ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชอบความเงียบสงบ ภายในห้องโถงจึงมีเพียงซุนมามาที่คอยอยู่รับใช้เท่านั้น
เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงเดินเข้ามา ซุนมามาจึงแย้มยิ้มออกมา พร้อมกล่าวว่า "พระชายาเสด็จมาแล้วงั้นหรือเพคะ ? เชิญด้านในเพคะ"
หยวนชิงหลิงพลันลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ภายในสถานที่แห่งนี้การที่จะได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง
หยวนชิงหลิงจึงเดินเข้าไป. พร้อมกล่าวถามขึ้นมาว่า "ร่างกายของท่านยายเป็นเช่นไรบ้างหรือเจ้าคะ?"
มือของซุนมามาพลันชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมส่งยิ้มเจือนๆออกมาว่า "ค่อยอย่างชั่วขึ้นแล้วเพคะ วันนี้สามารถทานโจ๊กถ้วยใหญ่ได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อรวมกับวันก่อนๆ ก็สามารถทานได้เกือบเท่าโจ๊กถ้วยใหญ่เลยทีเดียว"
หยวนชิงหลิงพลันจ้องมองไปยังฝ่ามือของซุนมามาที่ยื่นออกมาขวางนั้น ท่านยายไม่ต้องการให้นางเข้าไปงั้นหรือ ?
"ซุนมามา ข้าอยากจะเข้าไปหาท่านยาย" หยวนชิงหลิงพลันกล่าวออกมา
ซุนมามาพลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย"พระชายาเพคะ. วันนี้ท่านกลับไปก่อนเถอะเพคะ. อารมณ์โกรธของฮูหยินผู้เฒ่ายังมิจางหายดี เมื่อไม่กี่วันก่อนหม่อมฉันพลางกล่าวถึงพระชายาขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่พูดไม่จาอันใดกับหม่อมฉันอีกเลยเพคะ"
หยวนชิงหลิงพลันนึกออกทันที ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เห็นด้วยกับการที่ส่งนางเข้าไปตบแต่งให้กับวังอ๋อง. ก่อนที่นางจะเข้าพิธีแต่งงานนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ายังพยุงตัวเองขึ้นมาดุด่านางเสียยกใหญ่ พร้อมกล่าวว่า นางกำลังหลงระเริงกับฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงและยังไม่รู้จักกำลังที่ตนเองมีอีก. ยังกล่าวอีกว่านางเอาแต่ใจตนเองเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเจ้าของร่างเดิมกลับบ้านเก่ามาเยี่ยมเยียนนางนั้น. ท่านยายจึงเอาแต่ปิดประตูไม่ต้อนรับหยวนชิงหลิง. พร้อมทั้งยังแสดงให้เห็นว่าท่านยายผิดหวังในตัวนางเพียงใด
ในจวนจิ้งโหวยามนี้. ยังมีคนที่รู้ความอยู่ช่างดีจริงๆ
ความคิดของเจ้าของร่างเดิม ช่างไร้สาระและโง่เง่ามากจริงๆด้วย
นางพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอีกว่า "ซุนมามา เมื่อวานข้าเพิ่งกลับออกมาจากวัง มีเรื่องสำคัญที่จักต้องพูดคุยกับท่านยายเจ้าค่ะ"
ซุนมามาพอจะได้ยินข่าวคราวที่หยวนชิงหลิงออกมาจากวันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จึงเอ่ยกล่าวออกมาว่า "ถ้าเช่นนั้น พระชายาท่านลองเข้าไปดูเถอะเพคะ. หากฮูหยินเฒ่ายังโกรธเคืองอยู่. หม่อมฉันก็ทำเช่นไรไม่ได้ ยามนี้ร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังไม่แข็งแรงดีอีกด้วย"
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!"หยวนชิงหลิงพูดจบพลันเดินเข้าไปด้านใน
ภายในห้องไม่ค่อยมีแสงสว่างลอดผ่านมากนัก หน้าต่างประตูทุกบานล้วนถูกปิดหมด เนื่องจากลมจากสารทฤดูมีความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก เพียงแค่ลมพัดผ่านจากช่องประตูเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เกิดอาการหนาวสั่นได้
หยวนชิงหลิงพลันเห็นฮูหยินผู้เฒ่านอนอยู่บนเตียง รูปร่างที่ซูบผอม แม้แต่เนื้อหนังบนใบหน้าก็ไม่ค่อยมี ใบหน้าที่ไร้อารมณ์และสายตาที่ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆ เมื่อมองมาที่หยวนชิงหลิงนั้น พลันมีแสงผ่านวาบเข้ามาในดวงตาของนางทันที
ทว่า สีหน้าของฮูหยินเฒ่าพลันมืดครึ้มลง พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า "หม่อมฉันมิรู้ว่าพระชายาจะเสด็จมา จึงมิได้ออกไปให้การต้อนรับ หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ โปรดพระชายาลงทัณฑ์ !"
ภายในใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในทันใด ราวกับว่านี่เป็นความรู้สึกห่วงใยของเจ้าของร่างเดิมที่มีต่อฮูหยินผู้เฒ่าจริงๆ
นางพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ท่านยาย ได้โปรดสงบอารมณ์เถอะเจ้าคะ"
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าพลันแข็งค้าง พร้อมหันกายไปอีกทางหนึ่ง มิได้สนใจหยวนชิงหลิงเลยแม้แต่น้อย
หยวนชิงหลิงพลันเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสังเกตุสีหน้าที่ซีดเซียวของท่านยาย ดวงตาที่สูบตอบลง นี่มันคือโรคเรื้อรัง
"ท่านยายเจ้าคะ ! " หยวนชิงหลิงพลันนั่งลง "ท่านรู้สึกเช่นไรบ้างเพคะ?"
"ยังมิตายเพคะ! " เสียงของฮูหยินชราเต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ หากแต่อารมณ์โกรธส่งผลต่อจิตใจ
หยวนชิงหลิงพลันหันไปถามซุนมามาว่า "อาการป่วยของท่านยายเป็นเช่นไรหรือเจ้าคะ ?"
"หายใจมิค่อยสะดวกเพคะ ทั้งอาการไอ และอาการเหนื่อยหอบที่มีอาการหนักๆ "
"ท่านหมอกล่าวเช่นไรบ้างหรือเจ้าคะ ?"
"ท่านหมอกล่าวว่า เป็นอาการบาดเจ็บที่ปอดเพคะ"
"น่ารำคาญ ! " ฮูหยินผู้เฒ่าพลันส่งเสียงดุซุนมามาด้วยความเย็นชา
หยวนชิงหลิงพลันหยิบหูฟังทางการเเพทย์ออกมาจากแขนเสื้อ พร้อมกล่าวว่า "นี่เป็นของขวัญจากไท่ซั่งหวงที่ หม่อมฉันเข้าวังไปเมื่อวานนี้ ว่ากันว่าว่าสามารถได้ยินโรคที่เกิดจากหัวใจและปอดได้เพคะ"
เมื่อได้ยินว่าเป็นของขวัญจากไท่ซั่งหวง ฮูหยินผู้เฒ่าพลันค่อยๆหันหน้ากลับมา สายตาพลางจับจ้องไปยังหยวนชิงหลิง แล้วจึงกล่าวออกมาว่า "ไท่ซั่งหวงพบเจ้างั้นหรือ?"
