เช้าวันต่อมา แซคคารีย์ก็ลากหล่อนมายังสถานีตำรวจ เพื่อให้ปากคำเรื่องที่นารีรัตน์หายตัวไป หล่อนบอกเล่าเหตุการณ์ไปตามความเป็นจริงโดยไม่คิดจะปิดบัง ดังนั้นจึงไม่มีพิรุธอะไรให้ตำรวจสงสัยในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
และเมื่อสิ้นสุดการให้ปากคำ หล่อนก็เดินออกมาจากสถานีตำรวจ โดยมีแซคคารีย์ก้าวตามหลังมาติดๆ หล่อนรู้ดีว่าเขาตามมาหาเรื่องแน่นอน
“เธอนี่มันแสดงละครเก่งนะ อลินดา”
แขนเรียวของหล่อนตกอยู่ในอุ้งมือกระด้างของแซคคารีย์อีกครั้ง เขากระชากให้หล่อนหยุดเดิน
หล่อนเม้มปากแน่น และหันไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ทำตัวเหมือนเด็กปัญญาอ่อนอย่างแซคคารีย์
“เลิกบ้าเสียทีเถอะค่ะ คุณแซค” หล่อนพูดออกมาอย่างเอือมระอา นี่เขาเป็นบ้าอะไรไป ทำไมถึงได้ยัดเยียดความผิดให้กับหล่อนไม่รู้จักหยุดหย่อน
“เธอว่าฉันบ้าหรือ”
“หรือไม่จริงล่ะคะ คุณเอาแต่กล่าวหาฉัน ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่มีหลักฐานสักนิด”
“ก็เพราะกล้องวงจรปิดถูกถอดออกหมดยังไงล่ะ ฉันถึงไม่มีหลักฐานเอาผิดคนร้ายอย่างเธอ”
“คุณแซคคะ ฉันไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น เพื่อผู้ชายอย่างคุณแซค หรอกค่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย” หล่อนอธิบายอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์ล่ะ ก็หากไม่มีนารีสักคน เธอก็จะได้เป็นเมียของฉันยังไงล่ะ แล้วแผนของเธอก็สำเร็จ เธอให้คนมาจับตัวนารีไป และก็รับสมอ้างเป็นเจ้าสาวของฉันแทน”
“อ่านนิยายมากเกินไปนะคะคุณแซค” หล่อนสะบัดแขนแรงๆ จนหลุด “ขอตัวค่ะ จะรีบไปทำงาน” แล้วอลินดาก็รีบก้าวเดินหนี แต่ก็ไม่รอดอีกเช่นเคย แซคคารีย์ตามมากระชากแขนเรียวเอาไว้อีกรอบ
“นี่ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันเบื่อที่จะต้องถูกคุณแซคจับผิดตลอดเวลาแล้วค่ะ”
“เธอต้องไปกับฉัน”
“ไม่ค่ะ ฉันจะนั่งรถเมล์ไปเอง” หล่อนบิดแขนแรงๆ แต่ก็ไม่หลุดเพราะอุ้งมือของแซคคารีย์ใหญ่มาก “ปล่อยสิคะ”
“จะไปทำงาน หรือว่าจะไปถ่ายคลิปโป๊กันแน่”
ใบหน้าหวานของอลินดาเห่อร้อนด้วยความอับอาย หล่อนอยากจะตะโกนใส่หน้าเขานักว่า ผู้หญิงในคลิปเสพสวาทนั่นมันคือนารีรัตน์ผู้หญิงที่เขามองเห็นว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ แต่ก็รู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าไม่มีทางเชื่อคำพูดของหล่อนหรอก
หล่อนมันก็แค่ขยะเน่าๆ ในสายตาของเขาเท่านั้น…
อลินดาเจ็บปวด เจ็บจนจุกไปทั้งอก แต่ก็ไม่อาจจะร้องไห้ออกมาให้เขาเห็นได้ “วันนี้จะไปทำงานค่ะ แต่ถ้าวันอื่นไม่แน่ ว่าแต่คุณแซคยินดีจะไปร่วมถ่ายคลิปโป๊ด้วยกันไหมล่ะคะ”
แซคคารีย์ปลดมือจากแขนของหล่อนทันที และมองหล่อนอย่างขยะแขยง “แพศยา”
“ค่ะ ดิฉันทั้งร่าน ทั้งแพศยา จบนะคะ” หล่อนต้องใช้แรงกายแรงใจมากมายเหลือเกินกว่าจะเค้นคำพูดตอบโต้เขาออกไปได้ “แล้วยังจะให้ดิฉันนั่งรถไปด้วยอีกไหมคะ”
