ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 75 ไปเดินเล่น
หยวนชิงหลิงหยิบหูฟังทางการเเพทย์ขึ้นมา "อย่าไปพูดถึงเขาอีกเลย หม่อมฉันจะตรวจพระอาการให้นะเพคะ"
ไท่ซั่งหวงที่ทรงคุ้นเคยกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็นอนลงอย่างว่าง่าย เขาถลกฉลองพระองค์ออก แล้วรอให้เจ้าวัตถุเย็นๆนั่นสัมผัสแนบลงไปบนหัวใจ เขาชำเลืองมองหยวนชิงหลิง "ข้าอยากฟัง"
หยวนชิงหลิงนำสเต็ตโทสโคปไปคล้องไว้ที่หูของเขา แล้วยัดลงไปพลางกล่าวว่า "ตั้งใจฟังนะเพคะ นับจำนวนด้วย"
ไท่ซั่งหวงหายใจ เขาฟังเสียงหัวใจตนเองเต้น เหมือนเสียงเพลงกล่อมนอนจริงๆ
"เท่าไรแล้วเพคะ?" หยวนชิงหลิงกะเวลาว่า 1 นาทีได้ผ่านไปแล้ว และได้เอ่ยถามขึ้น
"56 ครั้ง" ไท่ซั่งหวงยิ้มจนเห็นฟัน พระทนต์ของพระองค์เหลืองมาก
หยวนชิงหลิงรับกลับมาฟัง "ยังไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐาน แต่ก็ทรงมีการพัฒนา"
ฉางกงกงหันมาถามด้วยความสงสัย "ของชิ้นนี้สนุกหรือไม่? ให้กระหม่อมลองดูหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?"
หยวนชิงหลิงยิ้มและยื่นให้กับเขา "ได้สิ คล้องไว้กับหูนะ แล้วแนบลงไปตรงหัวใจ ก็จะได้ยินเสียงหัวใจเต้น"
ฉางกงกงทำตามคำชี้แจงของหยวนชิงหลิง เขาเลิกคิ้วพลางพูดอย่างอัศจรรย์ใจ "แปลกจริง เหมือนเสียงตีกลองเลย ตุ้บๆๆ"
เขาดูท่าทางไม่ค่อยอยากส่งคืนให้กับหยวนชิงหลิงเท่าใดนัก "เจ้าของชิ้นนี้ไปซื้อที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ? โปรดซื้อมาให้กระหม่อมสักชิ้น"
"เดี๋ยวข้าจะกลับไปถามดูนะ หากยังมีอยู่จะซื้อมาให้ท่าน ท่านรับผิดชอบตรวจเสียงเต้นของหัวใจให้กับไท่ซั่งหวงทุกวันเลยนะ" หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้น
"ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!" ฉางกงกงตอบรับอย่างเต็มใจ
ฝูเป่าส่งเสียงแล้ววิ่งเข้ามา มันถูตัวไปที่เท้าของหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงก้มลงไปอุ้มฝูเป่า ฝูเป่าเลียมือของนาง ทำเอาจั๊กจี้ หยวนชิงหลิงแตะไปที่ลิ้นของมัน "ซนจริง!"
ฝูเป่าน้ำลายยืด ท่าทางพออกพอใจ
"ฝูเป่าไม่ค่อยจะยอมเข้าใกล้ผู้ใดง่ายๆ" ฉางกงกงเอ่ยขึ้น
"สุนัขมีความสามารถพิเศษ มันรู้จักแยกแยะ" หยวนชิงหลิงลูบหัวฝูเป่า "ใช่หรือเปล่าจ๊ะฝูเป่า?"
ฝูเป่าเห่า 2 ครั้ง ถือเป็นการตอบรับ
"โอ้โห" ฉางกงกงมองดูฝูเป่าและหัวเราะ "ทำไมถึงดูเหมือนฟังรับสั่งของพระชายารู้เรื่องเลยล่ะ?"
