ภายในใจของทังหยาง พลันตกตะลึงไปชั่วครู่ หากเป็นเช่นนี้ ย่อมต้องทำให้องค์จักรพรรดิและไท่ซั่งหวงกรุ่นโกรธเป็นแน่
หากแต่ อาจจะกรุ่นโกรธเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อหย่าขาดกับพระชายาได้แล้ว เกรงว่าในวังคง
จะสงบสุขขึ้นมามิน้อย อีกทั้ง จะได้มิต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจิ้งโหวอีก. หากพิจารณาในยามนี้แล้ว มีแต่ได้กำไรทั้งนั้น
"เรื่องตบแต่งบุตรีคนรองของตระกูลฉู่เข้ามานั้น ท่านอ๋องเห็นพ้องเช่นไรหรือพะยะค่ะ " ทังหยางเอ่ยถาม
แม้ว่าอวี่เหวินฮ่าวจะเบื่อหน่ายกับคำถามนี้มากเพียงใด. ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จแม่ล้วนแต่ซักถามเขาเช่นนี้ จะทำอย่างไรล้วนแต่หนีไม่พ้นเสียที เขาจึงถามกลับไปที่ทังหยางว่า "เจ้าคิดเห็นเช่นไร ?"
ทังหยางครุ่นคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า "จากมุมมองของกระหม่อมแล้ว เรื่องนี้เป็นประโยช์ต่อท่านอ๋องเป็นอย่างมากพะยะค่ะ. แม้ว่าตระกูลฉู่จะส่งบุตรสาวคนโตแต่งเข้าวังฉีอ๋องไปแล้ว. หากแต่ฉู่โสวฝู่ หาได้สนับสนุนฉีอ๋องทั้งหมด เนื่องจากเป็นเพราะไทเฮาและไท่ซั่งหวงที่ชื่นชมท่านอ๋องแล้ว. ฉู่โสวฝู่คิดจะทำเช่นไร ย่อมต้องเกรงใจอยู่หลายส่วน นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้ตระกูลฉู่จัดการเรื่องบางเรื่องได้อย่างใจอยาก นี่เป็นความคิดเห็นที่กระหม่อมมีต่อเรื่องนี้พะยะค่ะ ทว่า เมื่อใดที่ท่านอ๋องตบแต่งบุตรีคนรองของตระกูลฉู่แล้ว อย่างไรตระกูลฉู่ย่อมต้องคอยปกป้องท่าน. หากว่าฉีอ๋องหมดประโยชน์เมื่อใด ตระกูลฉู่ย่อมนำอำนาจทั้งหมดที่มีมายกให้ท่าน"
อวี่เหวินฮ่าวพูดออกมาอย่างเฉยเมย "ดูเหมือนว่า เจ้าจะคิดเห็นตรงกันกับท่านแม่"
ทังหยางส่ายหน้าไปมา "มิใช่พะยะค่ะ. นี่เป็นเพียงสิ่งที่กระหม่อมวิเคราะห์เท่านั้น. หากแต่ในใจกระหม่อมรู้ดีว่าท่านอ๋องไม่มีความคิดเช่นนี้ ทว่า. กระหม่อมยังคาดหวังว่าท่านอ๋องจะตบแต่งบุตรีคนรองของตระกูลฉู่เป็นพระชายารองพะยะค่ะ. หากว่าบุตรีคนรองตระกูลฉู่จะยอมตกลงเป็นพระชายารอง"
"เหตุใดคำพูดของเจ้า ถึงวกวนเช่นนี้?" อวี่เหวินฮ่าวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"ไม่วกวนพะยะค่ะ. เซียนเฟยเหนียงเหนียงต้องการให้ท่านตบแต่งบุตรีคนรองของตระกูลฉู่เพื่อการต่อสู้. หากแต่กระหม่อมกับคิดว่า ท่านอ๋องจักได้ตระกูลฉู่คอยปกป้องท่าน"
"เปิ่นหวางยังต้องให้ตระกูลฉู่มาปกป้องด้วยงั้นหรือ?" อวี่เหวินฮ่าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ท่านอ๋องพะยะค่ะ. มีบางเรื่องที่ท่านไม่สามารถจัดการได้ หากแต่ตระกูลฉู่สามารถทำได้" ทังหยางกล่าวขึ้นมา "เฉกเช่น การลงมือครั้งนี้ของจี้อ๋อง หากว่าตระกูลฉู่ได้ยืนอยู่ข้างกายท่านอ๋องแล้ว พวกเขาจะไม่สั่งสอนจี้อ๋องหน่อยหรือพะยะค่ะ?. จี้อ๋องในยามนี้ช่างยิ่งผยองยิ่งนัก"
นายพลที่หยิ่งผยองย่อมต้องพ่ายแพ้. หากแต่ก่อนที่จะพ่ายแพ้นั้น ย่อมต้องได้รับบาดแผลเพื่อเป็นบทเรียนด้วย
อวี้เหวินฮ่าวกล่าวขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า "ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว"
"เช่นนั้น". ทังหยางจึงถามขึ้นมาอีกว่า "ในใจของท่านอ๋องคิดเช่นไรงั้นหรือพะยะค่ะ ?"
"มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวขึ้นมา
ทังหยางตะลึงไปครู่หนึ่ง หากแต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก
อวี่เหวินฮ่าวพลางเอ่ยถามขึ้นมาอีกคำถามหนึ่ง "หย่าหยวนชิงหลิง. เจ้าคิดเห็นเช่นไร?"
ทังหยางกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทีที่ลังเลว่า "กระหม่อมเห็นด้วยพะยะค่ะ"
อวี่เหวินฮ่าวเพียงเงียบลงด้วยความครุ่นคิด
ยามเช้าของวันต่อมา. หยวนชิงหลิงสั่งให้ฉีมามาไปที่ห้องเก็บของเพื่อนำรังนกกลับไปเป็นของฝากเพื่อเยื่อมเยียนบ้านเก่า
นางกลับไปครั้งนี้ มิได้พาฉีมามาและซีมามากลับไปด้วย. หากแต่พาเพียงลู่หยากลับไปผู้เดียวเท่านั้น
เมื่อล้อรถม้าหยุดลงที่หน้าจวนจิ้งโหว. ยามเฝ้าหน้าประตูจึงเปิดประตูต้อนรับเป็นอย่างดี
จิ้งโหวป่าวประกาศก่อนหน้านั้นแล้วว่า. นางจะกลับมาในวันนี้ . เมื่อเป็นเช่นนั้น ฮูหยินรองจึงได้นำสตรีในตระกูลออกมาคอยต้อนรับที่ห้องโถง. เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงเดินเข้ามา ฮูหยินรองจึงยืนขึ้นพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ "หลิงเอ่อร์กลับมาแล้วหรือ? รีบเข้ามานั่งเร็วเข้า"
หากตามกฏแล้ว นางจักต้องเรียกขานหยวนชิงหลิงว่าพระชายาด้วยความเคารพ. ทว่า เรียกหลิงเอ่อร์เช่นนี้ ย่อมแสดงถึงการแบ่งชนชั้นสื่อถึงความไม่เคารพต่อพระชายา
หยวนชิงหลิงมิได้เป็นคนโง่. เมื่อได้ยินเช่นนี้ พร้อมทั้งค่อยๆกวาดสายตามอง ไปยังผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงนั้น ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายฮูหยินรอง ยามเมื่อฮูหยินรองยืนขึ้น พวกนางจึงลุกขึ้นยืนตาม มิได้มีอารมณ์ย่ำเกรงในตัวตนของหยวนชิงหลิงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังส่งเสียกเรียกนางว่าพี่สาวน้องสาว หาใช่ว่าพระชายาไม่
หยวนชิงหลิงมิได้ตอบโต้กลับ เพียงแค่เดินตรงไปนั่งลงอย่างเฉยเมย
เมื่อกวาดสายตามองดูแล้ว นางจำได้หมดทุกคน ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายของฮูหยินรองคือสะใภ้คนโตามหลวนซื่อ. สวมใส่อาภรณ์ชุดกระโปรงสีฟ้าคราม คิ้วเรียวบางดั่งคันศร ดวงตาเฉี่ยวชั้นเดียวราวหงส์ จมูกที่เล็กบาง ริ้วรอยที่ขึ้นเป็นไรบางๆ หากแต่มิได้เด่นชัดมากนัก เป็นเพราะการบำรุงดูแลที่ดี
ข้างกันเป็นสะใภ้ของหยวนหลุนเหวินพี่ชายของเจ้าของร่างเดิมนามว่า ชุยซื่อ สวมใส่อาภรณ์ชุดกระโปรงลวดลายดอกไม้ด้วยชุดขนสีเหลือง ข้อมือพลันสวมใส่กำไลหยกพร้อมเครื่องประดับไข่มุขอันล้ำค่าบนหัวของนาง นางเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย ลักษณะนิสัยจึงมีความหยิ่งเล็กน้อย เมื่อยามที่นางจ้องมองมาที่หยวนชิงหลิงนั้น สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
