อย่างไรก็ตาม ฉีอ๋องนั้นเป็นผู้ไร้เดียงสา เมื่อเขาแต่งงานกับฉู่หมิงฉุ่ย ต่อไปเขาจะต้องทนลำบากอีกมากในอนาคต แต่ก็คงมีเพียงคนโง่เขลาเช่นฉีอ๋องเท่านั้นที่จะถูกนางหลอกเอาได้ เมื่อหยวนชิงหลิงคิดเช่นนี้ นางก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย ไม่สิ ยังมีอีกคน นั่นก็คือท่านอ๋องของนางเอง
ที่จริงแล้วซุนอ๋องนั้นมาถึงแล้ว เดิมเขาคิดจะมาแต่เช้าตรู่ แต่ตอนออกมามีธุระบางอย่างทำให้เสียเวลาไป เดิมทีเขาคิดว่าจะได้รับประทานอาหารที่เมื่อวานได้สั่งไว้ทันทีที่มาถึง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเหล่าพี่น้องต่างก็อยู่ที่นี่ หากไม่เข้าไปทักทายก็คงไม่ดีนัก
"พี่รอง ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน รู้สึกว่าพี่กลมกว่าเดิมเสียอีก?" ฉีอ๋องเหน็บแนม
ซุนอ๋องกลอกตา หางเสียงสั่น "เจ้าตาบอดหรือไง?"
"ล้อเล่นไม่ได้หรือ?" ฉีอ๋องพูดด้วยรอยยิ้ม
อวี่เหวินฮ่าวมองซุนอ๋อง "พี่รองเมื่อวานก็มามิใช่หรือ?"
เมื่อวานนี้เขายุ่ง เมื่อเขากลับมาก็ได้ยินว่าซุนอ๋องได้มาที่นี่
"เมื่อวานข้ามาแล้ววันนี้มาอีกไม่ได้หรือไง?"
"น้องรองต้องมาแน่ เสด็จพ่อมอบพ่อครัวหลวงสองคนให้จวนฉู่อ๋อง แล้วน้องรองจะไม่รีบมาได้อย่างไร?" จี้อ๋องกล่าวพร้อมแสร้งยิ้ม
ดวงตาของจี้อ๋องเป็นรูปสามเหลี่ยม เมื่อหรี่ตาลงก็ราวกับจะมีแสงวาบออกมา ริมฝีปากของเขาก็บาง ดังนั้นจึงมักรู้สึกว่าเขาเป็นคนฉุนเฉียวง่าย ซุนอ๋องไม่อยากยุ่งกับพี่ใหญ่คนนี้ที่สุด เขาถามอวี่เหวินฮ่าวโดยตรงว่า "กินข้าวหรือยัง? ข้ายังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย"
ซุนอ๋องไม่กลัวว่าจะทำให้ใครขุ่นเคือง เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากชอบกินแล้วก็ไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นอีกจึงไม่มีค่าพอให้ผู้อื่นต้องเสียแรงคิดจัดการ
ในเวลานี้เองที่ฉู่หมิงฉุ่ยเดินเข้ามา หลังจากยอบกายคำนับแล้วจึงนั่งลงข้างกายฉีอ๋อง ดวงตาของนางกวาดไปทางอวี่เหวินฮ่าว อวี่เหวินฮ่าวตอบคำถามเรื่องกินของซุนอ๋องเสร็จแล้ว เมื่อเห็นนางเข้ามา ดวงตาของเขาก็วาบขึ้นและกล่าวว่า "พี่รองอยากกินอะไร ข้าจะสั่งให้คนไปทำให้"
"ข้าเป็นคนเรียบง่าย ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารมังสวิรัติ แล้วก็เนื้อไม่กี่จานก็พอแล้ว" ซุนอ๋องเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
อวี่เหวินฮ่าวจึงยืนขึ้นและเดินออกไป
ฉู่หมิงฉุ่ยผิดหวังมาก ทั้งสองคนยังไม่ได้สบตากันด้วยซ้ำ เขาเปลี่ยนไปแล้วงั้นหรือ?
