หมอหลวงเฉายังคงเดินทางมาดูแลบาดแผลให้กับอวี่เหวินฮ่าวในทุกๆวันนั้น ได้เอ่ยถามกับท่านอ๋องว่า เขาควรทำเช่นไรกับรอยเย็บนี้ดี ทังหยางจึงได้สั่งให้คนไปเรียกตัวหยวนชิงหลิงเข้ามา
หยวนชิงหลิงเพียงเอ่ยกับหมอหลวงเฉาว่า "นี้เป็นไหมโปรตีน ร่างกายของมนุษย์จักสามารถดูดซึมมันเข้าไปได้เอง มิจำเป็นต้องไปจัดการกับมัน"
"โปรตีนสามารถนำมาทำเป็นไหมเช่นนี้ได้ด้วยหรือพะยะค่ะ ? ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง" หมอหลวงเฉาพลันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
อวี่เหวินฮ่าวได้ยินเช่นนั้น พลันรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก "เช่นนั้น เปิ่นหวางต้องอยู่กับไหมพวกนี้ไปจนตายเลยงั้นหรือ ?"
"เพคะ เมื่อไหมยังอยู่ คนก็ยังอยู่ เมื่อไหมหายไป คนจึงตายจาก" หยวนชิงหลิงพลันหัวเราะออกมาด้วยความเยาะเย้ย
เมื่อสองวันที่ผ่านมานั้น นางรู้สึกถึงความเข้ากันได้ดีพอสมควร รวมไปถึงวาจาที่เอ่ยเยาะเย้ยซึ่งกันและกัน
ซวีอีชื่นชมทักษะการแพทย์ของท่านหมอหลวงเฉาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นหมอหลวงจัดการรอยแผลของท่านอ๋องเสร็จแล้ว จึงรีบร้อนกล่าวถามว่า "ท่านหมอหลวง ไม่กี่วันมานี้ ข้ารู้สึกร่างกายมิค่อยสบาย ท่านช่วยดูอาการให้ข้าได้หรือไม่ ?"
"องค์รักษ์ซวีรู้สึกไม่สบายที่ใดกัน ?" หมอหลวงเฉาพลางกล่าวด้วยความเป็นมิตร มิได้คิดว่าซวีอีเป็นทหารผู้หนึ่งเท่านั้น
"ไม่กี่วันมานี้ ข้ารู้สึกง่วงอยู่ตลอดเวลา สมองรู้สึกสับสนงุนงงนิดหน่อย อีกทั้งยังชอบตดเป็นอย่างมาก หากแต่กลิ่นของตดนั้นก็เหม็นมากเช่นกัน กลิ่นปากก็เหม็นด้วย ผมมักจะมีความมัน อีกทั้ง. ที่บั้นท้ายยังมีสิวขึ้นมาอีก ท่านหมอหลวง ท่านลองเข้ามาสิ. ข้าจักเปิดให้ท่านดูอาการ ข้ากลัวว่า " ในขณะที่ซวีอีพูดอยู่นั้น เขาก็ลากท่านหมอหลวงเฉาไปยังด้านหลังฉากกั้นทันที
หยวนชิงหลิงที่นั่งอยู่เบื้องหน้าฉากกั้นนั้น พลันได้ยินเสียงซวีอีที่กำลังปลดเสื้อผ้าลงในทันที นางรู้สึกอับอายเล็กน้อย
น้ำเสียงของอวี่เหวินฮ่าวพลันเอ่ยขึ้นมาด้วยความโมโห "ซวีอี เจ้ากลับไปถอดเสื้อผ้าที่ห้องของเจ้าเสีย"
ภายในฉากกั้นนั้น พลันได้ยินเสียงผายลมอันลากยาวของซวีอีดังขึ้นมาทันที ด้วยกลิ่นที่รุนแรง ท้ายที่สุด ทุกอย่างพลันชะงักลงเมื่อได้เสียงผายลมของซวีอี
"เป็นกลิ่นเช่นนี้แหละท่านหมอหลวง ท่านดูสิ ข้าเป็นโรคอันใดกันแน่?" ซวีอีมิได้สนใจน้ำเสียงที่โมโหของอวี่เหวินฮ่าวเลยแม้แต่น้อย
หมอหลวงพลันรีบปิดจมูกและวิ่งหนีออกมาในทันที "ได้. องครักษ์ซวี ข้ารู้แล้วท่านเป็นโรคอันใด. ม้ามของท่านกำลังอ่อนแอ ก่อนข้ากลับไป. ข้าจักสั่งยาให้ท่านต้มกันสักสองเทียบ ข้าขอตัวลาก่อน"
