ภรรยาคั่นเวลา ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 15
อลินดาบอกให้กฤติชัยไปส่งที่บ้านบิดากับมารดา เพราะไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้ว่า หล่อนกำลังสวมบทบาทเป็นนารีรัตน์ และต้องไปนอนค้างคืนที่บ้านของแซคคารีย์
มือเล็กยกโบกให้กับเจ้าของรถคันงามแล่นจากไปแล้วนั่นแหละ หล่อนถึงเดินไปยังวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอย และก็โชคดีมากที่ยังมีพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างยังไม่เลิกงานกลับบ้าน
“ไปไหนครับ คุณผู้หญิง”
หล่อนรีบบอกจุดหมาย และกระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอย่างคล่องแคล่ว ก็จะไม่ให้คล่องแคล่วได้ยังไงล่ะ ในเมื่อหล่อนคุ้นเคยกับการโหนรถเมล์ และนั่งมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็พาหล่อนมาถึงหน้ารั้วใหญ่ของคฤหาสน์ แฮซมิลตัน
“นี่ค่ารถค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หล่อนรีบกล่าวขอบคุณพี่วิน ก่อนจะส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินออกจากป้อมมาทักทาย
“วันนี้กลับดึกนะครับคุณนารี”
ทุกคนที่นี่เข้าใจว่าหล่อนคือนารีรัตน์ และแน่นอนว่าหล่อนก็ต้องแสดงตัวเป็นพี่สาวฝาแฝดให้แนบเนียนที่สุด
“พอดีแวะไปหาแม่มาน่ะจ้ะ ว่าแต่คุณแซคกลับมาหรือยังคะ”
“กลับมาได้สักพักหนึ่งแล้วครับ”
หล่อนระบายยิ้มให้กับคู่สนทนาเป็นครั้งสุดท้าย ก็เดินผ่านรั้วใหญ่ มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์หลังงาม เมื่อเข้ามาภายในบ้านก็อดที่จะเอ่ยถามสาวใช้ถึงแซคคารีย์ไม่ได้
“คุณแซคอยู่ข้างบนหรือเปล่าคะ”
เมื่อสาวใช้ตอบรับด้วยคำพูดและการพยักหน้า ก็ทำให้หล่อนรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีแปลกประหลาด
“งั้นเธอก็ไปพักผ่อนเถอะ”
สาวใช้เดินจากไปแล้ว ในขณะที่หล่อนค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นบันไดแสนสวยขึ้นไปช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี ราวกับว่าได้กลิ่นหายนะอย่างนั้นแหละ
แล้วหล่อนก็เดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องนอน มือเล็กยกขึ้นค้างอยู่กลางอากาศหลายครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู และผลักบานไม้เข้าไปในเวลาต่อมา
ภายในห้องมืดสลัวจนหล่อนชะงักงัน มือเล็กต้องรีบคว้าหาสวิตซ์ไฟฟ้าแทบไม่ทัน และพอห้องสว่างขึ้นเท่านั้น หล่อนก็เห็นแซคคารีย์นั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง ในมือใหญ่มีขวดเหล้าอยู่
หล่อนรู้สึกแปลกใจระคนหวาดกลัว เพราะสายตาสีสนิมที่เคยมองมาอย่างรังเกียจ ตอนนี้มันดุดัน และเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นจนร่างสาวสั่นสะท้าน
“ขอ… ขอโทษที่กลับมาช้าค่ะ”
เขาไม่ได้พ่นคำพูดร้ายกาจออกมาก็จริง แต่สายตาของเขาทำให้หล่อนเสียวสันหลังวาบ
“ขอ… ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” หล่อนตัดสินใจจะหลบหายเข้าไปในห้องน้ำ แต่เขาไวยังกับลิงวอก ลุกพรวดขึ้นมาคว้าแขนเรียว และกระชากเข้าไปหาทันที
