กฤติชัยเลิกคิ้วด้วยความแปลกประหลาดใจ เมื่อหลังจากดึงผ้าปิดปากออกจากใบหน้าของนารีรัตน์แล้ว เขาก็เห็นรอยยิ้มหวานฉ่ำของหล่อน
“นี่ผมคงไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ที่เห็นว่าคุณยิ้มให้ผม”
“คุณไม่ได้ตาฝาดไปหรอกค่ะคุณกฤติชัย นารียิ้มให้กับคุณจริงๆ ค่ะ”
กฤติชัยยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น เขาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ กับร่างที่ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ของนารีรัตน์ และจ้องหน้าหล่อนเขม็ง
“คิดจะหลอกอะไรผมอีกล่ะ”
ศีรษะของนารีรัตน์ส่ายไปมา ใบหน้าสวยหวานเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มละมุนละไม
“นารีไม่ได้จะหลอกลวงอะไรคุณอีกแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วทำไมคุณเปลี่ยนเร็วปุบปับแบบนี้ล่ะ เมื่อคืนยังสาปแช่งให้ผมไปตายอยู่เลย” สายตาของกฤติชัยไม่ละไปจากใบหน้าของนารีรัตน์เลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะเขาต้องการจะหาพิรุธบนดวงหน้างามให้เจอ แต่กลับหาไม่พบเลย
“นารีนอนคิดมาทั้งคืนแล้วค่ะ”
“คุณคิดอะไร”
นารีรัตน์น้ำตาซึม มองหน้ากฤติชัยด้วยสายตาที่อ่อนโยน “นารีรู้แล้วล่ะค่ะว่าใครกันที่นารีควรจะรักและอยู่ด้วยไปชั่วชีวิต”
“ผมไม่เชื่อที่คุณพูดหรอกนารี” กฤติชัยไม่หลงกล เพราะเขารู้ดีว่านารีรัตน์มีมารยาหญิงมากมายแค่ไหน
“นารีไม่ขอให้คุณเชื่อหรอกค่ะ แต่เวลาจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเองว่าทุกคำพูดของนารีคือความจริง”
เพราะความรักที่มีต่อตัวนารีรัตน์ทำให้กฤติชัยเริ่มใจอ่อน แต่ก็พยายามที่จะฝืนเอาไว้
“แน่นอน เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง แม้กระทั่งละครฉากใหญ่ที่คุณกำลังแสดงกับผม”
“นารีไม่ได้แสดงละครนะคะ นารี… คิดได้แล้วจริงๆ ค่ะ”
ผู้หญิงตรงหน้าของเขายังคงระบายยิ้มหวานฉ่ำเหมือนเดิม ดวงตาของหล่อนที่จ้องมองมาทำไมถึงได้หวานซึ้งปั่นป่วนหัวใจของเขาแบบนี้นะ
อย่าใจอ่อน!