"ก็ต้องฟังรู้เรื่องน่ะสิ ฝูเป่าเป็นเด็กฉลาด" หยวนชิงหลิงวางฝูเป่าลง "ไป ไปนำเสื้อคลุมของไท่ซั่งหวงมานะ เดี๋ยวพวกเราจะไปเดินเล่นกับไท่ซั่งหวงกัน"
ฝูเป่ากระดิกหางดุ๊กดิ๊กและวิ่งไป
ฉางกงกงยิ้ม "พระชายาทรงทำเหมือนกับว่ามันเป็นคนเลยนะพ่ะย่ะค่ะ? มันจะไปหยิบของได้อย่างไร? แล้วมันก็คงไม่รู้จักเสื้อคลุมด้วย"
หยวนชิงหลิงได้แต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน ฝูเป่าก็คาบเสื้อคลุมวิ่งกลับมา เสื้อคลุมลากพื้น แต่มันก็วิ่งอย่างปราดเปรียว ไม่ได้เหยียบโดนเสื้อ มันคาบเสื้อลากมาตามทาง
พื้นตำหนักสะอาดเอี่ยม ปราศจากฝุ่นละออง
ไท่ซั่งหวงเบิกตาโต "ฟังภาษาคนรู้เรื่องจริงๆหรือนี่?"
ฉางกงกงถึงกับยืนอึ้ง "เป็นไปได้อย่างไร?"
หยวนชิงหลิงยิ้มและนั่งยองๆ นางยื่นมือให้กับฝูเป่า "มือ!"
ฝูเป่านั่งลงและยื่นมือมาให้หยวนชิงหลิงอย่างว่าง่าย ลิ้นห้อยออกมา ดูเหมือนสุนัขยิ้ม
รอยยิ้มของสุนัขช่างชโลมใจมนุษย์ได้ดีเหลือเกิน รอยยิ้มนี้ ทำเอาไท่ซั่งหวงสุขใจเป็นที่สุด
"อีกข้างหนึ่ง!" หยวนชิงหลิงเอ่ย
ฝูเป่ารีบวางมือลง แล้วยื่นมืออีกข้างหนึ่งไปวางไว้บนฝ่ามือของหยวนชิงหลิง
"ดีมาก!" หยวนชิงหลิงลูบหัวมัน ฝูเป่าดีใจและวิ่งไปรอบๆหยวนชิงหลิง
"ฝูเป่ามานี่!" ไท่ซั่งหวงเรียก
ฝูเป่ารีบวิ่งไปทันที มันกระโดดขึ้นไปนั่งบนขาของไท่ซั่งหวง ไท่ซั่งหวงสวมกอดมัน "โอ้โห ไม่คิดว่าเจ้าจะฟังคำสั่งคนได้ดีถึงเพียงนี้ เก่งจริงๆเลย"
เสียงเฮฮาจากภายในตำหนักเฉียนคุนดังแว่วออกมา ผู้คนที่อยู่ไกลออกไปก็สามารถได้ยินได้
ความเคลื่อนไหวภายในตำหนักเฉียนคุน แพร่ไปถึงพระกรรณของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้
"พระชายาทรงหยอกล้อกับฝูเป่า ฝูเป่าเชื่อฟังคำสั่ง ไท่ซั่งหวงทรงพระสำราญยิ่งนัก"
"พระชายารับสั่งว่าจะพาไท่ซั่งหวงออกไปเดินเล่น ไท่ซั่งหวงทรงตกลง"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้รับฟังคำกราบทูลต่างๆ พระองค์รู้สึกคลายความกังวลในพระทัย นานมากแล้วที่ไท่ซั่งหวงไม่ยอมเสด็จออกมาจากตำหนักเฉียนคุน ตอนนี้กลับยินยอมที่จะเสด็จออกมา นับเป็นเรื่องดีเหลือเกิน ดูเหมือนว่า ชายชราผู้นี้จะถูกอกถูกใจหลานสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก! เจ้าอ๋องห้าที่จับพลัดจับผลู ดันไปเลือกหญิงสาวผู้เลอค่ามาเสียได้
