เมื่อหยวนชิงหลิงยังคงอยู่ภายในเรือนฮูหยินผู้เฒ่านั้น ซูกั๋วจิ้วจึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนที่ตระกูลจิ้งโหว
ซูกั๋วจิ้วเป็นน้องชายของไทเฮา. จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น เฟิงกั๋วจิ้ว ไม่กี่ปีมานี้ ตระกูลซูมิได้มีคนที่มีความสามารถมากนัก ทว่า แม้เรือจะผุพังเพียงใด ก็ยังมีตะปูอยู่อีกสามพันตัว นั้นคือ ไทเฮาและพระสนมเซียนเฟย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ที่สามารถพลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ หมุนฝ่ามือบังคับฝนได้
เมื่อซูกั๋วจิ้นได้มาถึงจวนจิ้งโหวแล้ว. จึงได้เล่าเรื่องที่ฉู่อ๋องต้องการตบแต่งพระชายารองเข้ามาในทันที อีกทั้งในคำพูดนั้นยังได้กล่าวถึงไทเฮาอีกว่า ขอให้จวนจิ้งโหวสัญญากับไทเฮาว่า หากฉู่อ๋องตบแต่งพระชายารองเข้ามาเมื่อใด ขอให้ทั้งพระชายาฉู่อ๋องและจวนจิ้งโหวอวยพรให้พวกเขาด้วย
เมื่อจิ้งโหวได้ยินเรื่องที่ฉู่อ๋องจะตบแต่งพระชายารองนั้น ภายในใจราวกับมีเพลิงโทสะขนาดใหญ่ หากเขารู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้ละก็ เขาคงจะไม่คิดวางแผนในวังขององค์หญิงให้มากความหรอก
ในยามนี้ แม้ฉู่อ๋องก็ยังไม่สามารถไขว่คว้าไว้ได้ และยังทำให้ตระกูลฉู่ขุ่นเคืองตระกูลโหวอีก สูญเสียบุตรีไปแล้วยังต้องมาเสียไพร่พลไปเช่นนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับคำขู่ของซูกั๋วจิ้วแล้วนั้น จิ้งโหวจึงทำได้เพียงเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นจริงจัง. พร้อมกล่าวกลับไปว่า "ท่านกั๋วจิ้ววางใจได้พะยะค่ะ เสี่ยวโหวรับปากได้ ว่าพระชายาจักต้องยินดีอย่างแน่นอน อีกทั้ง เมื่อบุตรีคนรองของตระกูลฉู่แต่งเข้ามานั้น ในไม่ช้า พวกนางย่อมถือว่าเป็นพี่สาวน้องสาวของกันและกัน ต่อไปย่อมต้องช่วยกันคอยอยู่รับใช้ท่านอ๋อง เช่นนี้จึงถือได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วพะยะค่ะ"
ซูกั๋วจิ้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า "ท่านโหวรู้สถานการณ์ในยามนี้ดี เมื่อได้ยินท่านพูดเช่นนี้ ทั้งไทเฮาและพระสนมเซียนคงวางใจได้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ. เรื่องของเจ้านั้น เซียนเฟยเหนียงเหนียงย่อมจำได้ นางจะไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน"
จิ้งโหวยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เรื่องของเขานั้น พระสนมเซียนเฟยจะช่วยเขาเช่นไรกัน? อีกทั้งไทเฮา ก็ยังไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งกับราชกิจภายในราชสำนักได้ ตระกูลซูหาได้มีอำนาจเท่าตระกูลฉู่ไม่ ครึ่งหนึ่งของภายในราชสำนักเป่ยถัง ล้วนแต่เป็นคนตระกูลฉู่ทั้งนั้น
หากแต่เบื้องหน้านั้น จะกล้าพูดประโยคเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร จึงทำได้แต่เพียงเสแสร้งชื่นชมไปตามน้ำ "ต้องขอบพระทัยไทเฮาเหนียงเหนียงและเซียนเฟยเหนียงเหนียงมากเลยพะยะค่ะ"
ภายในใจของซูกั๋วจิ้วเต็มไปด้วยความพึงพอใจแล้วจึงเดินออกไป
หยวนชิงหลิงพลันออกมาจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าได้ไม่นาน. พลางถูกทหารยามสองนายขวางทางไว้ กล่าวเพียงสั้นๆว่า "เชิญ" เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องตำราแล้ว. ลู่หยาพลันถูกข้ารับใช้พาไปยังห้องครัวเพื่อทานขนม จึงเหลือเพียงแต่หยวนชิงหลิงเพียงผู้เดียว
ในครานี้ จิ้งโหวโมโหเป็นอย่างมาก "ข้าถามเจ้า ช่วยตอบตามความจริงด้วย เจ้าใช่ไปขัดขวางการตบแต่งพระชายารองต่อฉู่อ๋องใช่หรือไม่ ถึงได้ถูกไล่ออกมาจากวังหลวงเมื่อวานนี้ ? อีกทั้ง เจ้ายังทำให้เซียนเฟยเหนียงเหนียงขุ่นเคืองเจ้าอีกใช่หรือไม่ ?"