หยวนชิงหลิงพลันกลั้นหายใขในทันที. กลิ่นตดนั้นทรีความรุนแรงเป็นอย่างมาก นางจึงรีบลุกขึ้นยืนวิ่งออกไปด้านนอก ทังหยางวิ่งตามออกมาอย่างๆติด อวี่เหวินฮ่าวยังนอนอยู่ที่เตียงของเขา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ยังไม่ได้สวมใส่ให้เรียบร้อยนั้น ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จักเดินออกมาด้านนอก เขาจึงทำได้เพียงกรนด่าซวีอีเสียยกใหญ่
ซวีอีไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นของตดตนเองได้นั้น. จึงรีบร้อนวิ่งออกมา
หยวนชิงหลิงที่กำลังนั่งอยู่ด้านหน้าโถงทางเดินนั้น พลันรับรู้ถึงสายลมที่พัดผ่านเข้ามา จึงทำให้นางรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกมา เมื่อเห็นนางที่เดินออกมานั่งอยู่หน้าห้องโถงด้วยความสบายอารมณ์นั้น เขาจึงลอบสังเกตุนาง ทั่วร่างนางดูตัวเล็กและบอบบางเป็นอย่างมาก เมื่อแสงแดดที่ส่องลอดผ่านใบไม้ลงมานั้น ก็ส่องลงมากระทบกับหัวนางในทันที จึงทำให้รู้สึกถึงความสงบในตัวนาง เขาลังเลเพียงครู่หนึ่ง แล้วจึงนั่งลงที่ด้านข้าง
"คิดอะไรอยู่ ?" อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เมื่อถูกซวีอีกระทำเช่นนั้น ภายในใจของเขารู้สึกสงบลงเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้ว. การริเริ่มคุยกับนางก่อน ก็มิได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นอันใด
"การตากแดดเช่นนี้ ช่วยในการเสริมสร้างแคลเซียม หม่อมฉันมิได้คิดอะไรเพคะ". อันที่จริง เมื่อครู่หยวนชิงหลิงกำลังนึกถึงคนที่จวนของจิ้งโหวส่งข่าวมาบอกกล่าว นางรู้ดีว่ามิใช่เรื่องอาการเจ็บป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นแน่ เป็นเรื่องที่จิ้งโหวต้องการคิดบัญชีกับนาง
"เสริมอะไรกัน ?" อวี่เหวินฮ่าวราวกับต้องการฟังให้แน่ใจอีกรอบหนึ่ง
"เสริม" หยวนชิงหลิงพยายามลืมมภาษาของตนเองไปซักพัก "เสริมสร้างสมอง ช่วงนี้สมองมิค่อยดีเพคะ"
"กลางแดดเช่นนี้ จะมาเสริมสร้างสมองอันใด? พูดอะไรไร้สาระจริง!" วันนี้อวี่เหวินฮ่าวอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก คงจะเป็นเพราะว่าอากาศที่สดใสเช่นนี้กระมัง
เขาหันไปเหลือบมองแววตาที่ส่องสว่างราวกับพระอาทิตย์ เพียงครู่หนึ่งถึงรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง. แล้วจึงรีบเดินออกมาในทันที
"การตากแดดมีประโยชน์เป็นอย่างมากเลยนะเพคะ. แล้วผู้คนก็มิได้โชคร้ายถึงเพียงนั้น" หยวนชิงหลิงพลันท้าวคางเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน
"สตรีอัปลักษณ์"
หยวนชิงหลิงพลันหันหน้าไปมองเขาในทันที "พวกเราต้องเพิ่มข้อเสมอไปอีกข้อหนึ่ง. คือห้ามไม่ให้ท่านอ๋องเรียกหม่อมฉันว่าสตรีอัปลักษณ์อีก หรือคำอันใดที่กล่าวหาว่าหม่อมฉันน่าเกียจ"
"เปิ่นหวางมิได้พูดเรื่องจริงอยู่หรอกหรือ ?"
