นางรู้สึกแยกไม่ออกระหว่างความเป็นจริงและโลกแฟนตาซี นางจึงผลักกล่องยากล่องยากลับไปไว้ใต้เตียงอย่างสั่นๆ เพียงแต่ในขณะที่กล่องยาเข้าไปใต้เตียงนั้นมันก็หายวับไป
นางไม่กล้าหายใจเป็นเวลาสามวินาที เอื้อมมือไปคลำสัมผัสที่ใต้เตียงก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
นางตัวสั่นเทิ้ม ค่อยๆคลานขึ้นไปบนเตียงและหอบหายใจอย่างหนัก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อยู่นอกเหนือจากขอบเขตความรู้ความเข้าใจของนางแล้ว ทั้งความรู้ทางวิชาชีพหรือความรู้ที่ไม่ใช่ทางวิชาชีพของนางต่างก็ไม่สามารถให้คำตอบให้แก่นางได้ มนุษย์เมื่อมีสิ่งที่ไม่รู้ต่างก็ย่อมมีความกลัวและนางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
ประตูถูกผลักเปิดออกพร้อมกับเสียงดัง "ปัง" หยวนชิงหลิงยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใครก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเย็นชาที่แทรกเข้ามารอบตัว เพียงรู้สึกเจ็บหนังศีรษะแล้วนางก็ถูกโยนลงจากเตียงลงไปที่พื้น
"เจ้าแกล้งตายเพื่อหลอกข้าหรือ? เจ้าไปตายเสียเดี๋ยวนี้หรือไม่
ก็ไสหัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าวังไปกับข้า" เสียงเย็นเยียบดังขึ้นเหนือศีรษะของนางและพลิกตัวนางอย่างหยาบคาย หลังโดนพื้น ความเจ็บปวดนี้ทำให้นางตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ยังไม่ทันที่จะสูดลมหายใจเข้า คางของนางถูกมือแข็งราวกับเหล็กหนีบอย่างแรง แรงนั้นแทบจะบดคางของนางจนแหลกละเอียด
ดวงตาที่เจ็บปวดของนางสบเข้ากับดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเขา ใบหน้าเย็นชาดูถูกและแสดงความเกลียดชังอย่างไม่มีปิดบัง "ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้เล่นตุกติกเป็นอันขาด หากเจ้าพูดเรื่องเหลวไหลต่อหน้าพระพันปีอีก ข้าจะเอาชีวิตเจ้า"
หยวนชิงหลิงเจ็บมากจนรู้สึกโกรธ ชีวิตคนในสายตาของพวกเขามันไร้ค่าหรือ? นางได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป
นางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของนางจับผมของเขาแล้วดึงลงมาคุกเข่าแล้วกระแทกศีรษะเข้ากับใบหน้าของเขา ด้วยการกระทำนี้นางเอาชีวิตเข้าแลกคิดโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย
ฉู่อ๋องอวี่เหวินฮ่าวคิดไม่ถึงว่านางจะกล้าตอบโต้กลับ และยังเอาหัวของนางมาโขก เขาไม่ทันได้หลบจึงโดนกระแทกเสียจนหน้ามืดและเวียนหัวไปชั่วขณะ
หยวนชิงหลิงแทบจะเป็นลมแล้ว แต่ก็กัดฟันอดทน ใช้โอกาสก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติ นางคุกเข่าบนหลังมือ เลือดไหลออกจากปากและผมยาวของนางก็ตกลงราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว "ท่านทำอะไรอย่าให้เกินไปนัก ทำไมจึงต้องกลั่นแกล้งข้าขนาดนี้ด้วย!"
ฝ่ามือของเขาฟาดลงบนใบหน้าของนาง
ศีรษะของนางเอียงไปอีกข้าง ภาพด้านหน้ามืดดำ นางได้ยินเพียงเสียงฉีมามารีบก้าวเข้ามาอย่างเลือนราง "ท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ!"