“อุ๊ย… ปล่อยค่ะ”
กลิ่นแฮลกอฮอล์จากลมหายใจของแซคคารีย์โชยฟุ้งเข้ามาในจมูกของหล่อน และมันก็ทำให้หล่อนแทบเมาตามไปได้อย่างง่ายดาย หล่อนพยายามดิ้นรน
“คุณแซค เมาแล้วนะคะ”
“หึ” หล่อนเห็นเขาแค่นยิ้มหยัน ใบหน้าหล่อจัดก้มต่ำลงมาหา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “เธอรู้ไหมว่าในระหว่างที่เธอไประเริงอยู่กับคุณกฤติชัย ฉันไปที่ไหนมา”
หล่อนถอนใจออกมาแผ่วเบา พยายามที่จะใจเย็นอย่างที่สุด “ก็คงจะไปตามหาพี่นารีมั้งคะ”
“ฉันไปโรงพักมา”
“ไปโรงพัก?” หล่อนทวนคำตอบของเขาด้วยความตื่นเต้น “งั้นก็แสดงว่าตำรวจได้ข่าวพี่นารีแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่”
หล่อนยิ้มออกมาด้วยคามดีใจจริงๆ แต่แซคคารีย์กับคิดว่าหล่อน เสแสร้งแกล้งทำ
“อย่ามาแสดงละครว่าเธอดีใจ”
“ฉันไม่ได้แสดงละครนะคะ แต่ฉันดีใจจริงๆ เพราะถ้าพี่นารีกลับมา ฉันก็จะได้กลับบ้านสักที”
ทำไมนิ้วมือของแซคคารีย์ที่ขยุ้มอยู่บนต้นแขนกลมกลึงถึงได้เพิ่มแรงกดมากขึ้นแบบนี้นะ นี่เขาจะรู้ไหมนะว่ากำลังทำให้หล่อนเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกเลยทีเดียว แต่เขาคงไม่สนใจความรู้สึกผู้หญิงที่ตัวเองเกลียดเช่นหล่อนหรอก ยิ่งคิด อลินดาก็ยิ่งน้อยใจนัก
“อย่ามาตอแหลว่าอยากกลับบ้าน ในเมื่อความเป็นจริงแล้ว เธอต้องการจะครอบครองทุกอย่างของนารี”
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วคะ ว่าฉันไม่เคยอิจฉาพี่นารีเลย ไม่เคยต้องการของๆ พี่นารี…”
“หุบปากไปเลย!” เขาแผดเสียงตวาดลั่น “เธอทะเยอทะยานจนถึงขนาดฆ่าพี่สาวของตัวเองได้ลงคอ”
“ฆ่า…?”
“อย่ามาทำหน้าใสซื่อ เธอมันนังฆาตกร!”
นี่แซคคารีย์กำลังพูดบ้าอะไรเนี่ย หล่อนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณแซคคะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นะคะว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
สายตาคมกริบจ้องมองหล่อนอย่างโกรธแค้น
“ตำรวจพบศพผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกฆ่าข่มขืน และรูปพรรณสัณฐานก็คล้ายคลึงกับนารีราวกับแกะ”
“ไม่… ไม่จริงหรอกค่ะ พี่นารีคงไม่โชคร้ายแบบนั้น…” หล่อนเองก็ตกใจไม่น้อย “และอีกอย่างตำรวจก็แค่สันนิษฐานนะคะ อาจจะไม่ใช่พี่นารีก็ได้”
“จะไม่ใช่ได้ยังไง ในเมื่อที่ศพมีสร้อยคอเส้นที่ฉันเป็นคนซื้อให้กับนารีด้วยมือของฉันเอง”
อลินดาส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลรินด้วยความตื่นตกใจ “แต่… แต่ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ พี่นารีคงไม่อายุสั้นแบบนี้ คุณแซครอให้ตำรวจตรวจสอบก่อนเถอะค่ะ บางทีอาจจะไม่ใช่…”
“อย่ามาประวิงเวลาเพื่อหาทางรอดให้กับตัวเองเลย อลินดา เธอมันน้องสาวสารเลว ทำร้ายได้แม้กระทั่งพี่สาวของตัวเอง จิตใจของเธอทำด้วยอะไรหึ อลินดา!”
ร่างอรชรถูกเขย่าแรงๆ จนหัวสั่นคลอน หล่อนน้ำตาไหลรินด้วยความเสียใจไม่แพ้แซคคารีย์ แต่เขากลับมองว่าหล่อนกำลังเสแสร้งแสดงละคร
“ในเมื่อตำรวจไม่สามารถเล่นงานคนเลวๆ อย่างเธอได้ ฉันก็จะเป็นคนมอบบทเรียนนรกให้กับเธอเอง อลินดา!”