"เพคะ. เมื่อไม่กี่วันก่อน. หลานเข้าวังไปดูแลอาการเจ็บป่วยของไท่ซั่งหวงมา เพิ่งจะออกจากวังมาเมื่อวานนี้เองเพคะ"หยวนชิงหลิงพลันกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
ซุนมามาพลันรีบร้อนกล่าวขึ้นมาอีกว่า. "เมื่อวานพระชายาเพิ่งออกมาจากพระราชวัง วันนี้ยามเช้าก็มาเยี่ยมเยียนฉูหยินผู้เฒ่าทันทีเลยนะเจ้าคะ"
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มน่าเกลียดลงเรื่อยๆ ทันใดนั้นจึงลุกขึ้นมานั่ง พร้อมตบหน้าของหยวนชิงหลิงและทุบตีไปทั่วร่างกายของหยวนชิงหลิงด้วยความกรุ่นโกรธ "เจ้าอยากแต่งเรื่องอันใดขึ้นมาโกหกข้ากัน? ไท่ซั่งหวงนะหรือ จะเชิญเจ้าเข้าไปดูแลอาการป่วย? "
ฝ่ามือที่ตบลงมาบนใบหน้าของหยวนชิงหลิงนั้น มิได้มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย. หยวนชิงหลิงจึงมิได้รู้สึกเจ็บปวดอันใดมากนัก
ฮูหยินผู้เฒ่าใช้กำลังทั้งหมดในการพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา. หลังจากนนั้น นางพลันหอบหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิได้มีอาการไอแต่อย่างใด
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าพลันค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ริมฝีปากที่ค่อยๆขาวซีด ร่างกายที่อ่อนตัวลงฟุบตัวลงบนที่นอน พร้อมกับอาการหอบหายใจที่ไม่มีหยุด
หยวนชิงหลิงพลันรีบร้อนหยิบกล่องยาออกมา เมื่อเปิดกล่องยาออกมาก็พบกับ ยาพ่นอาการหอบหืดในทันที หยวนชิงหลิงจึงรีบเปิดมันแล้วนำไปพ่นไว้ในปากของฮูหยินผู้เฒ่า พร้อมทั้งรีบร้อนสั่งการว่า "ท่านยายสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เจ้าค่ะ นี่เป็นยาดีของวังหลวง "
ฮูหยินผู้เฒ่าที่มีอาการเหนื่อยหอบอยู่อย่างนั้น. แม้ว่านางไม่ต้องการจะฟังคำพูดของหยวนชิงหลิงก็ตาม. ทว่า เมื่อนางหายใจหอบเข้าไปเรื่อยๆ ก็ได้สูดดมเครื่องพ่นยาเข้าไปในทันที
เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าได้สูดลมหายใจจากเครื่องพ่นยาเข้าไปแล้ว. หยวนชิงหลิงก็รู้ได้ทันทีว่านางช่วยรักษาได้สำเร็จแล้ว. จึงค่อยๆปล่อยเครื่องพ่นยาออกมา แล้วจึงตรวจฟังหน้าอกของฮูหยินผู้เฒ่า "ค่อยๆหายใจเข้าอย่างช้าๆเจ้าค่ะ. ผ่อนคลายลง"
ลมหายใจของฮูหยินผู้เฒ่า พลางค่อยๆกลับมาเป็นอย่างปกติเช่นเดิม สีหน้าจึงค่อยๆดีขึ้นมาตามลำดับ
ซุนมามาพลางกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า "นี่มันคือยาอันใดกันหรือเจ้าคะ? เหตุใดถึงหน้าอัศจรรย์เช่นนี้"
"เป็นยาของวังหลวงเจ้าค่ะ. ไท่ซั่งหวงก็ใช้ยาชนิดนี้เช่นกัน " หยวนชิงพูดพร้อมวางยาไว้บนหัวเตียง. "หากท่านยายยังมีอาการเช่นเมื่อครู่อีก ให้นางใช้ยาชนิดนี้สูดดมนะเจ้าคะ ซุนมามา"
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าอาการสงบลงแล้ว หยวนชิงหลิงจึงหยิบหูฟังทางการแพทย์ขึ้นมา พร้อมกับนำไปฟังเสียงหัวใจและเสียงปอดให้ฮูหยินผู้เฒ่าอีกครั้งหนึ่ง
หยวนชิงหลิงจำได้ว่า ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นโรคหอบหืด และนางยังเป็นโรคปอดพองลมอีกด้วย จึงทำให้ร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก เมื่อเกิดอาการหอบหืดขึ้นมานั้น หมายถึงอาการที่สามารถคร่าชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าได้เลย
โรคหอบหืดนั้นเป็นโรครักษาได้ยาก เมื่อรวมไปถึงโรคปอดพองลมด้วยนั้น หากละทิ้งการรักษาไปเป็นเวลานาน เกรงว่าจะรักษาให้กลับมาดีเช่นเดิมคงจะเป็นไปได้ยาก