เมื่อหยวนชิงหลิงถูกถามขึ้นมาเช่นนี้ แต่เดิมภายในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว เมื่อได้ยินน้ำเสียงของคำถามที่เกรี้ยวกราดขึ้นมาเช่นนี้อีก. สีหน้าพลันนิ่งขึ้นมาในทันใด "ใช่หรือไม่ใช่ แล้วเป็นเช่นไรเล่าเพคะ ?"
"เป็นอย่างไรงั้นหรือ ?" จิ้งโหวที่เห็นสีหน้านาง ที่ไม่มีวี่แววว่าจะสลดในการกระทำของตนเอง และกล้าหันกลับมาถามเขาอีก เพลิงโทสะที่มีอยู่ในใจพลันระเบิดออกมาทันที แล้วจึงง้างมือขึ้นเพื่อที่จะตบหน้าหยวนชิงหลิงในทันใด
ในจังหวะที่ง้างมือขึ้นมานั้น หยวนชิงหลิงพลันกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า "หม่อมฉันยังต้องกลับไปพบหน้าฉู่อ๋องอีก เชิญท่านพ่อตีลงมาเสียเถอะ"
มือที่กำลังง้างอยู่พลันชะงักขึ้นมาในทันใด หากแต่เป็นการยากที่จะซ่อนความโกรธเกรี้ยวลงได้ "เหตุใดข้าจิ้งโหวผู้นี้ ถึงได้มีบุตรีที่โง่เง่าเช่นนี้ ? ฉู่อ๋องต้องการตบแต่งบุตรีของตระกูลฉู่ เจ้าควรจะสนับสนุนท่านอ๋องเสีย นี่เป็นทางเดียวที่จะหยุดความโกรธเกี้ยวของตระกูลฉู่ที่มีต่อตระกูลของเราได้ หากเจ้ายังอยากอยู่ในตำแหน่งพระชายาต่อไป เจ้าต้องปล่อยวางเรื่องนี้ลง"
หยวนชิงหลิงพลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เรื่องที่ท่านอ๋องต้องการจะตบแต่งพระชายารองนั้น หม่อมฉันไม่สามารถบอกกล่าวกับท่านอ๋องได้ หากว่าตำแหน่งพระชายานั้นจักต้องหย่าร้างกับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่มีปัญหาอันใดกับเรื่องนี้ คำพูดนี้ ท่านพ่อโปรดนำไปบอกกล่าวกับตระกูลฉู่เสีย หม่อมฉันหยวนชิงหลิงผู้นี้รับปากแล้ว มีค่าดั่งทองพันชั่ง"
เมื่อพูดจบ นางพลันโค้งกายคำนับตัวลง เพื่อทำความเคารพในฐานะบุตรี "หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ ในยามนี้ ร่างกายของท่านอ๋องไม่ค่อยสบายนัก หม่อมฉันยังต้องกลับไปคอยดูแล"
จิ้งโหวพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง. หยวนชิงหลิงพลันเดินไปเปิดประตูพร้อมก้าวออกไปจากห้องตำราแล้ว
จิ้งโหวแทบไม่อยากจะเชื่อใจในคำพูดของหยวนชิงหลิงนัก นางกล่าวว่า หากต้องการหย่าร้างกับนาง นางก็ไม่สนใจอันใดงั้นหรือ ? เหตุใดแรกเริ่มนางถึงบอกว่าต้องการแต่งเข้าจวนฉู่อ๋อง จนต้องรอขอความตายเสียเลยเล่า
เหตุใด ยามนี้นางถึงเปลี่ยนไป ?