"ต้องดูว่าท่านกำลังเปรียบกับผู้ใด " เนื่องจากความงานส่วนใหญ่ล้วนได้มาจากการเปรียบเทียบทั้งนั้น
"เปรียบเทียบกับเปิ่นหวางอย่างไร" อวี่เหวินฮ่าวพลางพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่มีชัย
หยวนชิงหลิงกำลังมองเขาด้วยแววตาสำรวจ สายตาจับจ้อองไปที่ทั่วไปหน้า
ทั่วใบหน้าของเขาราวกับปลกคลุมไปด้วยแสงที่นุ่มนวล. ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า. ผิวที่ขาวเนียนดั่งข้าวสาลี ใบหน้าที่ดูดีราวกับฟ้าประทาน ดวงตาดุจหงส์ ขนตาขึ้นเป็นแพยาว. แม้ว่าบนใบหน้าจะมีรอยแผลเป็นเพียงเล็กน้อย หากแต่ก็ยังให้ความรู้สึกสวยงามจนต้องหยุดหายใจ นางแพ้แล้ว เขาพูดถูก
เมื่อเก็บสายตาลงไป "ถ้าเช่นนั้น ท่านรีบหย่ากับข้าเสีย. แล้วรีบไปแต่งกับสตรีที่สวยกว่าข้าเข้ามาเป็นพระชายา
"
เขารู้สึกโมโหขึ้นมาในทันใด "นั่นเป็นเรื่องในอนาคต"
ผู้ที่อยากเข้ามาเป็นพระชายาของเขา มิใช่นางเป็นคนเลือกที่จะเข้ามาเองงั้นหรือ ?
อวี่เหวินฮ่าวพลันรีบเปลี่ยนประเด็นในทันที "เมื่อครู่ ทังหยางกล่าวว่า จวนโหวส่งคนมาส่งข่าวงั้นหรือ ?"
"อื้ม. บอกว่าท่านยายของหม่อมฉันป่วยเพคะ ให้หม่อมฉันกลับไปเยี่ยมเยียนนาง"
"เช่นนั้น เจ้ายังนั่งอยู่ที่นี่อีกหรือ ?"อวี่เหวินฮ่าวพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา "หม่อมฉันให้เหตุผลไปว่า ต้องคอยดูแลอาการของท่านอ๋อง เป็นหน้าที่ของพระชายาเช่นหม่อมฉัน จึงอยู่ที่นี่เพื่อดูแลท่านอ๋อง "
"ผู้ใดต้องการให้เจ้าคอยดูแลกัน" เขาพูดจบ จริงพูดกลับเข้าประเด็นด้วยท่าทีที่เฉยเมยว่า "พ่อของเจ้าใจร้อนน่าดูเลย"
"ขอบพระทัยสำหรับคำอวยพรเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันเกรงว่า นี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น" หยวนชิงหลิงพลันกล่าวขึ้นมา
อวี่เหวินฮ่าวจึงกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่โมโหว่า "ในเมื่อพวกเราคู่กันแล้ว ผู้ใดก็ห้ามพูดขึ้นมาอีก"
"แม้จะพูดขึ้นมาก็ไม่ได้งั้นหรือ. ท่านอ๋องท่านทำความผิดอะไรไว้กัน?"
"หยวนชิงหลิง !" อวี่เหวินฮ่าวพลันตะโกนออกมา เมื่อเห็นดวงตาที่ใส่ซื่อของหยวนชิงหลิงแล้ว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา พร้อมกับค่อยๆเก็บอารมณ์โมโหเมื่อครู่เข้าไป "เปิ่นหวางอดไม่ได้ที่จะอยากเย็บปากเจ้าเข้าด้วยกันเสียจริง"
สายตาของหยวนชิงหลิงพลันส่งสายตาแพรวพราวระยิบระยับออกมา "เย็บหรือ? เกรงว่าท่านอ๋องจะไม่เชี่ยวชาญเท่าหม่อมฉันนะเพคะ. หรืออีกอย่างหนึ่งคือ. ตรงนั้นของท่านอาการดีขึ้นหรือยังเพคะ ?"
อวี่เหวินฮ่าวหมดคำพูดที่จะกล่าวออกมา ขาพลันจิกแน่นอยู่ที่พื้น. พร้อมกัดฟันกล่าวออกมาด้วยความโมโหว่า "หากเจ้าพูดเรื่องนี้ออกมาอีก ข้าจักฆ่ายกโคตรเจ้า"
หยวนชิงหลิงพลันส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา พลันเห็นทังหยางพาคนส่งข่าวของจวนจิ้งโหวเดินเข้ามา
"พระชายา นี่เป็นคนส่งข่าวของจวนจิ้งโหวพะยะค่ะ" ทังหยางกล่าว
หยวนชิงหลิงพลางเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย "มีอะไรงั้นหรือ ?"
