ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 83 ถูกลักพาตัว
หยวนชิงหลิงรู้ตัวดีว่านางคงไปแตะตาฮุ่ยติ่งโหวเข้าแล้ว จึงทำใจแข็งเข้าสู้. แผนการของนาง คือการทำให้ฮุ่ยติ่งโหวรู้สึกสนใจนาง อย่างไรก็ตาม ภายในสถานที่ ที่คนพลุกพล่านเช่นนี้ เขาไม่กล้าลงมือเป็นแน่ นางวางแผนมาเป็นอย่างดี เมื่อเป็นเช่นนั้น นางจึงเพิ่มโอกาสให้เขาลงมือได้สะดวก มื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว นางจะไม่สามารถรวบตัวเขาได้ในคราเดียวเชียวหรือ ? เช่นนั้น นางจึงทำทีหยุดชะงักลง แล้วลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก
ซวีอีทำตามคำสั่งของทังหยางอย่างครบถ้วน สองวันที่ผ่านมานั้น เขาตามติดหยวนชิงหลิงไม่ขาด เมื่อยามที่หยวนชิงหลิงเข้ามายังชิงเฉิงเสี่ยวจู๋นั้น เขาก็จะเดินเข้าไปยังประตูด้านข้าง หากแต่มิได้นั่งลงเฝ้ามองดูแต่อย่างใด เพียงแค่พิงประตูยืนเฝ้าดูพระชายาแต่เพียงเท่านั้น. จากมุมนี้ทำให้เขามองเห็นฮุ่ยติ่งโหวได้เป็นอย่างดี ทว่า พระชายาคงมิได้คิดที่จะสานสัมพันธ์กับฮุ่ยติ่งโหวกระมัง เมือเห็นพระชายาเดินออกมานั้น ซวีอีจึงคอยๆเดินออกมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับติดตามหยวนชิงหลิงไปห่างๆ
หยวนชิงหลิงเดินออกไปไม่นาน ไม่กี่วันมานี้ นางคุ้นเคยกับถนนทุกเส้นเป็นอย่างดี หากแต่วันนี้ นางมิได้สงบจิตสงบใจเดินดูเส้นทางที่เก่าแก่บนถนนเส้นนี้มากนัก เมืองหลวงของราชวงศ์เป่ยถางนั้นเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ทั้งร้านค้ามากมายที่ตั้งเรียงราย ทั้งร้ายขายเนื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านขายพืชพันธุ์ต่างๆ พร้อมทั้งร้านขายแป้งสีชาดมากมายที่มักจะดึงดูดลูกค้าให้เข้าชมอยู่ตลอดเวลา หยวนชิงหลิงเดินมองดูด้วยความตื่นเต้นไปจนตลอดทาง จึงมิได้ให้ความสนใจกับรถม้าที่หยุดอยู่ข้างกาย
เงาของรถม้าที่เคลื่อนตัวมาบดบัง ทำให้หยวนชิงหลิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นผ้าม่านของรถม้าที่เปิดออกมานั้น ย่อมต้องเป็นฮุ่ยติ่งโหวอย่างแน่นอน
ไม่กี่วันมานี้ หยวนชิงหลิงต้องยุ่งวุ่นวายเพราะคนผู้นี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าภายในใจจะตื่นเต้นเพียงใด. หากแต่ ก็มิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมาให้เห็นชัด หากแต่จ้องมองฮุ่ยติ่งโหวด้วยท่าทีงุนงงเพียงเท่านั้น คราก่อนยังเห็นว่าเขาขี่ม้ามามิใช่หรือ เหตุใดวันนี้ถึงนำรถม้ามาเล่า
"คุณชาย ให้กระหม่อมได้ไปส่งท่านด้วยเถอะ"ฮุ่ยติ่งโหวพลันกล่าวออกมา
หยวนชิงหลิงพลันส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทีปฏิเสธ "มิจำเป็น บ้านข้าอยู่มิไกลมากนัก เดินไปเพียงครู่หนึ่งก็ถึงแล้ว" ในยามนี้ยังใช่เวลาที่ดีนัก นางยังมิได้เตรียมการป้องกันใดๆติดตัวมาด้วย
"เมื่อครู่ได้พบคุณชายที่นั่งฟังการขับร้องบทกลอนที่ชิงเฉิงเสี่ยวจู๋แล้ว พบว่าคุณชายเป็นบุรุษที่อ่อนไหวยิ่งนัก มิเช่นนั้น พวกเราไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมสักแก้วเป็นเช่นไร?" ฮุ่ยติ่งโหวแย้มยิ้มกล่าวออกมา พร้อมกับบรรยากาศที่แผ่กระจายออกมานั้น สื่อให้เห็นถึงความจริงใจ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกว่าราวกับพบเจอเพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น