“ไสหัวไปให้พ้นเลย” เขาตวาดใส่หน้าหล่อนอย่างโมโห ก่อนจะก้าวยาวๆ กลับไปยังรถคันงาม เพียงแค่เสี้ยวนาที รถสปอร์ตราคาแพงระยับก็แล่นผ่านหน้าไป
เมื่ออยู่ตามลำพัง ใบหน้าอวดดีของอลินดาก็เปลี่ยนแปลงเป็นเศร้าหมอง หยาดน้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้ยามอยู่ต่อหน้าของแซคคารีย์รินไหลออกมาเป็นทาง “พี่นารี… กลับมาเสียทีเถอะ ฉันจะทนความใจร้ายของคนรักพี่ไม่ไหวอยู่แล้วนะ”
ร่างผอมบางที่ถูกผ้าสีดำมัดปิดดวงตาทั้งสองข้างเอาไว้สะดุ้งลุกขึ้นจากเตียงนอน ศีรษะที่เส้นผมยาวดำขลับเคยนุ่มสลวยตอนนี้ยุ่งเหยิงหันซ้ายขวาอย่างหวาดกลัว เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดสนิทลงดังกังวานขึ้น
“ปล่อย… ปล่อยฉันไปนะ ปล่อยฉันนะ”
เพราะดวงตาทั้งสองข้างถูกปิดสนิทเอาไว้ ทำให้หญิงสาวที่ถูกลักพาตัวมาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของวายร้ายที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหยุดใกล้เตียงนอน
ผู้ชายรูปร่างสูงเพรียวยืนเอียงคอมองผู้หญิงที่ร้องขอความเมตตาอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน มือหนายกขึ้นแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่จนหมดทุกเม็ด สาบเสื้อเชิ้ตแยกกว้างออกจากกัน ก่อนที่เสื้อราคาแพงจะถูกสลัดออกไปจากเรือนกาย กางเกงขายาวก็เป็นอาภรณ์อีกชิ้นที่ถูกถอดทิ้งไป
เสียงเตียงยุบยวบบอกให้รู้ว่าไอ้วายร้ายที่หล่อนไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากำลังจะคุกคามตัวเอง เหมือนดั่งเช่นที่มันเคยทำมาตลอดทั้งแต่ค่ำคืนแรกที่ลักพาตัวหล่อนมา
“อย่า… อย่านะ…”
หล่อนไม่มีโอกาสได้ปัดป้องใดๆ ร่างกายถูกจับตรึงลงกับเตียงกว้าง และมันก็ทาบทับขึ้นมาเสพสมกับเนื้อหนังมังสาของหล่อนอย่างหื่นกระหาย
มันเป็นใครกัน ทำไมมันจะต้องทำกับหล่อนแบบนี้ด้วย…
นารีรัตน์นอนนิ่งน้ำตาไหล ร่างสาวถูกสอดใส่รุนแรงไร้ความปรานีอย่างต่อเนื่อง และคงอีกหลายชั่วโมงกว่าไอ้โจรห้าร้อยคนนี้จะอิ่มเอม
อลินดาตั้งใจว่าจะนั่งรถเมล์กลับไปทำงานที่โรงแรมของแซคคารีย์ แต่เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาก็พบว่าตอนนี้มันเกือบจะเที่ยงวันอยู่แล้ว ดังนั้นหล่อนจึงตัดสินใจที่จะลาพักผ่อนหนึ่งวัน
“พี่วรรณคะ วันนี้ลินดาของลาหยุดหนึ่งวันนะคะ พรุ่งนี้จะเข้าไปทำงานตามปกติค่ะ”
หล่อนต่อสายหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเพื่อขอลางาน หลังจากโทรไปแจ้งให้กับหัวหน้างานโดยตรงรับทราบเรียบร้อย
“ได้สิ ไม่มีปัญหา แล้วพรุ่งนี้มาเขียนใบลาด้วยนะจ๊ะ”
“ค่ะพี่วรรณ ขอบคุณมากค่ะ”
หล่อนกล่าวขอบคุณ ก่อนจะตัดสายการสนทนา และก้าวเดินเข้าไปในซอยลึกซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบ้านตัวเอง ตั้งแต่คืนวันแต่งงาน หล่อนก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่เลย วันนี้หล่อนจึงคิดว่าจะใช้เวลาอยู่บ้าน และค้างที่นี่สักสองสามคืน
