ภรรยาคั่นเวลา ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 10
“วันนี้เธอกลับบ้านเองนะ ฉันมีนัดสำคัญ”
แซคคารีย์โทรมาบอกหล่อนตอนที่เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งนาทีจะเลิกงานตอนเย็นอยู่แล้ว
“ขอบคุณค่ะที่กรุณาเจียดเวลาอันมีค่าโทรมาบอกฉัน แต่คราวหน้าไม่ต้องก็ได้นะคะ เพราะฉันกลับบ้านเองได้ ปกติก็กลับเองทุกวันอยู่แล้วค่ะ” หล่อนทั้งเหน็บทั้งแหนมทั้งประชดประชันออกไป และแน่นอนว่าก่อกวนโทสะของคนปลายสายได้เป็นอย่างดี
“ปากดีนักนะ”
อลินดาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดด้วยจึงเอ่ยตัดบท “แค่นี้ก่อนนะคะ ถึงเวลาเลิกงานแล้วค่ะ”
หล่อนได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอดดังมาตามสาย ตอนนี้ใบหน้าของแซคคารีย์คงกำลังแดงก่ำด้วยไฟโทสะเป็นแน่แท้ แต่ช่างเขาประไร มันไม่เกี่ยวกับหล่อนอยู่แล้วนี่
“เธอรู้ใช่ไหมว่าจะต้องกลับไปที่บ้านของฉัน ในฐานะอะไร”
“ทราบค่ะ ทราบดีค่ะว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง” หล่อนประชดประชันอีกครั้ง “แค่นี้นะคะ จะเก็บของกลับบ้านค่ะ” แล้วหล่อนก็ตัดสายสนทนาทิ้งด้วยความกรุ่นโกรธ
“คนบ้า ดีแต่สั่ง ทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง”
“ใครบ้าเหรอลินดา”
หทัยชนกที่เดินเข้ามาหาที่โต๊ะ เพื่อที่จะได้กลับบ้านพร้อมกัน ดันหูดีได้ยินซะอย่างนั้น อลินดาจึงต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับแก้ตัวพัลวัน
“อ๋อ พอดีลินดาด่าพระเอกในนิยายน่ะจ้ะ พระเอกอะไรก็ไม่รู้ทั้งซื่อบื้อทั้งโง่ กินหญ้ามันทั้งเรื่องเลยค่ะพี่นก”
“ว๊าย ถ้ากินหญ้าทั้งเรื่องแบบนี้ คงไม่ใช่พระเอกแล้วล่ะจ้ะน้อง ลินดา” หทัยชนกออกความคิดเห็น
“นั่นสิคะ น่าจะไปเป็นผู้ร้ายมากกว่า” อลินดาคิดอย่างโมโห ก่อนจะรีบกลบเกลื่อน “เย็นนี้พี่นกกลับบ้านคนเดียวก่อนนะคะ พอดีลินดามีธุระน่ะจ้ะ”
“แน่ะ… กับคุณแฮรี่ใช่ไหมจ๊ะ”
อลินดารีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่หรอกจ้ะ”
“อ้าว แล้วใครล่ะ”
“เอ่อ… ไม่มีใครหรอกจ้ะพี่นก ลินดาก็แค่จะต้องแวะห้างไปจ่ายค่ามือถือน่ะ”
“แน่เหรอ เห็นปกติจ่ายเซเว่นนี่น่า”
“ก็… พอดีจะแวะไปซื้อของใช้ด้วยน่ะจ้ะ ที่ห้างกำลังลดราคาเลย” อลินดารีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องไหล่ หลังจากปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว
“งั้นลินดาขอตัวก่อนนะพี่นก”
“อืม ไปเถอะ พี่ก็จะกลับบ้านเหมือนกัน”
อลินดาเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับหทัยชนก และก็รอให้หทัยชนกเดินออกไปจนลับตาก่อนแล้วนั่นแหละ ตัวเองจึงหมุนตัวเดินไปยังลานจอดรถตามที่กฤติชัยนัดหมายเอาไว้
เมื่อเดินมาถึงเห็นรถหรูติดเครื่องรออยู่ พอเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ คนขับก็รีบลดกระจกรถลง และเชื้อเชิญ