ฉีอ๋องจับมือของนางและถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่สะใภ้ห้าสบายดีไหม?"
ฉู่หมิงฉุ่ยตอบอย่างเรียบเฉย "สีหน้านางไม่แย่นัก"
"เจ้าขอโทษนางแล้วหรือ?" ฉีอ๋องถาม
ฉู่หมิงฉุ่ยมองเขา ในใจก่นด่าเขาว่าโง่เง่า แต่นางก็ทำได้เพียงถอนหายใจและตอบว่า "เรื่องนี้จะจบเพียงแค่คำขอโทษได้อย่างไร?"
"การขอโทษก็เพียงทำเป็นพิธีไปเท่านั้น หากจะว่าไปอย่างจริงจังแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเลย" ฉีอ๋องคิดว่านางโกรธและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ฮุ่ยติ่งโหวได้กระทำลงไปจึงได้กล่าวปลอบใจนาง
ฉู่หมิงฉุ่ยรับคำอย่างใจลอย เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเดินเข้ามาอีกครั้ง นางก็ลุกขึ้นยืนและย่อกายให้เขา "พี่ฮ่าว ข้าขอโทษสำหรับเรื่องที่ท่านลุงของข้าทำลงไป ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าทำเช่นนั้น โชคดีที่พระชายาฉู่อ๋องไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง มิฉะนั้น ข้าคงรู้สึกผิดมาก" เสียงของนางปนกับเสียงสะอื้น ทั้งตกใจและโกรธเคือง
อวี่เหวินฮ่าวมองมาที่นางและเอ่ยว่า "นางบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงไม่ใช่ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า"
เมื่อฉู่หมิงฉุ่ยได้ยินเช่นนี้ ในใจของนางก็ยิ่งรู้สึกซับซ้อน แม้ว่าเขาจะปลอบใจนาง แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิง นางยิ้มอย่างขมขื่นและนั่งลงอย่างว่างเปล่า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เรื่องต่อมาที่พวกเขาสนทนากัน ฉู่หมิงฉุ่ยก็ไม่มีแก่ใจจะฟังเสียแล้ว นางเพียงรู้สึกเศร้าใจอย่างเงียบๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ
"น้องรอง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเสนอให้น้องห้ารับตำแหน่งเป็นเจ้ากรมการพระนคร" จี้อ๋องถามขึ้นอย่างกะทันหัน
ซุนอ๋องเงยศีรษะขึ้นตอบอย่างเนิบนาบ "ใช่แล้ว เสด็จพ่อถามว่าข้าอยากทำหรือไม่ แน่นอนว่าข้าไม่อยากทำจึงได้เสนอน้องห้าไป"
"เฮอะ ไม่ได้เรื่อง" จี้อ๋องแค่นเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
"นี่คือการรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ต่างหาก" ซุนอ๋องโต้กลับอย่างไม่ไว้หน้า
ฉีอ๋องจึงถามขึ้นอย่างสงสัย "ทำไมพี่รองถึงไม่เต็มใจ?"