แสงอาทิตย์สาดส่อง
ไท่ซั่งหวงมีหยวนชิงหลิงคอยประคอง เขายกมือขึ้นมาป้องแสงอาทิตย์ แล้วถอนหายใจพูดว่า "โลกใบนี้ นับว่างดงามไม่น้อยเลย"
หยวนชิงหลิงยิ้มและตอบกลับไปว่า "พระองค์จะต้องเสด็จออกมาเดินเล่นบ่อยๆนะเพคะ ร่างกายมนุษย์เราก็เปรียบเสมือนเครื่องจักร หากไม่เคลื่อนไหวเสียเลย ระบบกลไกก็จะสึกหรอ"
เมื่อไท่ซั่งหวงได้ฟังคำพูดนี้ก็ครุ่นคิด "คำพูดนี้ของเจ้า ข้าเคยได้ยินแล้ว"
ตอนที่หยวนชิงหลิงพูดคำนี้ขึ้นมา นางเผลอลืมตัวเสียได้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ได้พูดออกไปจนหมดแล้ว เอากลับคืนมาไม่ได้เสียแล้ว
ระหว่างที่กำลังวิตกกังวล ก็ได้ยินไท่ซั่งหวงรับสั่งเช่นนั้นขึ้นมาอีก นางอดไม่ได้ที่จะตกใจ "ไท่ซั่งหวงทรงเคยได้ยินมาแล้วหรือเพคะ?"
"ใครเป็นคนพูดนะ?" ไท่ซั่งหวงหันไปถามฉางกงกง
ฉางกงกงส่ายหน้า "กระหม่อมไม่เคยได้ยินมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ"
"จะไม่เคยได้ยินได้อย่างไร? คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก" ไท่ซั่งหวงตรัสอย่างขุ่นเคือง "ความจำเจ้านี่แย่จริงๆ"
"กระหม่อมชรามากแล้ว ความจำไม่ดีพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงถอนหายใจ
"ไท่ซั่งหวงทรงลองนึกดูดีๆสิเพคะ ว่าผู้ใดเป็นคนพูดกันแน่?" หยวนชิงหลิงรีบเอ่ย
ไท่ซั่งหวงหยุดเดิน เขาพยายามใช้สมองครุ่นคิด "อ๋อ จำได้แล้ว เซียวเหยากงเป็นคนพูด"
"เซียวเหยากง?" ในหัวของหยวนชิงหลิงไม่มีข้อมูลใดๆของคนคนนี้เลย
"เจ้าไม่รู้จักเซียวเหยากงหรอก เขาแก่มากแล้ว" ไท่ซั่งหวงท่าทางไม่สู้ดี ดูเหมือนว่าเขาจะนึกไปถึงเรื่องราวในอดีต "เขาแก่กว่าข้าหลายปี เมื่อนานมาแล้วก็ได้ข่าวว่าเขาป่วยสารพัดโรค ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ไท่ซั่งหวงโปรดวางพระทัย เซียวเหยากงยังพอแข็งแรงดีอยู่พ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงเอ่ย
หยวนชิงหลิงอยากรู้เหลือเกินว่าเซียวเหยากงเป็นใครกันแน่ "แล้วท่านเซียวเหยากงผู้นี้อาศัยอยู่ที่ใด? เขาเป็นคนที่ไหน?"