เสียงหนึ่งในหัวร้องเตือน แต่ก็ไม่อาจจะทัดทานความรักที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้าได้ สุดท้ายก็ใจอ่อนเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ผมเชื่อคุณได้แค่ไหนกัน นารี”
“คุณเชื่อใจนารีได้เลยค่ะ ตอนนี้นารีจะมองแค่คุณคนเดียว”
การเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงที่ตัวเองรักจนหมดหัวใจมันทำให้เขาอ่อนยวบลงได้อย่างง่ายดาย
“แล้วคุณแซคคารีย์ล่ะ คุณรักเขาไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องคุณแซค ความจริงแล้วนารีไม่ได้รักเขาหรอกค่ะ นารีก็แค่อยากเอาชนะลินดา เพราะนารีรู้ว่าลินดาแอบรักคุณแซคมานานแล้ว นารีเป็นพี่ที่ไม่ดี นารีจะปรับปรุงตัวค่ะ”
กฤติชัยดึงร่างของนารีรัตน์เข้ามาสวมกอด “ต่อให้คุณเลวมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยหยุดรักคุณได้เสียที นารี”
เจ้าของชื่อที่ซบหน้ากับหน้าอกของกฤติชัยลอบยิ้มสะใจออกมา ก่อนจะปั้นเสียงอ่อนเสียงหวานออกไป
“ขอบคุณนะคะคุณกฤติชัย ก็มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นแหละที่รักนารีจริงๆ”
หล่อนยื่นหน้าไปจูบแก้มสากของกฤติชัย “นารีรักคุณนะคะ นารีสัญญาว่าจะไม่ยอมจากคุณไปไหนอีก เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด เท่าที่คุณจะเตรียมงานทัน”
กฤติชัยฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “คุณจะแต่งงานกับผมจริงๆ เหรอนารี…”
“ค่ะ นารีรักคุณนี่คะ อยากอยู่กับคุณ แต่…”
“แต่อะไรเหรอครับ”
นารีรัตน์มองหน้ากฤติชัยและแสร้งบีบน้ำตาออกมา “แต่ตอนนี้ทุกคนต่างคิดว่านารีเป็นภรรยาของคุณแซค ดังนั้นนารีควรจะต้องกลับไปเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน”
สีหน้าของกฤติชัยมึนตึงขึ้นทันที “ผมไม่ให้คุณไปไหนหรอก เพราะผมรู้ว่าคุณจะไม่กลับมาอีก”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้หรอกค่ะ นารีจะไม่มีวันหนีคุณไปไหนอีก และถ้านารีหนีจริงๆ คุณก็ไปลากนารีกลับมาได้นี่คะ คุณทำได้อยู่แล้ว”
“แต่ผมไม่ไว้ใจคุณ”
นารีรัตน์ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของกฤติชัย
“คนรักกัน ก็ต้องเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าคุณไม่ได้รักนารีแล้ว”
“ผมรักคุณเสมอนั่นแหละ แต่ผมกลัวใจคุณ”
“นารีจะไม่มีวันไปไหนค่ะ นารีจะกลับมา เชื่อนารีนะคะ”
ปากของนารีรัตน์ยื่นไปจูบปากของกฤติชัยเอาไว้แน่น หล่อนขยับปากไปตามจังหวะสวาท และก็มั่นใจว่ามันจะทำให้กฤติชัยยอมทำตามความต้องการของหล่อนได้ไม่ยาก
“นารีรักคุณนะคะ คุณกฤติชัย…”
ขณะที่กฤติชัยกำลังเคลื่อนไหวร้อนแรงอยู่ในกายสาว นารีรัตน์ก็เสแสร้งเล่นละครได้อย่างแนบเนียน หล่อนกอดรัดเขาเอาแนบอก ตอบสนองเกมสวาทที่เขาเป็นผู้ควบคุมอย่างเต็มอกเต็มใจ และก็คาดหวังเอาไว้เต็มเปี่ยมว่าตัวเองจะได้รับอิสรภาพในไม่ช้า
“ผมก็รักคุณ… นารี… โอ้ว…”
วันนี้แซคคารีย์โทรกวนหล่อนทั้งวัน จนหล่อนแทบไม่ได้ทำงานทำการ พอหล่อนไม่ยอมรับสาย เขาก็ให้เลขาฯ ลงมาตามหล่อนถึงแผนกบัญชีทีเดียว ไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนหน้าหล่อนก็แทบจะไม่ชายมองด้วยซ้ำ
อลินดาถอนใจอย่างสับสน กำลังจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดกว้างออก แต่ก็ชนเข้ากับคนที่เดินพรวดออกมาพอดีเข้าอย่างจัง ซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนในมือผู้ชายตรงหน้าร่วงลงกับพื้น และสิ่งที่อยู่ภายในนั้นก็ไหลออกมาจนหล่อนมองเห็น
ภาพพวกนั้นมัน….?
