดินจากตรงไปนั้นเงียบๆ เท่านั้น
เวลาของหล่อนหมดลงแล้วสินะ…
เมียคั่นเวลา ยังไงก็ไม่มีทางจีรังยั่งยืน…
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้อลินดาต้องรีบยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาจากแก้มนวลทั้งสองข้างทิ้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจ้องมองไปที่บานประตูไม้ด้วยสายตาเศร้าหมอง
“เอ่อ… ใครคะ”
“ฉันเอง นารี…”
เสียงจากบุคคลที่อยู่หลังบานประตูไม้ทำให้น้ำตาที่เพิ่งเช็ดแห้งไปแทบไหลออกมาอีกครั้ง แต่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะสะกดกลั้นมันเอาไว้ และฝืนใจก้าวลงจากเตียง ไปดึงบานประตูให้เปิดกว้างออก ผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนกับหล่อนราวกับแกะจ้องมองมา
“ไม่ได้เจอกันนานนะ ลินดาน้องรัก”
น้ำเสียงของพี่สาวฝาแฝดเต็มไปด้วยความเดือดดาลและไม่พอใจ อลินดาขยับตัวหลบเข้าข้างประตู เพื่อให้พี่สาวได้ก้าวเข้ามาภายในอย่างไม่มีทางเลือก
และทันทีที่นารีรัตน์ก้าวเข้ามาหยุดภายในห้อง คำพูดดูหมิ่นเหยียดหยามก็ดังออกมาจากปากอิ่มของพี่สาวอีกครั้ง
“สมใจแกแล้วสินะ”
“พี่นารี…”
นารีรัตน์แค่นยิ้มหยัน กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะมองไปหยุดที่เตียงกว้างนานหลายอึดใจ จากนั้นก็เลื่อนสายตาดุดันมาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง “แกขโมยคุณแซคไปจากฉันได้สำเร็จแล้วนี่”
“ไม่ใช่นะคะพี่นารี… ฉัน…” หล่อนส่ายหน้าไปมา และพยายามปฏิเสธ “ฉันไม่เคยคิดจะแย่งคุณแซคมาจากพี่นารีเลย แต่ฉัน… ฉันจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณแซค เพราะว่าพี่นารีหายไป…”
“หึ แล้วแกไม่ดีใจหรือไงที่ฉันหายไปนะ”
อลินดาเผยอปากค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ
“ฉันว่านะ แกน่าจะดีใจจนเนื้อเต้นที่ฉันหายตัวไป และแกก็ได้ขึ้นมานั่งมานอนบนเตียงที่มันเป็นที่ของฉันแทน”
“ไม่ใช่นะคะพี่นารี ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“อย่ามาตอแหล ฉันรู้นะว่าแกรักคุณแซค”
อลินดาก้มหน้าหลบสายตาพี่สาว เพราะเถียงไม่ออก เนื่องจากสิ่งที่พี่สาวพูดมันคือความจริง
นารีรัตน์ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าของน้องสาว มองด้วยสายตาเกลียดชัง
“แต่ถึงแกจะได้ตัวคุณแซคไปแล้ว หัวใจของเขาแกก็ไม่มีสิทธิ์จะได้ครอบครองหรอก เพราะเขารักฉัน จำใส่กะโหลกเน่าๆ ของแกเอาไว้ด้วยนังลินดา!”