หยวนชิงหลิงยังคงแย้มยิ้มปฏิเสธออกมา "ต้องขอบคุณความกรุณาของพี่ชายเป็นอย่างมาก หากแต่ยามนี้ข้ามีธุระต้องไปจัดการ ขออภัยที่ต้องเปลี่ยนเป็นวันหลัง" พูดจบ นางจึงคำนับแล้วเดินจากไปทันที
แต่เดิมซวีอีติดตามพระชายาไม่ห่างอยู่แล้ว ทว่า เมื่อเห็นฮุ่ยติ่งโหวหยุดรถม้าเพื่อพูดคุยกับพระชายานั้น ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงเดินออกมานั้น เขาจึงวางใจได้เล็กน้อย
ฮุ่ยติ่งโหวพลันปิดรถม้าลง พร้อมทั้งกระตุกรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือพลันส่งสัญญาณออกไปนอกรถม้าแล้วดึงกลับมา
หยวนชิงหลิงจากไปได้ไม่นาน หัวใจยังคงเต้นรัวเช่นเดิม ทว่า แผนการในวันนี้สำเร็จไปแล้วหนึ่งขั้น. นางสามารถดึงดูดความสนใจของฮุ่ยติ่งโหวได้สำเร็จ นางสามารถเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปได้แล้ว หยวนชิงหลิงรู้ดี ว่าเรื่องนี่อย่างไรก็ต้องขอความช่วยเหลือจากอวี่เหวินฮ่าว. อีกทั้ง ในยามนี้เขาก็เป็นถึงเจ้ากรมการพระนครแล้ว ขอเพียงแค่อวี่เหวินฮ่าวยอมร่วมมือเท่านั้น การวางแผนดักจับคนร้าย ก็จะสามารถจับตัวฮุ่ยติ่งโหวได้ในทันที อีกทั้ง. หากวี่เหวินฮ่าวรับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้แล้ว ข่าวลือต่างๆก็จักไม่หลุดลอยไป ในยามนี้ มีเพียงแค่ต้องเกลี่ยกล่อมอวี่เหวินฮ่าวให้ร่วมมือเท่านั้น หากว่าเขาไม่ยอมร่วมมือกับนางแล้ว ก็คงจักต้องลงมือกันเสียหน่อย เจรจา คำพูดเกลี่ยกล่อม รวมไปถึงการวางยา เพื่อให้ยอมอ่อนข้อ! หยวนชิงหลิงที่มัวแต่คิดถึงแผนการขั้นต่อไปนั้น ก็มิได้รู้สึกตัวเลยว่า บัดนี้รถม้ามิได้ติดตามนางแล้ว
ทันใดนั้น หยวนชิงหลิงพลันรู้สึกได้ว่ารอบเอวพลันถูกรัดแน่น เมื่อนางก้มมองดูด้วยความตกใจนั้น. พลันเห็นว่ารอบเอวนางมีแส้พันอยู่ ยังมิทันจะได้สติกลับมา แส้ที่รัดเอวแน่น ก็ถูกกระตุกขึ้น. ทำให้หยวนชิงหลิงลอยขึ้นไปบนฟ้าและทะลุเข้าไปยังในรถม้าคันหนึ่งในทันที เมื่อยามที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น พลันเห็นใบหน้าของฮุ่ยติ่งโหวขึ้นมา เลือดที่ไหลเวียนในทั่วร่างของหยวนชิงหลิงพลันแข็งค้างไปในทันใด พร้อมกับเสียงของหัวใจที่เต้นรัว ไม่นะ ปล่อยนางลงเดี๋ยวนี้ นี่ยังมิใช่เวลาที่ดี. นางยังไม่ได้เตรียมแผนการรับมือเลย
ฮุ่ยติ่งโหวพลันแย้มยิ้มเล็กน้อย "ต้องขออภัยคุณชายด้วย"
"ท่านต้องการทำอันใดกันแน่? ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้! " หยวนชิงหลิงพลันพยุงตนเองให้ลุกขึ้นมา แล้วพูดออกมาด้วยท่าทีขุ่นเคือง
ฮุ่ยติ่งโหวพลันใช้สายตาจ้องมองนางด้วยท่าทีที่คุกคาม ราวกับว่านางเป็นอาหารจานใหญ่อันโอชะ ความปราถนาในแววตาที่ปกปิดไม่มิด ฮุ่ยติ่งโหวพลันนำฝ่ามือใหญ่มาบีบคางของนางด้วยความรุนแรง หยวนชิงหลิงเจ็บปวดจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ พร้อมทั้งนึกขึ้นมาได้ว่า คนผู้นี้ชอบใช้ความรุนแรง ภายในใจของนางก็รู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น เมื่อมือของฮุ่ยติ่งโหวปล่อยออกมาจากใบหน้าของนางแล้วนั้น เพียงชั่วครู่ ก็ใช้มือจิกหัวของหยวนชิงหลิงขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยมือข้างเดียว
