“หยุดเดินหนีฉันได้แล้ว อลินดา”
เสียงห้าวของแซคคารีย์ดังขึ้นด้านหลัง และแขนเรียวก็ถูกคว้าเอาไว้ในเวลาต่อมา
“ปล่อยค่ะ”
หล่อนดิ้นรน แต่เขาไม่ยอมปล่อย แถมยังกระชากร่างของหล่อนเข้าไปกอดแนบอกอีกครั้ง หล่อนตกใจจนหน้าซีดเผือด เพราะกลัวว่าใครจะเดินผ่านมาเห็นเข้า แต่ก็ยังโชคดีเพราะตรงนี้เป็นมุมอับค่อนข้างลับตาของผู้คน
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปสุงสิงกับแฮรี่”
“แต่มันเป็นสิทธิ์ของลินดานะคะ”
เขากัดฟันอย่างโมโห และจับร่างของหล่อนดันเข้ากับกำแพงด้านหลัง พร้อมกับตามประกบ “แต่ผัวของเธอไม่ชอบ จำใส่หัวเอาไว้ด้วย”
หล่อนมองเขาด้วยความขุ่นเคือง “แต่คุณแซคไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลินดานะคะ”
เขากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ มองหล่อนด้วยสายตาลุกเป็นไฟ
“ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดเลยสักนิด” เขาว่าอย่างโมโห
“ใช่ค่ะ ลินดาไม่เคยเข้าใจคุณแซคเลย ไม่รู้เลยว่าที่คุณแซคตามราวีลินดาอยู่ในตอนนี้ คุณแซคทำเพื่ออะไรกัน”
หล่อนแหวเขากลับมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
“ทั้งๆ ที่คุณแซคก็เกลียดชังลินดายังกับอะไรดี”
หล่อนเห็นสีหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์ของโทสะ “เธอจะคิดบ้าคิดบออะไรก็ช่าง แต่จำเอาไว้เลยนะ ห้ามให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้อีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้” ทุกพยางค์ดุดันเล็ดลอดออกมาจากไรฟันขาวสะอาดของแซคคารีย์
“คุณแซคก็ดีแต่ใช้กำลังกับลินดา” หล่อนตัดพ้อน้ำตาไหล ในขณะที่เขาโน้มหน้าเข้ามาหา ใกล้จนกลิ่นลมหายใจอบอุ่นราดรดดวงหน้างาม
“ก็ถ้าเธอไม่ดื้อ ฉันก็จะใจดีกับเธอ” ปากหยักสวยขยับอยู่ชิดกับกลีบปากอิ่มเต็ม “หลับตาซะ ฉันจะจูบเธอ”
“ไม่… ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
หล่อนร้องห้ามเสียงตื่นตระหนก แต่แซคคารีย์ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาทาบปากกระด้างลงมาหา บดขยี้อย่างเมามัน หล่อนพยายามต่อต้าน แต่พอถูกลิ้นฉ่ำแทรกเข้ามาตวัดในอุ้งปากเท่านั้น สติก็กระเจิดกระเจิงหายไป และปากอิ่มก็เผยอจูบตอบเขาอย่างเร่าร้อนทัดเทียมกัน
“อืมมมมม” แซคคารีย์ครางกระหึ่มลำคอด้วยความพึงพอใจ เขาจูบหล่อนไม่หยุด จูบราวกับจะสูบวิญญาณของหล่อนให้หลุดลอยออกไปจากร่างไม่มีผิด
“หวานเหลือเกิน ลินดา…” เขาครางเสียงแหบกระเส่าเต็มไปด้วยความปรารถนาชิดปากอิ่มบวมเจ่อของหล่อน “ฉันอยาก… เข้าไปในตัวของเธออีกแล้ว”
หล่อนหน้าแดงก่ำ ต้องการไม่ต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้
“เดี๋ยวใคร… มาเห็นค่ะ…”
“ฉันรู้น่าว่าคงได้แค่จูบเธอ…”
แล้วเขาก็ทาบปากประกบลงมาหาอีกครั้ง ครั้งนี้มือเล็กไต่ขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง และทั้งคู่ก็จูบแลกลิ้นกันอย่างเมามันเนิ่นนานเหลือเกิน
นารีรัตน์จ้องมองร่างไม่มีสติของกฤติชัยที่ถูกหล่อนวางยานอนหลับด้วยความสะใจ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยไฟแค้น
“ใครก็มาขัดขวางความสุขของฉันไม่ได้ แม้แต่คนอย่างมึง ไอ้กฤติชัย”
นารีรัตน์หัวเราะราวกับคนบ้า หล่อนยืนมองกฤติชัยที่หลับเป็นตายอย่างใช้ความคิด
“แล้วฉันจะทำยังไง คนอย่างมึงถึงจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกนะ”
ตอนแรกนารีรัตน์ตั้งใจจะเอามีดมาเชือดคอของกฤติชัย แต่ก็เพราะหล่อนกลัวเลือดจึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป หล่อนเดินกลับไปกลับมาอยู่นานพอสมควรก็นึกแผนขึ้นมาได้ หล่อนรีบล้วงกระเป๋ากางเกงของกฤติชัย และก็ควักโทรศัพท์มือถือออกมา จากนั้นก็โทรหาบิดาของตัวเอง