หน้าผากของอลินดาถูกนิ้วเรียวของนารีรัตน์จิ้มแรงๆ จนแทบหงายไปด้านหลัง อลินดาร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้สึกสับสนจนอึดอัดไปทั้งหัวใจ
หล่อนดีใจที่พี่สาวกลับมาโดยปลอดภัย แต่ก็อดเสียใจไม่ได้ที่เวลาของตัวเองที่จะได้อยู่กับแซคคารีย์ต้องหมดลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้
“ฉันรู้ค่ะ ฉันรู้ดีว่าคุณแซครักพี่นารีคนเดียว”
“รู้ก็ดีแล้ว เพราะแกไม่มีสิทธิ์มาแทนที่ฉันในหัวใจของคุณแซคได้ เขารักฉัน คุณแซครักฉันคนเดียว”
นารีรัตน์ตะโกนใส่หน้าน้องสาวฝาแฝดเสียงดังลั่น ก่อนจะผลักร่างของอลินดาให้ล้มหงายลงไปกับพื้นห้อง จากนั้นก็ย่อตัวลงไปนั่งตรงหน้า
“แกอย่าคิดนะว่าจะแย่งคุณแซคไปจากฉันได้”
อลินดาส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา “ฉันไม่เคยคิดจะแย่งคุณแซคไปจากพี่นารีเลย นี่คือความสัตย์จริง” คนเป็นน้องคร่ำครวญออกมา ยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งด้วยความเจ็บปวดทรมาน “ฉันจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พี่นารีไม่ต้องกังวล”
แทนที่พี่สาวของหล่อนจะดีใจที่หล่อนยินดีที่จะจากไปแต่โดยดี แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะนารีรัตน์กลับเอามือมาจิกทึ้งเส้นผมของหล่อนแรงๆ และคำรามรดหน้าอย่างโกรธจัด
“แกอย่ามาทำเป็นพูดดี ในเมื่อแกก็รู้อยู่แล้วว่าคุณแซคไม่มีทางให้แกไปจากที่นี่”
อลินดาส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลไม่หยุด “คุณแซคไม่ห้ามฉันหรอกจ้ะพี่นารี เพราะพี่กลับมาแล้ว ดังนั้นหน้าที่ตัวแทนอย่างฉันก็หมดลงแล้วเหมือนกัน”
“แต่เขาบอกว่าเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบแก เพราะเขาดันพลาดจิ้มแกไปแล้ว!”
อลินดาหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ฟังคำพูดของพี่สาว “คือว่า… ฉัน…”
“แกอ่อยจนคุณแซคพลาดพลั้งมีอะไรด้วย แล้วแกก็ใช้มารยาหญิงเพื่อให้เขารับผิดชอบแก”
“ไม่จริงนะพี่นารี…”
“มันจะไม่จริงได้ยังไง ในเมื่อคุณแซคบอกกับฉันเองว่าเขาจะต้องรับแกเป็นเมียจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เต็มใจเลยก็ตาม หรือพูดง่ายๆ ก็คือเขาต้องฝืนใจรับผิดชอบแกยังไงล่ะ นังลินดา!”
ศักดิ์ศรีของหล่อนถูกเหยียบขยี้จนแหลกเหลว หยาดน้ำตาแห่งความปวดร้าวทรมาน ทำให้หล่อนบอบช้ำจนแทบขาดใจ
“พี่นารีไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันไม่มีวัน… แย่งคุณแซคมาจากพี่เด็ดขาด แม้ว่าฉันจะเป็นคนติดต่อกับคุณแซคมาตลอดหลายปีในช่วงที่พี่นารีไปติดพันอยู่กับผู้ชายคนอื่นก็ตาม”
เพียะ
ใบหน้าของอลินดาสะบัดไปตามแรงปะทะจากฝ่ามือของพี่สาว
“มึงอย่ามารำเริบบุญคุณกับกูนะอีลินดา!”
อลินดายกมือขึ้นลูบแก้มที่ถูกตบจนเป็นรอยแดงด้วยความเจ็บระบม ก่อนจะมองพี่สาวด้วยความเสียใจ
“หรือว่าที่ฉันพูดมันไม่จริงล่ะพี่นารี”
“อีลินดา!”