"ที่แท้เป็นเพียงสตรีงั้นหรือ " รอยยิ้มของฮุ่ยติ่งโหวพลันลึกขึ้น ริมฝีปากที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ ลมหายใจที่เป่าลดใบหน้าของหยวนชิงหลองนั้น ทำให้หยวนชิงหลิงแทบจะอาเจียนออกมาในทันที
สมองของนางพลันครุ่นคิดแผนการออกมาอย่างรวดเร็ว หากผู้ที่มีแนวโน้มจักชอบใช้ความรุนแรงเช่นนี้ หากพบเจอกับการต่อต้านแล้วนั้น ภายในใจของเขาจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง นางไม่สามารถต่อต้านเขาได้! เช่นนั้น. นางจักทำอย่างไรดี ? หยวนชิงหลิงมิคิดเลยว่า. เขาจะกล้าลงมือบนท้องถนนเช่นนี้ได้ เขามีความรู้สึกเกรงกลัวต่อโทษทัณฑ์บ้างหรือไม่ ? เมื่อคิดถึงเมื่อตอนนางลอยอยู่บนอากาศนั้นแล้ว มีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็นอย่างแน่นอน แม้ว่าจะพบเห็น ก็คงจะคิดว่าเป็นเพียงเงาที่ผ่านไปเท่านั้น ผู้ใดจะไปคิดกันว่าคนในรถม้าจะกล้าลักพาตัวสาวชาวบ้าน?
หยวนชิงหลิงพยายามปรับลมหายใจอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างกายที่ถอยไปด้านหลัง ฝ่ามือที่วางอยู่บนรถม้า. พร้อมกับเลียริมฝีปากตนเองอย่างแผ่วเบา แล้วจึงเผยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ออกมา "เป็นสตรีแล้วอย่างไรกัน ? ท่านดูถูกสตรีเพศงั้นหรือ ?"
ฮุ่ยติ่งโหวพลันตกตะลงไปชั่วครู่ มิทันได้คาดคิดว่า สตรีตรงหน้าจะเปลี่ยนจากความตื่นตระหนกตกใจเมื่อครู่มาเป็นจุดสนใจเช่นนี้ได้. หากแต่. มารยาของสตรีเช่นนี้ เขาเห็นมาจนบ่อยเสียแล้ว จึงแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย "จะไปกล้าดูถูกสาวน้อยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ? เช่นนั้น ข้าขอเชิญสาวน้อยไปดื่มสุราสักจอกและพูดคุยเรื่องบทกลอนเมื่อครู่ดีหรือไม่ ?"
แต่เดิม ซวีอีได้ตามหลังหยวนชิงหลิงมาห่างๆ. ทว่า หลังจากรถม้าขับผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เขาก็มิเห็นพระชายาแล้ว. ซวีอีจึงคิดว่า พระชายาอาจจะเข้าไปในร้านค้าเพื่อซื้อของ จึงได้รั้งรออยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง. ก็ยังมิพบเห็นพระชายาเดินออกมา ซวีอีพลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใด จึงรีบวิ่งเข้าไปหาพระชายาภายในร้านค้านั้น ทว่า. เขาก็มิพบเห็นร่างของพระชายาเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของซวีอีพลันซีดลงในทันใด รถม้าที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ เป็นของฮุ่ยติ่งโหวเป็นแน่
ซวยแล้ว นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว ! เขาพลันรีบใช้วิชาตัวเบาวิ่งไปที่ประตูเจ้ากรมการพระนครทันที
ทังหยางเห็นซวีอีวิ่งเข้ามาด้วยความสิ้นหวัง แม้แต่จะหายใจก็ยังมิทัน ทังหยางจึงจับไหล่ทั้งสองข้างพร้อมกล่าวถามว่า "พูด เกิดอะไรขึ้น?"