“พ่อจ๊ะ นี่นารีนะ พ่อช่วยส่งเบอร์ของไอ้ต้นให้นารีหน่อย เร็วนะพ่อ” พ่อของหล่อนที่ตื่นเต้นดีใจเมื่อได้ยินเสียงของหล่อนก็รีบถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง แต่หล่อนตัดบทอย่างรำคาญ “เดี๋ยวฉันจะกลับไปเล่าให้ฟังเองน่ะพ่อ ส่งเบอร์มาให้ฉันก่อน”
พ่อของหล่อนวางสายไปแล้ว ก่อนจะส่งเบอร์โทรที่หล่อนต้องการมาให้อย่างรวดเร็ว
นารีรัตน์ระบายยิ้มเลือดเย็น ขณะปรายตามองร่างไม่ไหวติงของ กฤติชัย
“มึงสมควรตายได้แล้วล่ะ ไอ้ชาติชั่ว”
แล้วหญิงสาวก็ต่อสายหาบุคคลเป้าหมายทันที ก่อนจะกรอกเสียงไปตามสาย
“นายต้นใช่ไหม ฉันนารีนะ มีงานให้ทำน่ะ มาเดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวจะส่งแผนที่ไปให้ทางข้อความ”
เมื่อคนปลายสายตอบตกลง เสียงหัวเราะของนารีรัตน์ก็ดังกระหึ่มขึ้นลั่นห้อง
หลังจากเลิกงานแล้วแซคคารีย์ก็ไม่ยอมให้หล่อนหนีกลับบ้านไปกับผู้ชายหน้าไหนอีก เพราะเขาลงมาหาหล่อนที่แผนกบัญชีตั้งแต่ก่อนเวลาเลิกงานเกือบครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนพนักงาน
“ผมแค่เข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยของแผนกบัญชีเท่านั้นแหละ ไม่ได้มาจับผิดอะไรพวกคุณหรอก”
แซคคารีย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ หล่อน
“คุณแซคคะ… ลินดาต้องทำงานนะคะ”
“ก็ทำไปสิ ฉันว่าอะไรล่ะ” คนก่อเรื่องให้หล่อนอึดอัดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังเอาหน้ามาใกล้ๆ หล่อนเสียอีก หล่อนต้องขยับตัวออกห่างพัลวัน
“แต่ลินดาทำไม่ถนัดค่ะ”
“งั้นฉันช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลินดาทำเองได้” หล่อนส่ายหน้าดิก และก็มองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นว่าสายตาของเพื่อนร่วมแผนกแอบจ้องมองมาเป็นระยะ หล่อนรู้สึกคล้ายกับกำลังถูกจับไปมัดประจานเอาไว้กลางสี่แยกถนนไม่มีผิด
“งั้นก็ทำไปสิ” เขาไหวไหล่กว้างน้อยๆ และนั่งจ้องมองหล่อนลงบัญชีไม่วางตา
หล่อนถอนใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะหันมากระซิบกระซาบขอร้องเขา
“คุณแซคออกไปก่อนนะคะ เลิกงานเมื่อไหร่ ลินดาจะรีบออกไปหาค่ะ”
เขาอมยิ้ม นัยน์ตาแพรวพราว “ก็ถ้าไม่อยากให้ฉันมานั่งเฝ้าที่นี่ เธอก็ยอมย้ายขึ้นไปทำงานบนห้องทำงานของฉันตามที่ฉันสั่งสิ ห้ามดื้ออีก โอเคไหม”
“แต่ลินดาเป็นพนักงานบัญชีนะคะ ไม่ใช่เลขาฯ”
“งั้นเธอก็ทำบัญชีของเธอไป ส่วนฉันถ้าว่างเมื่อไหร่ก็จะมานั่งคุยเป็นเพื่อน หรือดีไม่ดีก็จะย้ายโต๊ะทำงานมาทำข้างๆ เธอไปเลย”
“คุณแซค…”
“ดีใจจนหน้าซีดเชียวนะ อลินดา”
หล่อนกัดปากจนเจ็บเลยทีเดียว และก็มองเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ หล่อนอยากจะเกลียดผู้ชายคนนี้นัก แต่ก็เกลียดไม่ลงเสียที ทั้งๆ ที่เขาก็ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ
“ตกลงค่ะ”
“ตกลงอะไรหรือ” แซคคารีย์แกล้งย้อนถามยียวน
“ก็ตกลงจะย้ายไปนั่งๆ นอนๆ บนห้องทำงานของคุณแซคตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปยังไงล่ะคะ”
“ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้นอนอย่างเดียวนั่นแหละ คงไม่ได้นั่งสักเท่าไหร่หรอก”
คำพูดสองแง่สามง่ามของแซคคารีย์ทำให้หล่อนหน้าแดงก่ำ เขาอมยิ้มพึงพอใจ และเอาหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง
“คุณแซค… คนอื่นมองกันหมดแล้วค่ะ”
“ไหนใครมอง” แซคคารีย์แกล้งพูดเสียงดัง และหันไปมองรอบๆ ตัว พนักงานบัญชีที่เคยแอบจ้องมองอยู่รีบหลุบสายตาหลบกันพัลวัน “ก็ไม่เห็นมีใครมองสักหน่อยนี่”
“คุณแซค…”
หล่อนเรียกเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ และภาวนาให้ครึ่งชั่วโมงของเวลาการทำงานนี้จบลงโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เพื่อนร่วมแผนกจะสงสัยความสัมพันธ์ของหล่อนกับแซคคารีย์มากไปกว่านี้
MANGA DISCUSSION