นารีรัตน์ยกมือขึ้นจะตบหน้าน้องสาวอีกครั้ง แต่คราวนี้ถูกอลินดายกมือขึ้นกำหมัด และบอกให้รู้ว่าสู้ยิบตาอย่างแน่นอน
“ฉันให้พี่ตบหน้าฉันแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว อย่าทำร้ายฉันอีก ฉันไม่ยอม”
นารีรัตน์จำต้องลดมือของตัวเองลง และลุกขึ้นยืนอย่างขัดใจ เพราะรู้ดีว่าถ้าอลินดาสู้จริงๆ หล่อนไม่มีทางรับมือได้
“มึงก็แค่อีน้องทรยศ แย่งผัวของพี่สาว”
อลินดากัดปากจนแตก ขณะฝืนใจลุกขึ้นยืน “พี่นารีไม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ ฉันจะไม่อยู่ทำให้พี่เดือดร้อนหรอก ในเมื่อพี่กลับมาแล้ว ฉันที่เป็นแค่เพียงเจ้าสาวคั่นเวลา ก็จะไป”
“คุณแซคไม่ยอมให้แกไปหรอก”
ลำคอของอลินดาตีบตันจนแทบจะเปล่งคำพูดออกมาไม่ได้
“เขาไม่รั้งฉันเอาไว้หรอกค่ะ เพราะเขาเองก็เกลียดฉันไม่น้อยไปกว่าที่พี่นารีเกลียดชังฉันเหมือนกัน”
นารีรัตน์อึ้งไปเล็กน้อย ในขณะที่อลินดาพูดต่อ “ฉันจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พี่สบายใจได้”
“ถึงแกจะไปแล้ว คุณแซคก็ไปลากตัวแกกลับมาได้อยู่ดีนั่นแหละ แกคิดว่าเขาจะปล่อยแกไปโดยที่ยังไม่มั่นใจว่าแกท้องลูกของเขาหรือเปล่าอย่างนั้นเหรอ”
ท้อง…
หัวใจของอลินดาโหวงเหวงขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าท้องที่ยังแบนเรียบของตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวทรมาน
“พี่นารีไม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ ถ้าฉันจะไป ใครก็ห้ามฉันไม่ได้”
“ขอให้มันแน่เถอะ ฉันกลัวว่าแกจะเสนอหน้าอยู่แย่งคุณแซคต่อไปน่ะสิ”
“ฉันไม่ใช่คนเลวแบบนั้นหรอก” อลินดาพูดออกมาทั้งน้ำตา “หมดธุระแล้วใช่ไหมคะพี่นารี”
“ทำไม แกกล้าไล่ฉันเหรอ”
อลินดายกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง และกัดฟันพูดเสียงเรียบ “ฉันจะเก็บของค่ะ จะได้รีบไปจากที่นี่ยังไงล่ะคะ”
นารีรัตน์จ้องหน้าน้องสาวอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่แกคิดจะไปจากที่นี่จริงๆ อย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“ทำไมแกถึงยอมไปง่ายนักล่ะ ในเมื่อแกก็รักคุณแซคเหมือนกัน”
คำถามแคลงใจของนารีรัตน์ ทำให้อลินดาชะงักกึก ก่อนที่หล่อนจะตอบออกไปเสียงสั่นเทา
“ความรักของคนเราไม่เหมือนกันหรอกค่ะ และสำหรับฉันแล้ว ความรักของฉันก็คือการเห็นคนที่เรารักมีความสุข ซึ่งฉันรู้ดีว่าคุณแซคจะมีความสุขถ้าได้อยู่กับพี่นารี”
นารีรัตน์หรี่ตาแคบมองหน้าน้องสาว “ฉันหวังว่าแกคงไม่ได้คิดจะเรียกร้องความสนใจจากคุณแซคหรอกนะ”
อลินดาปรายตามองหน้าพี่สาวฝาแฝด “ฉันจะทำอย่างนั้นไปทำไมกัน ในเมื่อฉันก็รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์”
คนเป็นพี่สาวทำหน้าย่นใส่น้องสาวอย่างหมั่นไส้ “ก็ให้มันเป็นอย่างที่แกพูดก็แล้วกัน” จากนั้นนารีรัตน์ก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง อลินดาน้ำตาร่วงลงมาอีกครั้ง พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง หัวใจกรีดร้องด้วยความปวดร้าวทรมาน มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ
MANGA DISCUSSION