"อยู่ในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ เป็นชาวเมืองหลวงนี่เอง สมัยที่ไท่ซั่งหวงยังครองราชย์ เขาเป็นโสวฝู่ จากนั้นได้ลาออกไปเนื่องจากปัญหาสุขภาพ การจากลาครั้งนี้ ได้จากลาไปนานหลายปีเลยพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงตอบ
หยวนชิงหลิงจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาส จะต้องไปเยี่ยมท่านเซียวเหยากงผู้นี้ให้ได้
วันนี้อากาศแจ่มใส นายหญิงจากแต่ละตำหนักจำนวนไม่น้อยพากันออกมาเดินเล่น แม้แต่พระสนมเซียนเองก็เช่นเดียวกัน นางเดินนำมามาคนสนิทออกมารับแสงอาทิตย์ ดอกกุ้ยฮวาเบ่งบานส่งกลิ่นหอมอบอวล ฮองเฮาก็ถูกเย้ายวนให้เสด็จออกมาเช่นเดียวกัน นางนั่งพูดคุยอยู่กับกุ้ยเฟยและพระสนมเซียนอยู่ที่ศาลาเหลียงถิง กุ้ยเฟยตี๋ซื่อ พระบิดาของนางเป็นแม่ทัพใหญ่นามว่าตี๋เว่ยหมิง เขามีลูกชาย 1 คนและลูกสาว 1 คน ลูกชายคืออ๋องสี่ อวี่เหวินอัน ส่วนกุ้ยเฟยเป็นพระสนม กำเนิดในตระกูลทหาร อยู่ในวังโดยที่ไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด นางนั่งอยู่กับฮองเฮา ท่าทางองอาจสง่างาม วางตัวดีและดูหนักแน่น ดูคล้ายฮองเฮาเล็กน้อย แต่กุ้ยเฟยมักจะพูดคุยกับฮองเฮาและพระสนมเซียนได้ไม่เท่าไร นางเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา และไม่ค่อยสนใจหัวข้อการสนทนาของเหล่าสตรี วันนี้นางเป็นฝ่ายมานั่งที่ศาลาก่อน เมื่อพระสนมเซียนเสด็จมา ตามมาด้วยฮองเฮา นางไม่สามารถปลีกตัวจากไปได้ในทันที
ในขณะที่มองไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเพ่งมองดีๆแล้ว นางก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เชื่อสายตา "นั่นไท่ซั่งหวงนี่เพคะ? ผู้อาวุโสไยวันนี้จึงออกมาเดินข้างนอกได้?"
ฮองเฮาและพระสนมเซียนหันไปมองตามนาง ก็มองเห็นไท่ซั่งหวงกำลังเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบ
"ผู้ที่กำลังประคองไท่ซั่งหวงอยู่ แต่งตัวไม่เหมือนนางกำนัลเลย" กุ้ยเฟยกล่าว
ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล มองใบหน้าได้ไม่ชัดเจน พระสนมเซียนพยายามเพ่งสายตา ก็ยังไม่อาจมองเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ใด
แต่ฮองเฮากลับทรงมองออก นางตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย "นั่นคือพระชายาฉู่อ๋อง"
พระสนมเซียนตกใจ "ใช่นางหรือเพคะ?"
ฮองเฮาทรงแย้มพระสรวลเล็กน้อย พลางทอดพระเนตรไปที่พระสนมเซียน "เป็นลูกสะใภ้ของตัวเองแท้ๆ พระสนมเซียนกลับมองไม่ออกเชียวหรือ?"
เมื่อพระสนมเซียนได้ฟังคำพูดประชดประชันเช่นนั้นแล้วก็ยิ้มเพียงเล็กน้อย "หม่อมฉันสายตาไม่ค่อยดี ไม่ปราดเปรื่องเฉกเช่นฮองเฮาเพคะ"
เอาอีกแล้ว! กุ้ยเฟยกลอกตาไปมา นางไม่ชอบเวลาที่ผู้หญิงอยู่ต่อหน้ากันแล้วพูดจาประชดประชันเสียดสีกันเช่นนี้เลย มีอะไรจะพูดกันตรงๆไม่ได้หรืออย่างไร?
นางลุกขึ้นยืน "หม่อมฉันจะไปถวายบังคมไท่ซั่งหวงนะเพคะ"