"มันไม่ได้อยู่ในความสามารถของข้า"
"พี่รองถ่อมตัวเกินไปแล้ว ใครบ้างจะไม่รู้ว่าพี่รองทั้งบุ๋นและบู๊ต่างก็…" ฉีอ๋องกล่าวพลางหัวเราะออกมาเสียก่อน เอาเถอะ คำพูดนี้มันดูเสียดสีเกินไป
ซุนอ๋องชำเลืองมองเขาอย่างเรียบเฉย "ทั้งบุ๋นและบู๊ต่างก็ไม่กล้าเอ่ยถึง แต่มองคนก็นับว่ามีระดับไม่เบา ข้ามองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าระดับของเรานั้นใกล้เคียงกัน"
ฉีอ๋องไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "ข้าไม่ได้ตะกละเหมือนเจ้า"
"แต่เจ้าเลอะเลือน!" ซุนอ๋องกล่าว
เมื่อฉู่หมิงฉุ่ยได้ยินคำพูดของซุนอ๋อง หัวใจของนางก็ยิ่งตื่นตระหนก นางรู้ว่าซุนอ๋องพูดถูก หรือก็คือฉีอ๋องยังด้อยกว่าซุนอ๋องเสียอีก ทำไมตอนนั้นนางถึงได้โง่เขลาเช่นนี้นะ? นางคิดว่าเขาเป็นทายาทของจักรพรรดิ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับจี้อ๋องได้ แต่นางกลับเพิกเฉยต่อนิสัยเกียจคร้านโง่เขลาของเขาและลืมความสามารถในการศิลปะการต่อสู้ของพี่ฮ่าวไป ตอนนี้ยังประมาทหยวนชิงหลิงเกินไปอีก โชคดีที่เขาไม่ได้รักหยวนชิงหลิงจริงๆ
จี้อ๋องมองไปที่ซุนอ๋องและฉีอ๋อง ในใจก็รู้สึกว่าคนสองคนนี้ช่างใช้ไม่ได้เลยจริงๆ แม้ว่าฉีอ๋องจะเป็นโอรสของฮองเฮา แต่เสด็จพ่อก็คงจะเห็นความไม่เอาไหนของเขา มีเพียงน้องห้าเท่านั้น…
ดวงตาของเขากวาดไปก็พบว่าฉู่หมิงฉุ่ยกำลังจ้องมองอวี่เหวินฮ่าวอยู่ด้วยสายตาตัดพ้อ จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าอวี่เหวินฮ่าวและฉู่หมิงฉุ่ยเดิมจะหารือเรื่องแต่งงาน แต่มีหยวนชิงหลิงมาแทรกกลางจึงทำให้วาสนาของทั้งสองพังทลาย ตอนนี้เมื่อเห็นทั้งคู่แลกสายตากัน เป็นไปได้หรือไม่ที่ทั้งสองคนยังคงมีความผูกพันอยู่? ทันใดนั้นความโหดร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หากเป็นเช่นนี้ฉู่อ๋องก็หาเหาใส่หัวตัวเองจริงๆ
ทังหยางเข้ามารายงานว่าอาหารพร้อมแล้วและขอให้ทุกคนย้ายไปที่ห้องรับแขก
ซุนอ๋องลุกขึ้นก่อนเป็นคนแรก เขาซ่อนมืออวบอูมไว้ข้างหลัง เดินออกไปอย่างอกผายไหล่ผึ่งพลางกล่าวว่า "เช่นนั้นก็กินก่อนเถอะ อย่างไรก็คงไม่ดีนักหากจะสนทนากันตอนที่ยังหิว"
เพราะวันนี้มีเพียงพี่น้องไม่กี่คนและเหล่าสะใภ้ที่ร่วมโต๊ะอาหารกันจึงไม่ได้เป็นทางการนัก พระชายาอีกสามคนก็นั่งร่วมโต๊ะกลมกับพวกเขาด้วย
กับข้าวสิบอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง ผักสามจานและที่เหลือเป็นจานเนื้อ หงส์ฟ้า หูฉลามตุ๋น สันในหมูตุ๋นน้ำแดง เนื้อว่านฝู เพียงอาหารเหล่านี้ก็ทำให้ซุนอ๋องน้ำลายสอแล้ว
ซุนอ๋องมองดูอาหารเลิศรสที่พรั่งพร้อมไปด้วยรูปรสและกลิ่นก็ส่ายหัวตลอดเวลา "เจ้าควรมีผักมากกว่านี้ กินเนื้อมากเกินไปไม่ดี"
หยวนชิงหลิงไม่อยากออกมากินข้าวมื้อนี้จริงๆ อีกทั้งนางยังมีเหตุผลอีกด้วย นางสามารถอ้างได้ว่านางเจ็บแผลหรือไม่ก็ด้วยร่างกายของนาง นางจำเป็นต้องกินอาหารคนป่วย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของซีมามาแล้ว นางก็อยากจะสังเกตพระชายาจี้อ๋องอีกครั้งเพื่อดูว่านางเป็นคนสองหน้าหรือเป็นคนที่มีหลายหน้าหรือไม่
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเห็นนางมา สีหน้าของนางดูแย่กว่าเมื่อวานเสียอีกจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ "เจ้ากินยาหรือเปล่า?"