“คุณแซค… คุณจะทำอะไรคะ ว๊ายยย!”
หล่อนยังไม่ทันตั้งคำถามได้จบประโยคดีเลย มือหยาบกระด้างของแซคคารีย์ก็ยื่นมากระชากเสื้อผ้าออกจากร่างกายของหล่อน ฉีกทึ้งจนเศษผ้าขาดติดมือไม่เหลือชิ้นดี
“ฉันก็จะทำให้เธอ ลิ้มรสนรกยังไงล่ะ”
“ไม่นะคะ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแซคกล่าวหา ฉันไม่เคยคิดทำร้ายพี่นารีเลย…”
หล่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เอามือกอดอกเอาไว้แน่นเพื่อปิดปทุมถันอวบใหญ่ของตัวเอง ในขณะที่หัวเข่าก็พยายามหนีบเข้าหากันเพื่อหลบซ่อนของสงวนให้รอดพ้นจากสายตาเหี้ยมเกรียมของผู้ชายตรงหน้า
“เอาไว้แก้ตัวในนรกเถอะ!”
มือใหญ่กระชากร่างของหล่อนให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นกางเกงในสีขาวตัวจิ๋วก็เป็นอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ขาดหลุดติดมือใหญ่แสนกระด้างของเขาไป
“เธอจะได้ฉัน… ได้อย่างที่เธอต้องการมาตลอด”
“ไม่…ไม่นะคะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
ร่างของหล่อนถูกจับโยนขึ้นไปบนเตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย และเขาก็เดินมาหยุดที่ขอบเตียง เวลาเพียงแค่เสี้ยวนาทีเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ก็หลุดหายไปจากตัว เผยเรือนร่างทรงพลัง ผิวแทนสวย แก่สายตาของหล่อนอย่างชัดเจน
“ในเมื่ออยากได้ฉันเป็นผัวนัก ฉันก็จะมอบให้ แต่เธอรู้เอาไว้เลยนะว่าเธอมีสิทธิ์แค่เป็นทาสระบายความใคร่ของฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ใดเลยในตัวของฉัน…” เขากระโจนขึ้นมาบนเตียง คว้าข้อเท้าของคนที่กำลังจะถดถอยหนีเอาไว้แน่น จากนั้นก็ลากเข้ามาหา “เพราะผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักก็คือนารีรัตน์ พี่สาวของเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ อลินดา!”
หล่อนเจ็บ หล่อนปวด หล่อนจุก และหล่อนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเหลือเกิน ตอนนี้แซคคารีย์ต่างไปจากทุกครั้งที่หล่อนเคยรู้จัก เขาสำแดงฤทธิ์เดชของจอมมารร้ายออกมาอย่างไม่คิดจะซ่อนเร้นอีก และหล่อนก็คือเหยื่อ… เหยื่อที่เขาจะขย้ำให้จมเขี้ยว
“อย่า… อย่าทำอะไรฉันเลยค่ะ” หล่อนยกมือไหว้เขา มองเขาอย่างหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้ความเมตตาใดจากผู้ชายใจร้ายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“เธอจะต้องทนเป็นทาสรับใช้ของฉัน จนกว่าฉันจะหายแค้นอลินดา”
หล่อนร้องไห้คร่ำครวญขอความเมตตา แต่ชะตากรรมของหล่อนมันเลวร้ายเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้ว เพราะไม่ช้าผู้ชายป่าเถื่อนก็กระชากเส้นผมของหล่อนเอาไว้แน่น หล่อนเจ็บจนน้ำตาซึม แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
“ฉันจะทรมาน จะทำให้เธอตายทั้งเป็น นังฆาตกร!”