“เชิญขึ้นรถครับคุณอลินดา”
“เอ่อ… ขอบคุณค่ะ”
อลินดาไม่มีทางเลือกจำต้องก้าวขึ้นมานั่งบนรถคันงามของกฤติชัย มือเล็กรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัวเอาไว้
“รอลินดานานไหม”
“ไม่นานครับ”
กฤติชัยระบายยิ้มให้กับหล่อน ก่อนจะเคลื่อนรถหรูออกไปจากลานจอดรถ มุ่งหน้าแล่นขึ้นไปบนท้องถนน ในระหว่างนั้นก็ชวนหล่อนคุยตลอดเวลาอย่างเป็นกันเอง
“แล้วนี่ทางครอบครัวของคุณอลินดาทราบหรือยังครับว่าพี่สาวของคุณหายไปไหน”
“ยังไม่ทราบเลยค่ะคุณกฤติชัย แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามสืบหาให้ค่ะ รวมถึงนักสืบที่คุณแซคจ้างเอาไว้ต่างหากด้วยนะคะ ลินดาว่าอีกไม่นานก็คงจะตามพี่นารีพบค่ะ”
รอยยิ้มถูกระบายขึ้นบนใบหน้าของกฤติชัยตลอดเวลา ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นอีก
“คุณกับพี่สาวมีเรื่องหมางใจอะไรกันบ้างไหมครับ”
เมื่อเห็นหล่อนอึกอัก กฤติชัยก็รีบกล่าวขอโทษ “ผมขอโทษที่ถามคำถามนี้ออกไปครับ คิดเสียว่าผมไม่เคยพูดก็แล้วกันนะครับ”
“เอ่อ… ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่คำถามลึกลับซับซ้อนอะไรสักหน่อย” หล่อนทำเป็นหัวเราะ ทั้งๆ ที่ภายในใจบอบช้ำไม่น้อย “ลินดากับพี่นารี… ก็เหมือนกับพี่น้องทั่วไปนั่นแหละค่ะ มีทะเลาะกันบ้าง แต่ลินดาก็ไม่เคยถือโทษโกรธพี่นารีจริงๆ จังๆ สักครั้ง เพราะเราสองคนเป็นพี่น้องกัน”
“แล้วพี่สาวของคุณคิดเหมือนคุณไหมครับ คุณอลินดา”
คำถามย้อนกลับมาของกฤติชัยทำให้อลินดายิ้มเศร้าหมองออกมาโดยไม่รู้ตัว
“แน่นอนค่ะ พี่นารีก็ต้องคิดเหมือนลินดานั่นแหละค่ะ เพราะเราสองคนเป็นพี่น้องกัน”
“ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้เจอผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีแบบคุณอลินดา คุณเป็นคนดีนะครับ”
“อย่าชมลินดาเลยค่ะ เพราะลินดาไม่ใช่คนดีอะไรเลย”
“แต่คุณอลินดาก็ยังเป็นคนดีกว่าผู้หญิงคนที่ผมรักมากครับ”
“ผู้หญิงคนที่คุณกฤติชัยรักเหรอคะ” หล่อนเอียงคอมองผู้ชายหน้าตาดีที่กำลังขับรถอยู่อย่างสงสัย
“ใช่ครับ ผมรักเธอ แต่เธอไม่ได้รักผม”
“ผู้ชายอย่างคุณกฤติชัยไม่น่าจะมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธนะคะ นี่แกล้งอำลินดาเล่นหรือเปล่าคะ” อลินดาหัวเราะขบขัน ดวงตาของหล่อนสดใสจนกฤติชัยอดอมยิ้มตามไม่ได้
“ผมขออวยพรให้คุณอลินดามีชีวิตที่ดีนะครับ ขอให้คุณมีความสุขมากๆ”
“เอ่อ… ลินดาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ค่ะ ถ้าพี่นารีกลับมา”
ไม่มีคำพูดใดดังออกมาจากปากของกฤติชัยอีกเลย จนกระทั่งรถคันงามเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าสถานบันเทิงหรูหราแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจากภายนอกก็พอจะรู้แล้วว่า ต้องระดับผู้มีอันจะกินเท่านั้น ถึงจะสามารถก้าวเข้าไปข้างในได้