ข้างๆพี่สะใภ้เป็นน้องสาวของเจ้าของร่างเดิมนาม. หยวนชิงผิง อายุได้สิบห้าหนาว. เพิ่งเข้ารับพิธีปักปิ่นไป ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นของแป้งหอม. ดวงตากลมโตสุกสกาว ตาขาวใสราวกับไข่มุข. ริมฝีปากที่เล็กบาง เมื่อมองดูก็รู้ว่า นางเป็นคนปากร้ายไม่น้อย หากแต่พิณิจดูเครื่องหน้าโดยรวมแล้ว ช่างดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ยังมีสาวใช้ห้องข้างอีกสองนาง ยืนก้มหน้าลงอยู่ด้านข้างด้วยความเชื่อฟัง เนื่องจากฐานะที่ต่ำต้อย พวกนางจึงมิได้แต่งองค์ทรงเครื่องที่ประนีตเรียบร้อยนัก
ภายในจวนยังมีสาวใช้อีกมากมาย ที่มิได้ออกมาต้อนรับ เกรงว่าฮูหยินรองคงจะเห็นว่ามีคนออกมาต้อนรับน้อยเกินไปกระมัง จึงเรียกหลานสาวอีกสองคนออกมาต้อนรับด้วยเช่นนี้
หยวนชิงหลิงกวาดสายตามองไปทั่วร่างของฮูหยินรองนั้น ในยามนี้นางดูอวบอ้วนขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ใบหน้ากลมๆ ริ้มรอยบางๆ สีผมที่เหลือบดูก็รู้ว่าเพิ่งผ่านการย้อมมาได้ไม่นาน จึงมิเห็นผมสีดอกเลาเลยสักเล็กน้อย นางสวมใส่อาภรณ์ที่ดูหรูหราเป็นอย่างมาก เนื้อผ้าไหมสีสวย. มวยผมที่ปักปิ่นอันล้ำค่า หากไม่รู้ชาติกำเนิดของนางมาก่อน คงจะคิดว่านางมาจากชาติตระกูลที่สูงส่ง ในยามนี้ ไม่มีที่ใดเลยที่จะแสดงให้เห็นว่านางเคยเป็นอดีตสาวใช้จากบ้านเก่ามาก่อน?
ใบหน้าของทุกคนที่ยืนรอต้อนรับหยวนชิงหลิงนั้น ล้วนแต่แต่งเต้มไปด้วยรอยยิ้มที่เจื่อนๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเย้ยหยันมากมาย. ผู้ใดจะคิดกันว่า ในสายตาของจวนจิ้งโหวนั้น. พระชายาผู้นี้มิได้สูงส่งอันใดเลยแม้แต่น้อย
หยวนชิงหลิงเพียงเอ่ยถามว่า "ที่จวนส่งข่าวไปเล่าว่า ท่านยายเจ็บป่วยอาการหนักเป็นอย่างมาก ยามนี้อาการเป็นเช่นไรแล้ว ?"
ฮูหยินรองทำทีลอบมองไปยังด้านนอก เมื่อเห็นว่านางมิได้พานางกำนัลฉีมามามาด้วยนั้น อารมณ์จึงนิ่งลง พร้อมกล่าวว่า "อาการของท่านยายเจ้าเป็นอย่างนั้นเสมอ. หากแต่ ครั้งนี้เป็นพ่อของเจ้าที่เรียกตัวกลับมา ให้ไปหาที่ห้องตำรา"
หยวนชิงหลิงเข้าใจความคิดของฮูหยินรองเป็นอย่างดี. เมื่อนางเห็นว่าหยวนชิงหลิง มิได้พานางกำนัลข้าหลวงมาด้วยนั้น จึงมิได้ทำตัวสร้างภาพต่อหน้าพระชายาอีกต่อไป จึงรีบเร่งไล่นางให้ไปยังห้องตำรา
หยวนชิงหลิงพลันขมวดคิ้วลง ต้องการพบนาง เหตุใดไม่ไปเข้าเฝ้านางที่วังเล่า. เหตุใดต้องโกหกว่าเป็นเพราะท่านยายป่วยด้วย ?