แม้จะเห็นแค่เพียงแว่บเดียว แต่หล่อนก็จำได้ติดตาไม่ลืมว่าภาพพวกนั้นมันคือภาพในคลิปหลุดว่อนเน็ตของนารีรัตน์พี่สาวฝาแฝดของตนเอง
“ภาพพวกนี้…”
หล่อนกำลังจะเอ่ยถาม แต่ผู้ชายตรงหน้ารีบก้มลงเก็บภาพที่หลุดออกมาใส่กลับเข้าไปในซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนอย่างรวดเร็ว
“ขอตัวก่อนครับ”
“เดี๋ยวสิคะ”
หล่อนร้องเรียกเพราะยังไม่ได้คำตอบ แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินหายไปไกลเสียแล้ว อลินดาก้าวเข้ามาในลิฟต์ แต่ความสงสัยก็ยังคงแน่นเต็มหัว และก็อดที่จะเอ่ยถามวาเนสซ่าที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานของแซคคารีย์ไม่ได้
“เอ่อ… ผู้ชายตัวสูงๆ ที่ถือซองเอกสารสีน้ำตาล มาพบคุณแซคใช่ไหมคะ”
หล่อนคาดเดา
“ใช่ ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงเหรอ” วาเนสซ่าถามกลับ แต่อลินดาก็ส่ายหน้าไปมา
“ก็แค่เดาเอาน่ะค่ะ”
วาเนสซ่ามองค้อนหล่อน ก่อนจะลุกขึ้นยืน “รีบเข้าไปหาท่านประธานได้แล้ว ท่านรอนานแล้ว”
“ค่ะ”
อลินดาตอบรับ ก่อนจะก้าวเดินไปหยุดที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ และเคาะประตูเบาๆ
“ขออนุญาตค่ะ”
“เข้ามา”
หล่อนดันบานประตูไม้เข้าไปทันที เมื่อได้ยินเสียงตอบอนุญาตจากเจ้าของห้อง
แซคคารีย์เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือและมองหล่อน “ทำไมมาช้านัก ฉันให้วาเนสซ่าไปตามตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ”
“ก็เพิ่งว่างค่ะ”
คนตัวโตจ้องหน้าหล่อนเขม็ง ก่อนจะวางปากกาในมือ และลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมาเผชิญหน้ากับหล่อนที่กลางห้อง คนตัวเล็กถดถอยหนีโดยอัตโนมัติ แต่ไปไหนไม่รอด เพราะวินาทีเดียวเอวคอดก็ถูกรวบ และร่างอวบอัดก็ถูกรั้งเข้าไปกอดรัดแน่น
“ปล่อยนะคะ”
เขาไม่ปล่อย แต่กลับก้มหน้าลงมาขยี้ปากอิ่มที่กำลังเผยอเพื่อโต้แย้ง ลิ้นฉ่ำสอดแทรกเข้ามาภายในอุ้งปากสาวด้วยความรวดเร็ว ตวัดรัดรึงลิ้นเล็ก ดูดกินจนสาแก่ใจ จึงยอมให้ปากสาวเป็นอิสระ
อลินดาหอบหายใจระส่ำ แก้มนวลแดงระเรื่อ
“ทำ… ทำแบบนี้ทำไมคะ ปล่อยลินดานะ”
“ถ้าดื้อกับฉันอีก จะจูบต่อหน้าวาเนสซ่าเลยคอยดู”
หล่อนมองเขาอย่างตื่นตกใจ “ไม่ได้นะคะ ถ้าทำแบบนั้นคนที่นี่ก็จะรู้ว่าเรา…”
“รู้แล้วไง ก็มันคือความจริงนี่”
แล้วคนจอมเผด็จการก็รั้งร่างของหล่อนให้เดินตามไปนั่งบนโซฟาริมหน้าต่าง ข้างๆ ร่างของตัวเอง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะสั่งให้คนย้ายโต๊ะของเธอขึ้นมาไว้ในห้องทำงานของฉัน”
“คะ?” หล่อนตกใจมาก
MANGA DISCUSSION