“ที่นี่เหรอคะ”
“ครับ”
หล่อนมองออกไปนอกกระจกรถ และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจนัก
“ไม่ชอบที่นี่หรือครับ” กฤติชัยหันมาเอ่ยถาม
อลินดาหันมาตอบคนถามตามความรู้สึกแท้จริง
“ก็ไม่เชิงไม่ชอบหรอกค่ะ แต่ลินดาไม่เคยมาเที่ยวสถานที่แบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่าข้างในจะเป็นยังไงบ้าง”
“งั้นก็ลองเข้าไปดูสิครับ ผมอยู่ด้วยทั้งคน ไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ เชื่อผมเถอะ”
กฤติชัยพูดจบก็ก้าวลงไปจากรถ ในขณะที่หล่อนยังคงนั่งนิ่งราวกับกำลังชั่งใจ จนกระทั่งกฤติชัยเดินมาดึงประตูรถเปิดให้ และเชิญชวนอีกครั้งนั่นแหละ หล่อนจึงตัดสินใจก้าวลงไป
“ต้องให้ผมจูงมือไหมครับ” กฤติชัยหันมาถามด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
อลินดารีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ”
กฤติชัยระบายยิ้มให้กับหล่อนอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินนำอลินดาเข้าไปภายในผับแอนด์เรสเตอรองค์ตรงหน้า และทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาด้านใน หล่อนก็ต้องตกตะลึงกับการตกแต่งของที่นี่
หรูหรา มีระดับ และคลาคล่ำไปด้วยเหล่าคนมีเงิน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแซคคารีย์ที่เดินทางมาถึงก่อนหน้าแล้ว
แข้งขาของหล่อนสั่นเทา ไร้เรี่ยวแรงจนเจียนจะล้ม ร้อนถึงกฤติชัยต้องรีบหันมาประคอง เมื่อสบประสานตากับดวงตากังขาสีสนิมของ แซคคารีย์ที่จ้องมองมาเขม็ง
“ไม่เป็นอะไรนะครับคุณอลินดา”
“มะ… ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะคุณกฤติชัย”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มให้กับหล่อนอีกแล้ว ก่อนจะเดินประคองหล่อนเข้าไปที่โต๊ะที่มีแซคคารีย์นั่งกัดฟันรออยู่ เขามองหล่อนด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ
“เชิญครับคุณอลินดา”
กฤติชัยเลื่อนเก้าอี้ให้กับหล่อนด้วยความสุภาพ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และหันไปทักทายแซคคารีย์ที่กัดฟัน ขบกรามไม่หยุด
“ขอโทษที่มาช้าไปสิบห้านาทีนะครับคุณแซค” กฤติชัยขอโทษขอโพย “พอดีผมกับคุณอลินดาคุยกันถูกคอไปหน่อย ก็เลยมัวแต่คุยกันมาตลอดทาง จนลืมเวลาน่ะครับ”
หล่อนทำได้แค่เพียงระบายยิ้มแห้งๆ และก้มหน้าหลบสายตา แซคคารีย์ มือไม้ของหล่อนชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่คุณกฤติชัยจะพามาด้วยจะเป็นพนักงานบัญชีที่โรงแรมของผม” น้ำเสียงของแซคคารีย์เยาะหยันอยู่ในที “แต่ความจริงผมว่าระดับคุณกฤษชัยแล้ว น่าจะมีผู้หญิงระดับที่สูงกว่านี้ให้เลือกเยอะแยะนะครับ ไม่น่า…” ถึงแซคคารีย์จะหยุดพูดเอาไว้เพียงเท่านั้น แต่หล่อนก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หล่อนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความเจ็บปวดและอับอาย