“สวัสดีจ้ะแม่”
มารดาของหล่อนไม่ได้มีท่าทางยินดีกับการปรากฏตัวของหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว หล่อนน้อยใจเสมอ แต่ก็ชาชินเสียแล้วล่ะ
“แกมาทำไม”
“ฉันคิดถึงบ้านน่ะจ้ะ” หล่อนเดินเข้าประตูบ้านไป และทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา “ว่าแต่พ่อไปไหนเหรอจ๊ะแม่” เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้านไม่เห็นบิดาก็อดที่จะถามถึงไม่ได้
“ก็ออกไปตามหาพี่สาวแกน่ะสิ”
หล่อนรู้ดีว่าแม่กำลังเป็นห่วงนารีรัตน์มาก แต่ก็ไม่อยากให้ท่านเป็นกังวลมากเกินไป
“พี่นารีคงไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะแม่”
“แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง หรือว่าแกดีใจที่พี่สาวของแกหายหัวไป หึ นังลินดา”
“ไม่ใช่นะจ๊ะแม่ คือที่ฉันบอกว่าพี่นารีคงไม่เป็นไร ก็เพราะว่าเมื่อเช้าฉันไปคุยกับร้อยเวรที่ทำคดีพี่นารีมาแล้วน่ะจ้ะ แล้วตำรวจก็บอกว่าพี่นารีน่าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเท่านั้นเองจ้ะ”
ผู้เป็นมารดาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง “อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปของนารี ไม่อย่างนั้น ฉันจะเป็นคนจับแกเข้าตะรางด้วยมือของฉันเอง”
หล่อนน้ำตาร่วงเผาะ นี่หล่อนทำผิดอะไร แค่หายใจก็ผิดแล้วใช่ไหม ทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวถึงได้คิดว่าหล่อนเป็นคนสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา ในสายตาของทุกคน หล่อนเลวขนาดนี้เลยเหรอ
หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะพยายามปั้นยิ้ม “ถึงฉันกับพี่นารีจะไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่ฉันก็ไม่เคยคิดร้ายกับพี่นารีจ้ะแม่ ฉันไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นได้หรอก”
“ให้มันจริงเถอะ เพราะคนอย่างแกมันสิ้นคิด ขนาดคลิปโป๊ยังยอมให้ไอ้ผู้ชายคนนั้นถ่ายลงประจานได้เลย”
หล่อนหมดปัญญาที่จะอธิบายใดๆ อีก เพราะหล่อนโง่เองนี่ โง่ที่ยอมรับสมอ้างเป็นผู้หญิงในคลิปแทนนารีรัตน์
“ฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะแม่”
“ไปให้ไกลๆ เลย เห็นแล้วขัดลูกหูลูกตา”
อลินดาเดินน้ำตารินขึ้นบันไดบ้าน มุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง หากตอนนี้จะหาคำใดที่เหมาะสมกับคนไร้ค่าอย่างหล่อน ก็คงไม่พ้นคำว่าหมาหัวเน่า ไม่สิ… หล่อนมันต้องหมาหัวเน่ายกกำลังร้อยถึงจะคู่ควร
ร่างอรชรทิ้งลงบนเตียงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง น้ำตาไหลพรากออกมาตลอดเวลาด้วยความทุกข์ทรมาน
‘ใครๆ ก็ไม่รัก เข้าใกล้ใครทุกคนก็รังเกียจ’
ทำไมหล่อนเกิดมาอาภัพเช่นนี้นะ
MANGA DISCUSSION