"พระชายา พระชายา" ซวีอีพลันตบหน้าตนเองครั้งหนึ่ง เพื่อให้ตนเองพูดออกมาเป็นปกติ "ถูกฮุ่ยติ่งโหวจับตัวไปแล้ว"
สีหน้าของทังหยางพลันแปรเปลี่ยนไป "มิใช่ว่าเจ้าคอยลอบติดตามอยู่หรือ ?"
"ข้าดูไม่ทัน รีบไปรายงานต่อท่านอ๋องเร็ว" ซวีอีกังวลเสียจนปอดของตนเองจวนจะระเบิดออกมาแล้ว
ทังหยางพลันรีบเดินเข้าไปด้านในทันที อวี่เหวินฮ่าวที่กำลังพูดคุยกับท่านเจ้าเมืองอยู่นั้น เมื่อเห็นสีหน้าของทังหยางที่แปรเปลี่ยนเป็นซีดผือดขึ้นมา พร้อมทั้งทวงท่าการเดินที่ผิดปกติไป ก็รับรู้ได้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น อวี่เหวินฮ่าวพลันกล่าวกับท่านเจ้าเมืองว่า "เจ้าออกไปก่อน "
"พะยะค่ะ "เมื่อท่านเจ้าเมืองขอตัวลากลับไปแล้ว
อวี่เหวินฮ่าวพลันเงยหน้าขึ้นมามองทังหยางในทันที "เกิดอะไรขึ้น ?"
ทังหยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า "พระชายาถูกฮุ่ยติ่งโหวลักพาตัวไปพะยะค่ะ"
อวี่เหวินฮ่าวพลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที " อะไรนะ ? เขากล้าลงมือกับคนของจวนฉู่อ๋องเชียวหรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวไม่รู้ถึงการกระทำของหยวนชิงหลิงที่ผ่านมา จึงคิดว่าฮุ่ยติ่งโหวเดินทางมาก่อเหตุต่อคนในจวนฉู่อ๋อง พร้อมทั้งลักพาตัวหยวนชิงหลิงไป
"มิใช่พะยะค่ะ ไม่กี่วันมานี้ พระชายามักจะออกไปครั้งนอกบ่อยครั้ง กระหม่อมจึงได้สั่งให้ซวีอีติดตามไม่ขาด เกรงว่าเรื่องคงจะเกิดเหตุที่นอกจวนพะยะค่ะ"
"เรียกซวีอี! "อวี่เหวินฮ่าวตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด นางไม่ระมัดระวังตนเองถึงขนาดนี้เชียวหรือ ?
ซวีอีพาหัวสมองที่ว่างเปล่าเดินเข้ามา ไม่กล้าที่จะสบตากับอวี่เหวินฮ่าวที่กำลังเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ "สองวันที่ผ่านมานั้น. กระหม่อมล้วนแต่เฝ้าติดตามพระชายาพะยะค่ะ วันนี้พระชายายังสวมใส่อาภรณ์บุรุษเพื่อไปที่ชิงเฉิงเสี่ยวจู๋เพื่อฟังการขับร้องบทกลอน จึงได้พบกับฮุ่ยติ่งโหว เมื่อออกมาจากชิงเฉิงเสี่ยวจู๋แล้ว ฮุ่ยติ่งโหวก็ได้นำรถม้าเข้าไปขวางทางพระชายา หากแต่พูดคุยอันใด กระหม่อมมิได้ยินพะยะค่ะ หากแต่ พระชายาเพียงตอบกลับไปเพียงสองประโยคเท่านั้น. แล้วจึงเดินจากไป กระหม่อมติดตามพระชายาไปตลอดทาง ผ่านไปครู่หนึ่ง รถม้าของฮุ่ยติ่งโหวจึงขับผ่านไป. เพียงครู่หนึ่ง กระหม่อมก็มิพบตัวพระชายาแล้วพะยะค่ะ กระหม่อมสงสัยว่า. พระชายาอาจจะถูกฮุ่ยติ่งโหวลักพาตัวไป"
"สตรีใส่ชุดบุรุษงั้นหรือ? นางต้องการโบยบินหรืออย่างไร ?"อวี่เหวินฮ่าวพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโห นางมิรู้ว่า ตนเองมีศัตรูรอบด้านเลยงั้นหรือ ? ถึงกล้าแต่งอาภรณ์บุรุษออกไปวิ่งเล่นด้านนอกเช่นนี้ คนเช่นนี้ หากไม่ตายก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว
"มิต้องไปสนใจนาง ปล่อยให้นางตายไปเสีย"อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่เย็นชา.