เมื่อข้ารับใช้ผู้นั้นเห็นหยวนชิงหลิง. จึงรีบร้อนนั่งคุกเข่าลง "นู๋ไฉเข้าเฝ้าท่านอ๋อง เข้าเฝ้าพระชายาขอรับ"
"มีเรื่องอันใด?" ฉู่อ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ข้ารับใช้เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่น่ากลัวเช่นนี้ ริมฝีปากพลันสั่นเล็กน้อย "เป็น ท่านโหวให้กระหม่อมมาส่งข่าวให้พระชายาพะยะค่ะ. ในยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยหนักเป็นอย่างมาก จึงอยากจะเชิญพระชายา หากมีเวลาว่างให้กลับไปเยี่ยมเยียน"
"ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ว่าง ข้ายังต้องคอยดูแลท่านอ๋องอีก " หยวนชิงหลิงพลางลุกขึ้นยืน พร้อมเอื้อมมือไปคล้องแขนท่านอ๋อง "ท่านอ๋องเพคะ. ยามนี้ลมแรงยิ่งนัก ไม่ควรตากลมนานจนเกินไปนะเพคะ หม่อมฉันจักรีบพาท่านเดินเข้าไปในตำหนัก"
อวี่เหวินฮ่าวพลางวางมือของเขาบนฝ่ามือของนาง พร้อมกำมือทั้งคู่ด้วยความแน่น แล้วจึงลุกขึ้นยืน โดยมีหยวนชิงหลิงคอยพยุงเดินเข้าไป "อื้ม ข้าย่อมต้องเชื่อฟังพระชายา"
เพียงนิดเดียวนางเกือบจะปล่อยให้อวี่เหวินฮ่าวลมลงไปกับพื้น พร้อมทั้งใช้แรงในการพยุงเขาเดินเข้าตำหนักไป. ด้วยสีหน้าที่แดงกร่ำ หากแต่ก็มิกล้าปล่อยอารมณ์โมโหออกไป
"เจ้าเห็นหรือยัง? พระชายาต้องคอยดูแลท่านอ๋อง หากฮูหยินผู้เฒ่าป่วยหนักมากนัก จวนฉู่อ๋องมีหมอหลวงอยู่ ข้าจักเรียกหมอหลวงไปดูอาการให้" ทังหยางกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงรีบผลักอวี่เหวินฮ่าวออกทันที พร้อมกล่าวว่า "ทังหยางช่างมีความคิดดีจริงๆ เมื่อส่งหมอหลวงเฉาไปดูอาการนั้น เพื่อให้เห็นว่าหม่อมฉันกังวลในอาการของฮูหยินผู้เฒ่า"
ทังหยางรู้ดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจ็บป่วยเป็นเรื่องจริง. และยังรู้ว่า พระชายาให้ความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้มาก เขาจึงกล่าวออกไปโดยธรรมชาติว่า "พะยะค่ะ"
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว. ข้ารับใช้จึงได้พา หมอหลวงเฉากลับจวนไปตรวจดูอาการให้กับฮูหยินผู้เฒ่าที่จวนโหว
จิ้งโหวยังรอคอยคำตอบอยู่ที่ห้องตำรา เมื่อได้ยินข้ารับใช้กล่าวขึ้นมาว่าท่านอ๋องและหยวนชิงหลิงมีความสนิทสนมกันเพิ่มมากขึ้น จิ้งโหวพลันขมวดคิ้วลง นี่มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ท่านอ๋องนั้นเกลียดหยวนชิงหลิงเสียจนไม่อยากที่จะอยากร่วมหอกับนาง เมื่อดื่มเลือดของนางแล้ว พวกเขาจะสนิทสนมกันได้อย่างไร?
เขาไม่อยากที่จะถามรายละเอียดมากนัก จึงได้แต่เชิญท่านหมอหลวงเฉาเข้ามาถามไถ่ด้วยอีกคน
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่า นี้เป็นหมอหลวงที่หยวนชิงหลิงเรียกมาให้ตรวจดูอาการ นางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อท่านหมอหลวงเฉาตรวจดูชีพจรได้ไม่นานนัก. พลันกล่าวขึ้นมาว่า "ภายในปอดของฮูหยินผู้เฒ่ามีความชื้นอยู่มาก จึงทำให้มีอาการไอมากขึ้น กระหม่อมจะสั่งยาให้ฮูหยินผู้เฒ่า หากท่านสามารถดื่มยาติดต่อกันไปสองเดือน แม้ว่าจะไม่ทำให้อาการหายขาดไปนั้น ทว่า มันจะช่วยบรรเทาอาการได้มากขึ้น"
"ต้องรบกวนท่านหมอหลวงแล้ว" ฮูหยินผู้เฒ่าพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
MANGA DISCUSSION