"ดื่มแล้ว" หยวนชิงหลิงกล่าว เพียงแต่นางกินยาของตนเอง ยาที่หมอหลวงเหล่านั้นจ่ายให้ นางดื่มไปเล็กน้อยก็ไปหาที่เททิ้งแล้ว
"ถ้าดื่มเข้าไปจริงๆ ก็ดี หากข้าจับได้ว่าเจ้าแอบเททิ้งละก็เจ้าโดนแน่" อวี่เหวินฮ่าวขู่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หยวนชิงหลิงย่นคอของนาง "ข้าไม่กล้าหรอก"
เขากำลังขู่นางจริงๆ และหยวนชิงหลิงก็ร้อนตัวเช่นกัน แต่เมื่อคำพูดนี้ลอยเข้าหูของฉู่หมิงฉุ่ย นางกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการหยอกล้อกัน
หลังจากนั่งลงแล้ว อวี่เหวินฮ่าวอยู่ทางด้านซ้ายของนาง ฉู่หมิงฉุ่ยอยู่ด้านขวา ถัดจากนางคือฉีอ๋อง จากนั้นก็เป็นพระชายาจี้อ๋อง จี้อ๋องและซุนอ๋อง
เหล่าข้ารับใช้เข้ามาเพื่อรอปรนนิบัติ แต่ซุนอ๋องกลับโบกมือ "วันนี้พี่น้องมารวมตัวกัน ไม่ต้องรอรับใช้หรอก ออกไปเถอะ"
ให้ข้ารับใช้เหล่ายกอาหารมาให้จะต้องช้าขนาดไหนกัน อีกทั้งยังไม่รู้จิตใจเจ้านายอีก มิสู้ตนอยากกินจานไหนก็คีบเอาเอง
ในยุคปัจจุบัน หยวนชิงหลิงเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาขั้นสูง นางรู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารและไม่มีทางกินอาหารราวพายุอย่างเช่นซุนอ๋อง นางคิดว่านางกินได้อย่างเรียบร้อย แต่เมื่อนางเห็นฉู่หมิงฉุ่ยและพระชายาจี้อ๋องรับประทานอาหารจึงได้รู้ว่านางหยาบคายเพียงใด
เห็นเพียงปากของฉู่หมิงฉุ่ยเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นฟันเพียงสองซี่ ตะเกียบคีบประมาณ… นางนับแล้วว่าเป็นข้าวห้าเม็ด เพียงแค่กินคำเล็กๆ เท่านั้น จากนั้นก็หุบปากแล้วเคี้ยวเบาๆ สองสามครั้งแล้วจึงค่อยๆ กลืนลงคอ การกระทำนี้งดงามอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเมล็ดข้าวเข้าสู่คอ คอจะตั้งตรงเล็กน้อย เมื่อเห็นส่วนนั้นขยับเล็กน้อยก็รู้สึกว่าแลดูสง่างามยิ่งนัก ส่วนการกินกับนั้น นางไม่กินเนื้อ กินเพียงรากบัวผัดและเห็ดทอดชิ้นเล็กๆ เท่านั้น รากบัวชิ้นหนึ่งถูกหยิบขึ้นมากัดเบาๆ ประมาณ… นางประมาณแล้วว่าน่าจะราวๆ หนึ่งเซนติเมตร กิริยานั้นก็งดงามเช่นกัน นางกัดโดยไม่มีเสียงและยังคงปิดปากเคี้ยวเบาๆ กลืนเข้าไป เช่นเดียวกันกับพระชายาจี้อ๋อง
หยวนชิงหลิงมองไปที่ชิ้นเนื้อว่านฝูในชามของนางด้วยความรู้สึกซับซ้อน
MANGA DISCUSSION