ฮูหยินผู้เฒ่ามีอาการเจ็บป่วยมานานหลายปี นางยังมิเคยสามารถหายใจได้อย่างสะดวกและราบรื่นเฉกเช่นในยามนี้เลย
ในอดีต แต่ละครั้งที่ฮูหยินผู้เฒ่าพยายามหายใจเข้าไปนั้น. นางต้องใช้แรงกดอากาศให้เล็กลง เมื่อใช้วิธีเช่นนี้เป็นเวลานาน ก็พลันทำให้สมองขาดอ็อกซิเจนลง แล้วจึงทำให้นางหมดสติไป. ดังนั้น นางจึงมอบอำนาจสิทธิ์ขาดภายในตระกูลให้มารดาของหยวนชิงหลิง หวางซื่อ ทว่า ช่างน่าเสียดาย ที่หวางซื่อเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน. อำนาจทั้งหมดจึงถูกส่งต่อให้ฮูหยินรองในทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินรองมักจะไม่ค่อยลงรอยกันเสมอ หลังจากที่ฮูหยินรองขึ้นมาเป็นผู้ดูแลได้ไม่นาน ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่สนใจที่จะจัดการเรื่องภายในจวนอันใดอีกต่อไป และอยู่รักษาตัวภายในเรือนของตนเองอย่าเงียบๆ
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าสงบสติลงไปได้ไม่นาน ก็มิได้มีอารมณ์โกรธหลงเหลืออยู่อีก จึงเอ่ยถามคำถามกับหยวนชิงหลิงด้วยความสงสัยว่า "นี่เป็นยาของวังหลวงจริงๆหรือ ? เจ้าเข้าไปในวังหลวงมาจริงๆใช่หรือไม่ ?"
หยวนชิงหลิงพลันพยักหน้าลง "เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะท่านยาย เรื่องนี้ผู้คนล้วนแต่รู้เรื่อง ท่านพ่อก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ"
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าพลันค่อยๆอ่อนลง พร้อมถามขึ้นมาว่า "เจ็บหรือไม่ ?"
หยวนชิงหลิงพลันส่ายหัวแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย "ท่านยายมิได้ใช้กำลังเลยสักนิดเจ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าพลันพ่นลมหายใจออกมา "นั่นเป็นเพราะว่า หม่อมฉันไม่มีแรง หากมีเรี่ยวแรงสักนิดละก็ ต้องตีท่านจนตายเป็นแน่ "
หยวนชิงหลิงเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ภายในใจรู้สึกชะงักไปชั่วครู่ หยวนชิงหลิงพลันเอื้อมมือไปจับมือของฮูหยินผู้เฒ่าเบาๆว่า "ท่านยาย หลานผิดไปแล้วเจ้าค่ะ. หลานควรจะฟังคำพูดของท่านยาย "
ฮูหยินผู้เฒ่าพลันเหลือบมองไปเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผากของนาง พร้อมถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "นั่นเป็นทางที่เจ้าเลือกเดินเอง เจ้าไม่สามารถหันกลับมาได้อีกแล้ว ในยามนี้ เจ้าทำได้เพียงกัดฟันเดินต่อไปเท่านั้น. อีกทั้ง เจ้ามิจำเป็นต้องไปสนใจผู้ใดอีก รวมไปถึงไม่ต้องไปทำสิ่งใดให้ท่านพ่อของเจ้าด้วย จัดการเพียงแต่ตนเองเท่านั้น แค่ได้ใช้ชีวิตภายในจวนฉู่อ๋อง ก็นับเป็นโชคของเจ้าแล้ว อย่าได้ไปสนใจเรื่องอื่นให้มากนัก"
หยวนชิงหลิงก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าพลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า "หากแต่ ก็อย่าได้ประจบประแจงจนผู้อื่นจนมากเกินไปนักและอย่าได้ทำตัวให้เสื่อมเสียชื่อเสียงตระกูลจิ้งโหว. อย่างไรมันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเจ้าเอง หากโดนผู้อื่นรังแกแล้ว ย่อมต้องเรียนรู้ที่จักตอบโต้กลับ อย่าได้มัวแต่ก้มหัวยอมรับชะตากรรมของตนเอง เจ้าจำได้หรือไม่ ?"
หยวนชิงหลิงพลันน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา เป็นเพราะฮูหยินชรากลัวนางจักลำบากและถูกทำให้อับอาย เมื่อหยวนชิงหลิงเลือกทางนี้แล้ว ฮูหยินเฒ่าจึงผิดหวังในตัวหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมาก เพราะว่าท่านยายรักนางจากใจจริงๆ
"หลานจักจดจำไว้เจ้าค่ะ"
MANGA DISCUSSION