หากมิใช่เรื่องอาการป่วยของท่านยายแล้ว. หยวนชิงหลิงจึงทำตัวไม่รีบร้อน. เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยขึ้นมาว่า "ข้ายังมิทันได้รับสำรับมื้อเช้าเลย"
หยวนชิงหลิงมิได้ต้องการถ่วงเวลาแต่อย่างใด ทว่า นางรีบกลับมาในยามเช้าเช่นนี้ สำรับเช้าอันใดก็ยังมิได้ตกถึงท้อง หิวเสียจนมื้อเท้าไม่มีแรงไปเสียแล้ว
ฮูหยินรองเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวตอบว่า "เจ้าไปห้องตำราก่อนเสีย. ข้าจักให้คนไปเตรียมโจ๊กข้าวฟ่างให้"
"ตอนนี้! " หยวนชิงหลิงจ้องนางไปตรงๆ
ฮูหยินรองจึงเหลือบมองนางเพียงครู่หนึ่ง. แล้วจึงหันกายกลับไปสั่งกับสาวใช้ "พวกเจ้าเข้ามา. ไปจัดเตรียมโจ๊กข้าวฟ่างมาเสีย"
ไม่นานฮูหยินรองและป้าสะใภ้หลวนซื่อจึงเดินเข้ามานั่งลง พร้อมริมฝีปากที่แบะโค้งลง "ช่างโอ่อ่าเสียจริง. กลับมาถึงจวนก็ได้ทานโจ๊กข้าวฟ่างแล้ว. ที่วังอ๋องไม่มีของเช่นนี้ให้ทานหรือไร ? "
หลวนซื่อกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ บรรดาสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังพลันส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา
หลวนซื่อเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมือง ในสายตอของจวนโหวแล้ว. พวกเขาเป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้น. ยามที่พ่อของหลวนซื่อยังมิได้เข้ารับราชการนั้น ในวัยเด็ก หลวนซื่อยังต้องออกไปค้าขายพร้อมทั้งช่วยเย็บผ้าปักไปขายเพื่อที่จะช่วยจุนเจือครอบครัวของตนอีกด้วย
ลมหายใจของพ่อค้าหาบเร่ที่ยังคงอยู่นั้น . เมื่อเห็นหลวนชิงหลิงกระทำเช่นนี้ขึ้นมา. นางจึงยกตนเข้าข่มพร้อมส่งเสียงกล่าวออกมาโดยความเยาะเย้ย
หยวนชิงหลิงมิได้ลืมตามองแต่อย่างใด เพียงกล่าวออกมาว่า "ป้าสะใภ้ จะกล่าวว่าวังอ๋องยากจนเช่นนั้นหรือเจ้าคะ ถึงไม่สามารถหาทานโจ๊กข่าวฟ่างได้?"
หลวนซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง "ข้ามิได้กล่าวว่าวังอ๋องยากจน"
"ข้าหมายความว่า. พระชายาช่างล้มเหลวเสียจริง. แม้กระทั่งข้าวมื้อหนึ่งยังไม่สามารถทานที่วังอ๋องได้. จักต้องกลับมาทานโจ๊กข่าวฟ่างที่บ้านเก่าของตนเอง"
หยวนชิงหลิงสายตาเต็มไปด้วยความวาวโรจน์ พร้อมจ้องมองไปที่หลวนซื่อ
หลวนซื่อรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่นางมองมาเล็กน้อย. ราวกลับเห็นผีเสียอย่างนั้น ? ทุกครั้งที่หยวนชิงหลิงกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเก่าเช่นนี้ นางมักจะสงบเสงี่ยมมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ที่หยิ่งผยองเช่นนี้เล่า ?
ฮูหยินรองพลันแย้มยิ้มมิได้เอ่ยอันใดออกมา "พอแล้ว. พวกเจ้าสองคนเหตุใดถึงโกรธเคืองกันเช่นนี้? สำรับยังมาอีกหรือ ? รีบให้คนไปตามเสีย ใช่แล้ . วันนี้จางมามาทำขนมดอกกุ้ยฮวาด้วยใช่หรือไม่ ? ไปนำมาให้พระชายาด้วย "
เมื่อโจ๊กอุ่นลงแล้ว นางจึงเริ่มทานโจ๊กข้าวฟ่างโดยทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง. พลันมีข้ารับใช้นำขนมดอกกุ้ยฮวามาให้ทาน
MANGA DISCUSSION