น้ำตาของหล่อนไหลรินแทบเป็นสายเลือด ทางรอดของหล่อนมืดมิดจนหมดหวัง ร่างสาวถูกผลักแรงๆ จนล้มหงายลงกับเตียงนุ่ม และเขาก็ตามลงมากัดกินอย่างป่าเถื่อน
“อื้อ… อย่า… อย่า… คุณแซค… อย่าทำฉัน…”
อลินดามองคนที่คร่อมทับอยู่บนเรือนร่างไร้ราคีของตัวเองผ่านม่านน้ำตา พยายามที่จะมองหาความเมตตาจากดวงตาสีสนิมของผู้ชายที่ตัวเองหลงรักมาช้านาน แต่กลับมองไม่เห็นมันเลย น้ำตาของหญิงสาวไหลพรั่งพรูอาบแก้ม กลีบปากอิ่มสั่นระริก
“ถ้าคุณแซคคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุของการหายตัวไปของพี่นารี คุณแซคก็ฆ่าฉันเลยสิคะ แต่ได้โปรดอย่าทำลายศักดิ์ศรีของฉันด้วยวิธีป่าเถื่อนแบบนี้เลย”
“เธอก็หวังมาตลอดไม่ใช่หรือว่าจะได้กินฉันน่ะ”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจสาวชาหนึบ และพูดอะไรไม่ออก
“แต่อย่าคาดหวังว่าเธอจะสนุกกับสิ่งที่ฉันจะทำกับเธอ เพราะฉันจะไม่มีทางทำให้เธอมีความสุขกับร่างกายของฉันแม้แต่เพียงนิดเดียว ฉันจะข่มขืนเธอ”
“คุณแซค…”
หล่อนครางเรียกชื่อเขาด้วยความหวาดกลัวระคนเสียใจ ก้อนเนื้อในอกเปียกชุ่มไปด้วยหยาดโลหิต พยายามร้องขอความเมตตานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยได้รับมันเลย
“อ๊ะ… กรี๊ดดดดดด…!!!”
ใช่ เขาไม่ได้แตะต้องส่วนใดของร่างกายของหล่อนเลย นอกจากตรงนั้นที่เขาจับความใหญ่โตของตัวเองทิ่มแทงเข้ามาสุดแรง แค่ครั้งเดียวด้วยแรงมหาศาล ความเป็นชายจึงเข้ามาจนหมดความยาว แต่นั่นก็ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสของหล่อน
สมองของหล่อนค่อยๆ เลือนราง ร่างกายคล้ายกับถูกฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปคนละทิศละทาง สร้างความเจ็บปวดให้กับหล่อนอย่างแสนสาหัส
หล่อนไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้แซคคารีย์กำลังรู้สึกอะไร และทำไมเขาถึงยังไม่เคลื่อนไหว แต่สิ่งเดียวที่หล่อนรู้ในตอนนี้ก็คือ… หล่อนกำลังจะขาดใจตาย
ดวงตากลมโตที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาปรือขึ้นมองคนใจร้าย ผู้ชายใจดำที่พรากผลาญเยื่อพรหมจรรย์ของหล่อนไปอย่างเหี้ยมโหด มองเขาด้วยความเสียใจ
“พอ… ใจแล้วใช่ไหมคะ”
ผู้ชายที่คร่อมทับอยู่บนร่าง และก็ฝังความเป็นชายคาอยู่กับร่องสาวขบกรามแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุก สายตาของเขาที่มองมายังหล่อนเต็มไปด้วยความพิศวง และเพราะอะไรหล่อนก็ไม่อาจจะเดาได้ เมื่อจู่ๆ ท่อนชายที่ทั้งใหญ่และยาวก็ถูกชักถอนออกไป
แซคคารีย์ก้าวลงไปจากเตียง และก้มลงหยิบกางเกงขายาวขึ้นมาสวมใส่ ก่อนจะตามด้วยเสื้อ
หล่อนนอนมองคนใจร้ายผ่านม่านน้ำตาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตอนนี้กายสาวแสนจะบอบช้ำ ไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ อย่างเก่งก็ทำได้แค่เพียงขยับสองขาที่ถูกเขากระชากจนกว้างออก ให้แนบชิดกันเท่านั้น
“คืนนี้ฉันอนุญาตให้เธอนอนบนเตียงได้หนึ่งคืน”
หล่อนไม่ตอบคนใจร้าย นอนร้องไห้เงียบๆ ต่อไป จนกระทั่งแซคคารีย์โมโหต้องเดินหนีออกไปจากห้องเสียเอง