แต่ฉู่อ๋องไม่ได้ปราณีนางเลย มีอีกฝ่ามือฟาดลงไปอีก หลังจากที่เขาโกรธจนคลั่งแล้วเขาก็เห็นเลือดที่อยู่ด้านหลังของหยวนชิงหลิงและกล่าวอย่างเย็นชา "ทำแผลให้นาง เปลี่ยนเสื้อผ้า พันแผลให้แน่นแล้วเอาน้ำแกงจื่อจินให้นางกินเพื่อให้นางทนได้สักครึ่งวัน"
หยวนชิงหลิงเห็นรองเท้าบู๊ตสีดำปักด้วยดิ้นทองค่อยๆห่างออกไปจากคลองสายตา ลมหายใจของนางค่อยๆผ่อนคลายลง
ฉีมามาและลู่หยาก้าวเข้ามาพยุงนางขึ้น ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเพียงช่วยประคองนางไปนอนคว่ำที่เตียง ตอนที่พวกเขาตัดเสื้อผ้าของนางออกพวกเขาก็ตกใจอย่างมาก
ลู่หยาพูดด้วยเสียงสะอื้น "โบยสามสิบที พวกเขาไร้ความปรานีจริงๆ พวกเขาโบยจริงๆ"
"รีบไปเอาน้ำร้อน ผงยาและทำน้ำแกงจื่อจินมา!" ฉีมามาสั่งอย่างใจเย็น
หยวนชิงหลิงเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่โดนตัดเสื้อออก มันทำให้เนื้อที่ติดกับเสื้อผ้าถูกดึงไปด้วย ร่างกายของนางสั่นสะท้าน แต่นางไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลยสักคำ ราวกับมีไฟเผาในลำคอของนางและนางก็พูดออะไรไม่ออกเลยสักคำ
ล้างแผล ขูดเลือดออกและทายา นางอดทนกับกระบวนการทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆราวกับมันเป็นเพียงฝันร้ายและนางจะสบายดีเมื่อนางตื่นขึ้นมา
นางได้ยินลู่หยาถาม "มามา จะให้ดื่มน้ำแกงจื่อจินจริงๆหรือ?"
"ดื่มเถอะ หากไม่ดื่มเข้าไปเกรงว่างจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว" ฉีมามาถอนหายใจหลังพูดจบ
"แต่น้ำแกงจื่อจินนี้… "
"อย่าพูดมาก รีบพยุงพระชายาขึ้น"
หยวนชิงหลิงถูกยกขึ้นราวกับด้วยผ้าฝ้ายขาดๆและของเหลวอุ่นๆก็ถูกเทเข้ามาในปากของนาง มันขมมาก นางเกือบจะสูญเสียความสามารถในการกลืนของนาง
"ดื่มเถอะเจ้าค่ะ พระชายา ดื่มมันเข้าไปแล้วจะดีขึ้น" ฉีมามากระซิบข้างหูนาง
หยวนชิงหลิงรีบกำจัดความเจ็บปวดนี้และทนดื่มมันลงไปจนหมด
หลังจากดื่มยาลงไปแล้ว นางรู้สึกถึงความอบอุ่นในท้องซึ่งทำให้นางรู้สึกสบายขึ้นมาก
ฉีมามากระซิบเบาๆ "พระชายา รอท่านกลับมาจากวังแล้วข้าจะค่อยๆดูแลร่างกายของท่าน ตอนนี้หลับตาพักผ่อนสักครู่เถอะเจ้าค่ะ สักครู่เดียวก็ยังดี"
หยวนชิงหลิงหลับตาลง เพียงรู้สึกว่าในสมองมีพลุดอกไม้ไฟระเบิดออกมาไม่หยุดและมีเสียงที่ยุ่งเหยิงบางอย่างดังสะท้อนออกมา
"เจ้าไม่คู่ควรให้ข้าเกลียดเจ้าหรอก ข้าเพียงรังเกียจเจ้าเท่านั้น ในสายตาของข้า เจ้าก็หมือนแมลงวันที่ตอมกลิ่นเหม็น ทำให้ผู้คนเกลียดชัง ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องดื่มยาก่อนมาเข้าหอกับเจ้า"
เป็นเสียงของฉู่อ๋องอวี่เหวินฮ่าว เสียงนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเกลียดชัง นางไม่เคยได้ยินคำพูดที่ไร้ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย
และมีบางคนกำลังร้องไห้อยู่ข้างหูของนาง พลุในสมองของนางกลายเป็นธารเลือดอันเชี่ยวกราก
ทุกๆอย่างค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ
ราวกับว่าเรื่องยุ่งเหยิงหลายพันเรื่องในใจของนางในที่สุดก็ได้ถูกคลี่คลายแล้ว
ความเจ็บปวดก็ค่อยๆหายไป หรืออีกอย่างก็คือไม่ได้หายไปแต่รู้สึกชา
นางลืมตาขึ้นเห็นลู่หยายืนอยู่ที่หน้าเตียง ขมวดคิ้วมองมาที่นาง
"พระชายา รู้สึกดีขึ้นหรือยังเจ้าคะ?" ลู่หยาเห็นนางลืมตาขึ้นจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว
"มันไม่เจ็บแล้ว" หยวนชิงหลิงพูดเสียงแหบแห้ง
ไม่เจ็บอีกแล้ว แต่ว่าทั้งตัวนางชาจนน่ากลัว นางลองพยายามเอามือหยิกใบหน้าแต่นางไม่รู้สึกอะไรเลย
นี่ได้ผลดีกว่ายาชาเสียอีก
"เช่นนั้นข้าจะช่วยพยุงท่านขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า มิฉะนั้นท่านอ๋องจะโกรธเอาได้" ลู่หยาเอื้อมมือไปช่วยพยุงนาง ฉีมามาก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับเสื้อผ้าของนางในมือ เมื่อเห็นนางลุกขึ้นแล้วก็กล่าวว่า "รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ท่านอ๋องเร่งแล้ว"
หยวนชิงหลิงยืนด้วยตัวชา ปล่อยให้ทั้งสองถอดเสื้อผ้า พันแผลและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางโดยที่นางไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วและนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง หยวนชิงหลิงจึงมองไปที่คนในกระจกอย่างประเมิน
นางหน้าตาดีมาก ผิวขาวนวล ขนตายาวโค้งงอน ซ่อนดวงตาที่ไร้แววไว้คู่หนึ่ง
ริมฝีปากแห้งซีดไม่มีเลือดฝาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าผากที่ค่อนข้างกว้างถูกบดบังและผิวไม่กระจ่างใสเอาเสียเลย
แต่ว่าด้วยฝีมือของฉีมามาและลู่หยามาจัดการกับใบหน้าของนาง เพียงครู่เดียวก็เห็นว่าคนในกระจกทองเหลืองราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน คิ้วโค้งดังกิ่งหลิ่ว ปากแดงฟันขาวและดวงตาเฉี่ยวคมมีเสน่ห์ เมื่อนางพยายามเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยก็ดูสดใสขึ้นมาทันที
"น้ำแกงจื่อจินคืออะไรเหรอ?" หยวนชิงหลิงถามด้วยเสียงแหบแห้ง
"ท่านจำไม่ได้เหรอ?" ลู่หยาตกตะลึง
นางจำไม่ได้ ในหัวมีความทรงจำมากมายที่ไม่ได้เป็นของนาง แต่พวกมันหลอมรวมอยู่กับความทรงจำของนางเอง นางไม่มีแรงพอที่จะแยกแยะความทรงจำในหัวอย่างช้าๆ
แต่นางก็ไม่ได้ถามอีกต่อไป ในเมื่อลู่หยาพูดอย่างนั้น นางจึงก็สงบลงคิดอย่างช้าๆก็จะรู้ว่าน้ำแกงจื่อจินคืออะไร
นางมั่นใจว่ามันไม่ใช่ของดีแน่
นางลุกขึ้นยืนและเดินไปสองสามก้าว บาดแผลไม่เจ็บเลยสักนิด แต่เพียงเพราะความชายามก้าวขาจึงช้าเล็กน้อย
"พระชายา แม้ว่าจะไม่เจ็บอีกแล้ว แต่ก็ต้องระวังยามขยับตัวและพยายามอย่าให้แผลโดนเสียดสี" ฉีมามากำชับ
"หั่วเกอดีขึ้นแล้วหรือยัง?" หยวนชิงหลิงจับที่ธรณีประตูและหันกลับมามองนาง
ฉีมามาตกใจและพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว "ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ"
หยวนชิงหลิงมองท้องฟ้าข้างนอก เมื่อครู่ยังมีดวงอาทิตย์อยู่เลย แต่ตอนนี้มันเป็นสีเทามืดครึ้มและดูเหมือนพายุฝนกำลังใกล้เข้ามา
"เรื่องของหั่วเกอ ข้าขอโทษด้วยเจ้าค่ะ!" นางพูดออกมาด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
ฉีมามาและลู่หยามองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ไม่ได้ยินผิดไปใช่ใหม? นางกล่าวว่าขอโทษ?
หยวนชิงหลิงเดินออกมาอย่างช้าๆ นางไม่คุ้นเคยกับการสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เพราะนางชาไปทั้งตัวจึงเดินได้อย่างเชื่องช้า นางกุมมืออยู่ใต้แขนเสื้อ แต่นางสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในแขนเสื้อของนาง นางยืนนิ่งและหยิบมันออกมาดูและเลือดทั้งกายของนางก็พลันเย็นเยียบขึ้นมาทันที
MANGA DISCUSSION