“แต่ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด คุณอลินดาเป็นน้องภรรยาของคุณแซคไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับ”
“ดังนั้นคุณอลินดาก็ไม่ได้อยู่คนละระดับกับผมนี่ครับ เพราะคุณแซค ร่ำรวย น้องภรรยาอย่างคุณอลินดาก็ต้องร่ำรวยด้วย ผมพูดไม่ผิดใช่ไหมครับ”
แซคคารีย์กัดฟันแน่น และก็มองหน้าอลินดาอย่างคาดโทษเอาไว้ในใจ
“ที่คุณกฤติชัยพูดก็ไม่ผิดหรอกครับ” แซคคารีย์ตอบรับออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“งั้นเรามาสั่งอาหารกันเถอะครับ กินเสร็จแล้วเราจะได้พูดถึงงานของเรา” กฤติชัยตัดบท ก่อนจะหันไปถามอลินดา “คุณอลินดาอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะสั่งให้”
“เอ่อ… อะไรก็ได้ค่ะ ลินดากินได้หมดค่ะ”
“คุณอลินดากินง่ายจังนะครับ แบบนี้ผู้ชายคนไหนได้คุณอลินดาไปเป็นภรรยาน่าจะมีความสุขน่าดูนะครับ”
คำพูดของกฤติชัย ทำให้หล่อนเหลือบตาไปสบประสานกับดวงตาสีสนิมของแซคคารีย์โดยบังเอิญ และก็ได้เห็นสายตาเหยียดหยามดูแคลนของเขาชัดเจน
“เอ่อ… ขอบคุณค่ะ”
แล้วกฤติชัยก็สั่งอาหารให้กับหล่อน และเขาก็คุยตกลงธุรกิจกับ แซคคารีย์หลังจากนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งมื้อค่ำจบสิ้นลง พร้อมๆ กับการเจรจาธุรกิจที่สร้างความพึงพอใจให้กันทั้งสองฝ่าย
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ผมขอฝากคุณอลินดากลับพร้อมกับคุณแซคได้ไหมครับ พอดีลูกน้องที่บ้านส่งข้อความมาให้รีบกลับน่ะครับ”
“เอ่อ… ลินดากลับแท็กซี่เองได้ค่ะ ขอบคุณคุณกฤติชัยมากนะคะที่อุตส่าห์พามาเลี้ยงข้าวเย็น”
หล่อนยกมือไหว้กฤติชัยอย่างขอบคุณ ก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายบ่าแน่น
“นี่มันมืดค่ำแล้ว ผมปล่อยให้คุณลินดานั่งรถแท็กซี่กลับคนเดียวไม่ได้หรอกครับ อย่าทำให้ผมเป็นห่วงเลยนะครับ”
กฤติชัยหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง และก็ทำให้หล่อนต้องปรายตามองหน้าเรียบเฉยของแซคคารีย์อย่างไม่สบายใจ
“คุณกฤติชัยไม่ต้องกังวลครับ เดี๋ยวผมไปส่งอลินดาเองครับ”
“ขอบคุณมากครับคุณแซค งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หล่อนเดินตามกฤติชัยและแซคคารีย์ออกมาจากผับกึ่งภัตตาคาร และก็ยืนโบกมือให้กับกฤติชัยจนท้ายรถคันงามของเขาหายไปในความมืด จึงลดมือลงทิ้งไว้ข้างตัว และหันไปหาแซคคารีย์ที่ยืนทำหน้าดุดันอยู่ไม่ไกล
“คุณแซคกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองค่ะ”
คนตัวโตมองหล่อนเขม็ง และก้าวเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคามเอาเรื่อง