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร จิ้งโหวพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พลทหารที่เพิ่งรอดมาได้จากภัยอันตรายนั้น เมื่อหวนกลับไปคิดถึง. เหงื่อเย็นๆพลันไหลออกมาทันที
ไท่ซั่งหวางนั้นชมชอบฉู่อ๋องเป็นอย่างมาก. อีกทั้งฉู่อ๋องยังมีกองทัพอยู่ข้างกายอีก จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ฉู่อ๋องจะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้น เขาถึงยอมเสี่ยงเป็นปรปักษ์ต่อตระกูลฉู่เช่นนี้
ผู้คนล้วนแต่รับรู้โดยทั่วกัน ฉู่อ๋องถูกจักรพรรดิคาดโทษไว้ อีกทั้ง ไท่ซั่งหวงยังมีอาการป่วยที่สาหัสอีก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉู่อ๋องจะสามารถขึ้นเป็นองค์รัชทายาทได้
ถ้าหากหยวนชิงหลิงยินยอมที่จะจากไปเช่นนี้แล้ว บางทีก็พอจะสามารถคลายความคับข้องของตระกูลฉู่ออกไปได้บ้าง หลังจากนี้ก็ต้องพยายามประจบประแจงมากขึ้นอีกหน่อย แม้ว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุมก็ตาม ทว่า ก็คงจะไม่ถูกตระกูลฉู่มองว่าเป็นหนามขวางทางมากนัก เพียงเท่านี้เขาก็อมิตตาพุทธให้กับตนเองแล้ว
เมื่อหยวนชิงหลิงต้องการหย่าร้างจากไปนั้น ค่อยหาตระกูลเล็กๆแต่งนางออกไปเสีย นั่นถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่เขาพอจะให้นางได้แล้ว
ทว่า เรื่องนี้ต้องให้เขาเป็นคนจัดการถึงจะถูก เพื่อจะรักษาความสัมพันธ์ทั้งสองฝั่งไว้ หากแต่ก็อย่าได้ทำให้ฉู่อ๋องเสียหน้า จึงจำเป็นต้องหาข้อแก้ตัวที่สมน้ำสมเนื้อ
เมื่อไม่ได้ทำให้ฉู่อ๋องเสียหน้าแล้ว ยังไม่ต้องทำให้ตระกูลจิ้งโหวเสื่อมเสียชื่อเสียงอีก คงมีแต่เพียงการเสียสละของหยวนชิงหลิงแล้ว
เขาหลับตาลง เพื่อปกปิดความเกลียดชัง พร้อมกล่าวว่า "เจ้า ไปเรียกฮูหยินรองเข้ามาเสีย"
หยวนชิงหลิงกลับมาที่วังอ๋องได้ไม่ถึงสามวัน พลันมีข่าวลือแพร่ไปทั่วเมืองหลวงว่า หยวนชิงหลิงกลับจวนในครั้งนี้เรียกให้ฮูหยินรองตามหาหมอที่ดีที่สุดเพื่อมาตรวจสุขภาพ ทว่า ผลลัพธ์กลับออกมาว่า นางมีโรคประจำตัวทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
ว่ากันว่าข่าวลือนี้มีมูลความจริงอยู่มาก เป็นคนข้างกายของฮูหยินรองที่พูดออกมาเอง
หยวนชิงหลิงเมื่อรู้ข่าวนี้ เวลาก็ผ่านไปถึงสามวันแล้ว
เป็นลู่หยาที่ออกจากวังไปซื้อเข็มและด้ายปักผ้า จึงทำให้ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้ขึ้นมา ลู่หยาพลันรีบกลับวังเพื่อมารายงานต่อหยวนชิงหลิงทันที
ลู่หยาโมโหเป็นอย่างมาก วันที่นางพาหยวนชิงหลิงกลับจวนจิ้งโหวนั้น มีใครได้ไปเชิญหมอมาตรวจดูกัน?
หยวนชิงหลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันส่งยิ้มเจือนๆออกมา นางรู้แก่ใจดีและมองออกได้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่านี้เป็นแผนของจิ้งโหวโดยไม่ต้องสงสัย
หยวนชิงหลิงในยามนี้ เป็นหมากที่ตระกูลจิ้งโหวปล่อยปะละเลยแล้ว. เป็นหมากที่ไม่สามารถช่วยตระกูลจิ้งโหวได้อีกต่อไป การที่นางเป็นพระชายาในวังฉู่อ๋องนั้น ถือเป็นบุคคลที่ขวางทางของตระกูลฉู่ หากจิ้งโหวต้องการประจบประแจงตระกูลฉู่นั้น ย่อมต้องกำจัดหมากเช่นนางทิ้งแต่โดยดี
หากหาเหตุผลของเหตุการณ์ในครานี้แล้ว กำจัดนางทิ้ง ก็เพื่อเป็นของขวัญที่มอบให้แก่ตระกูลฉู่
แม้ว่าทางฝั่งตระกูลฉู่จะยังไม่ตกลงเลยว่าจะแต่งหรือไม่ คงเป็นเพราะว่า ไม่อยากให้บุตรีคนรองของตนแต่งออกไปเป็นชายารองของผู้ใด หากว่าเป็นตำแหน่งฮูหยินเอกแล้วละก็ คงมิต้องมาหารือกันให้มากความ
เรื่องประจบสอพลอหรือเลียแข้งเลียขาผู้คนนั้น. เป็นงานถนัดของจิ้งโหวเชียว
หากจิ้งโหวนำวิธีนี้เช่นนี้ไปใช้เพื่อราษฏรในแว้นแคว้นเสียบ้าง. คงจะมีสักวันที่เขาจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นแน่
"พระชายา เหตุใดท่านไม่โกรธเคืองเลยละเพคะ? คนด้านนอกกำลังพูดถึงข่าวลือของท่านนะเพคะ" ลู่หยาพูดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์. แม้ว่าแต่ก่อนลู่หยาจะไม่ชื่นชอบพระชายามากนัก ทว่า ในยามนี้ พระชายาเปลี่ยนไปมากแล้ว เปลี่ยนไปจนไม่เหมือนนิสัยเฉกเช่นแรกเริ่มอีกด้วย นางจึงวางใจที่จะยกพระชายาขึ้นเป็นเจ้านายของตนได้อย่างจริงใจเสียที ลู่หยาจึงไม่สามารถอดทนต่อการใส่ร้ายเช่นนี้ได้
หยวนชิงหลิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "หากเจ้ารู้ว่ามันเป็นข่าวลือไร้สาระแล้ว เจ้าจักอารมณ์เสียไปทำไมกัน ? ปากอยู่บนตัวผู้อื่นเช่นนี้. ผู้คนชอบจะพูดเช่นไรก็ปล่อยให้เขาพูดไปเถอะ"
ลู่หยาพลันกล่าวขึ้นมาออีกว่า "หากแต่ข่าวลือเช่นนี้ เป็นข่าวลือที่ทำให้ชื่อเสียงพระชายาเสื่อมเสียนะเพคะ"
หยวนชิงหลิงรู้ดี หากในแง่มุมของสตรีแล้วนั้น ข่าวลือเรื่องการมีบุตรยากเป็นข่าวลือทำให้สตรีเสื่อมเสียชื่อเสียงจนยากที่จะกู้คืนกลับมาได้
จิ้งโหวลงมือได้โหดเหี้ยมยิ่งนัก
ต่อไปนี้หยวนชิงหลิงจะไม่ถือว่าจิ้งโหวเป็นบิดาของนางอีกต่อไป หากแต่ ภายในใจก็รู้สึกอดเสียใจไม่ได้ หากเป็นเจ้าของร่างเดิมมารู้เรื่องเช่นนี้ นางจักต้องเสียใจถึงเพียงใด?
ขนาดนี่คือบุตรสาวในไส้ของเขาแท้ๆ เขายังสามารถทำเช่นนี้ได้
เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต จิ้งโหวถึงกับไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น
ซีมามาที่ยืนฟังทั้งสองพูดคุยกันนั้น พลางลอบสำรวจใบหน้าของหยวนชิงหลิงเล็กน้อย ด้วยสายตาที่ครุ่นคิด หากแต่ นางก็มิได้เอ่ยคำพูดใดออกมา
อวี่เหวินฮ่าวพักฟื้นเพียงไม่กี่วัน อาการก็ดีขึ้นมามากเลยทีเดียว. จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จึงมีรับสั่งให้หมอหลวงไปดูแลฉู่อ๋องที่จวน หยวนชิงหลิงจึงไม่มีอะไรให้ต้องทำมากนัก กลับออกมาจากวังก็หลายวันแล้ว ทว่า พวกเขาก็ยังไม่เคยได้พบหน้ากันสักที
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุข
หากแต่ ความสงบสุขเช่นนี้อยู่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ไม่นานวันเวลาที่สงบสุขเหล่านี้พลันค่อยๆสิ้นสุดลงในทันใด
ออกจากวังหลวงมาได้เพียงห้าวัน จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันมีพระราชโองการ เรียกตัวหยวนชิงหลิงให้เข้าเฝ้า
MANGA DISCUSSION