“เธอก็ได้ยินคุณกฤติชัยบอกแล้วนี่ว่าให้เธอกลับบ้านกับฉัน”
“ค่ะ ฉันทราบค่ะ แต่นี่คุณกฤติชัยก็กลับไปแล้วนี่คะ เขาไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าฉันนั่งรถกลับบ้านกับคุณแซคหรือเปล่า” หล่อนจะเดินหนีแต่แขนเรียวถูกกระชากเอาไว้
“ปล่อยแขนฉันเถอะค่ะ”
แซคคารีย์ไม่ปล่อย แถมยังเพิ่มแรงกดของนิ้วมือแรงขึ้น จนกระดูกแขนของอลินดาแทบแหลกละเอียด
“ฉันเจ็บนะคะ”
“อย่าดื้อกับฉัน ไปขึ้นรถ”
“ก็บอกแล้วไงคะว่ากลับเองได้ และที่สำคัญคุณแซคก็จะได้ไม่เหม็นกลิ่นความร่านของฉันด้วยยังไงล่ะคะ” หล่อนประชดประชันอย่างน้อยใจ
“ดึกๆ แบบนี้ ปล่อยเธอออกไปร่านโดยไม่ใส่ปลอกคอ มีหวังสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเปล่าๆ ไปขึ้นรถ เราต้องกลับบ้านด้วยกัน เดี๋ยวนี้” เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็ลากหล่อนไปถึงรถสปอร์ตคันงามได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าหล่อนจะขัดขืนมาตลอดทางก็ตาม “และอย่าลงมาเชียว เพราะฉันฆ่าเธอแน่” เขาชี้หน้าข่มขู่หล่อน ก่อนจะเดินอ้อมรถมาก้าวขึ้นนั่งหน้าพวงมาลัยรถอย่างรวดเร็ว
อลินดากัดปากแน่นด้วยความน้อยใจระคนโมโห “คนที่คุณแซคต้องเสียเวลาด้วยคือพี่นารี ไม่ใช่ฉันค่ะ”
“กับนารีน่ะฉันให้เวลาทั้งชีวิตของฉันนั่นแหละ แต่สำหรับเธอ ฉันจำเป็นต้องลากกลับไปล่ามโซ่เอาไว้ ก่อนที่เธอจะออกมาเพ่นพ่านไล่ผสมพันธุ์ไปทั่ว”
ทำไมเขาด่าว่าหล่อนแรงขนาดนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินออกมาเป็นทาง และเขาก็ยังไม่คิดจะหยุดวาจาที่ทำให้หล่อนเสียใจแม้แต่น้อย
“ขนาดคุณกฤติชัยเป็นถึงลูกค้าของฉัน เธอยังตามอ่อยจนได้ติดรถมากินข้าวด้วยได้ เธอนี่มันเก่งเรื่องคาวๆ จริงๆ เลยนะ อลินดา และถ้าเมื่อกี้นี้ฉันไม่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เธอก็คงจะใช้มารยาหญิงสารเลวที่ตัวเองมีลากลูกค้ารายใหญ่ของฉันไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วใช่ไหม”
“คุณแซค!” หล่อนเค้นเสียงออกมาด้วยความโมโห “คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะคะ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดสักนิด”
“ไม่มีโจรที่ไหนยอมรับว่าตัวเองเลวหรอก ซึ่งเธอก็เช่นกัน จริงไหม อลินดา”
ทุกถ้อยคำของเขาช่างทำร้ายจิตใจของหล่อนอย่างเลือดเย็นเป็นที่สุด และไม่ว่าหล่อนจะปฏิเสธแค่ไหน แต่คนที่มองว่าหล่อนเลวสำส่อนไปแล้วอย่างแซคคารีย์ก็ยังคงเกลียดชังหล่อนไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
“ค่ะ เชิญคิดตามที่คุณแซคต้องการเถอะค่ะ”
หล่อนโต้ตอบเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกรถ และไม่ว่าเขาจะพูดจะตำหนิอะไรออกมาอีก หล่อนก็ตอบโต้ด้วยการนิ่งเงียบ จนแซคคารีย์หงุดหงิด และหยุดด่าทอหล่อนไปเสียเอง