ฉีมามามองดูความอุตสาหะของตนแปดเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน นางรู้สึกหวาดหวั่น ซวีอีเดินเข้ามาและเอ่ยขึ้นว่า "มามาลุกขึ้นเถอะ พระสนมเซียนมิได้ทรงกริ้วท่าน นางไปปะทะคารมณ์กับท่านอ๋องมาน่ะ"
ฉีมามาไม่กล้าถาม นางได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บเครื่องว่างบนพื้นแล้วเดินจากไป
ระหว่างทางเสด็จกลับพระราชวังของพระสนมเซียน ยิ่งคิดก็ยิ่งเคือง นางเรียกคนสนิทมาและสั่งการว่า "เจ้าไปส่งข่าวให้พ่อของข้า บอกเขาว่าเรื่องการรับพระชายารองเกิดอุปสรรค ให้เขาไปคุยกับจิ้งโหว"
"เพคะ!" มามาคนสนิทน้อมรับคำสั่ง
ช่วงนี้จิ้งโหวกำลังอารมณ์ไม่ดี ก่อนหน้านี้พระชายาฉีอ๋องส่งคนมาบอกให้เขาไปเข้าเฝ้าที่จวนฉีอ๋อง เขาเทียวไปถึง 2 วันติดๆกัน แต่พระชายาฉีอ๋องกลับไม่ยอมมาพบเขา
เดิมทีเขาไม่อยากไปอีกแล้ว แต่สถานการณ์ของตัวเขาในตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดี เขาได้แต่เพียงไปเฝ้ารอที่ประตูจวนอ๋อง เขาเฝ้ารอมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้เห็นเกี้ยวของพระชายาฉีอ๋องกลับมายังจวน
เขาเก็บซ่อนความรู้สึกไม่พอใจ เผยใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้าไปทำความเคารพ "คารวะพระชายาฉีอ๋อง!"
ฉู่หมิงฉุ่ยแหวกม่าน แล้วมองเขาด้วยสายตาแน่นิ่ง "ท่านจิ้งโหวเองหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ! พ่ะย่ะค่ะ!" จิ้งโหวเห็นนางมิได้พูดอะไรมาก เขาเองก็ไม่กล้ามากความ
แล้วฉู่หมิงฉุ่ยก็ได้เอ่ยขึ้นว่า "เชิญท่านจิ้งโหวกลับไปเถอะ ซุ้มประตูจวนฉีอ๋องไม่โอ่อ่าพอ เกรงว่าจะเป็นการหมิ่นเกียรติของท่าน หากพระชายาฉู่อ๋องไม่พอพระทัยและไปเพ็ดทูลเรื่องข้าต่อฮ่องเต้คงจะไม่ดีแน่ เชิญท่านกลับไปเสียเถอะ"
พูดจบ ก็ปลดม่านลง เกี้ยวพระที่นั่งถูกหามเดินหน้าต่อไป ปล่อยให้จิ้งโหวยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ถึงอย่างไร จิ้งโหวก็ขึ้นชื่อว่าเป็นโหวเจว๋ การมารอเข้าเฝ้าถึง 3 วันติดต่อกันแต่กลับถูกผลักไส นับว่าเป็นเรื่องที่น่าละอายยิ่งนัก เขาหน้าดําคร่ำเครียด จะถอยก็ไม่ได้ จะเดินหน้าต่อไปก็ไม่ไหว
จนกระทั่งเขาได้พบกับสายตาเยาะเย้ยของคนที่เฝ้าประตูจวนฉีอ๋อง เขาจึงถอนหายใจอย่างแรงด้วยความโกรธและหันหลังกลับไป
"ท่านจิ้งโหว!" มีเสียงเรียกตะโกนมาจากด้านหลัง
จิ้งโหวหันไปมองด้วยความหงุดหงิด ก็ได้พบกับสาวใช้ของฉู่หมิงฉุ่ยเดินเข้ามาหา ใบหน้าของมีรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตร "พระชายารับสั่งว่าเมื่อครู่นี้ได้เสียมารยาทไป นางให้ข้าน้อยมาขอโทษท่านค่ะ"
จิ้งโหวรู้สึกโกรธเคือง ส่งสาวใช้มาขอโทษ? จะไปต่างอะไรกับการดูถูกเขาซึ่งๆหน้า? พระชายาฉีอ๋องผู้นี้ช่างดูถูกคนเสียจริง
สาวใช้พูดว่า "ท่านจิ้งโหวอย่าถือโทษไปเลยนะคะ พระชายาทรงรู้สึกไม่ดีมาจากในวังน่ะค่ะ"
เมื่อได้ฟังเรื่องที่เกี่ยวกับในวัง จิ้งโหวก็พลันตกใจ เขาถามนางอย่างระมัดระวังว่า "ไม่ทราบว่าพระชายาฉีอ๋องทรงรู้สึกไม่ดีด้วยเรื่องอันใด?"
สาวใช้จึงรายงานว่า "คงจะพูดอะไรมากไม่ได้หรอกค่ะ เชิญท่านจิ้งโหวกลับไปทูลถามพระชายาฉู่อ๋องจะดีกว่า ฮองเฮาทรงรับสั่งว่า เป็นคนต้องรู้จักเผื่อใจ ฮ่องเต้อาจจะมิได้ทรงต้องการพบนาง แต่ก็มิอาจหักหน้าเชื้อเครือในราชวงศ์ ขอท่านจิ้งโหวโปรดพิจารณาดูเถิด อย่าลงเอยด้วยการให้พระชายาฉู่อ๋องมาขัดขวางหนทางก้าวหน้าในอนาคตของท่านเลย เฮ่อ ช่างน่าเสียดายจริงๆ พระชายาฉีอ๋องเดิมทีทรงต้องการพาท่านจิ้งโหวไปพบกับใต้เท้าโสวฝู่……"
เมื่อสาวใช้พูดจบ นางก็ก้มคารวะแล้วเดินเข้าไปในจวน
หลังจากที่จิ้งโหวได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้แล้ว เขาทั้งโกรธและตกใจ นี่หยวนชิงหลิงได้ทำอะไรลงไปกันแน่? จึงทำให้พระชายาฉีอ๋องทรงกริ้วได้ถึงเพียงนี้
เขารู้ว่าการที่พระชายาฉีอ๋องให้เขามาพบที่จวน ก็เพราะมีจุดประสงค์ที่จะชักจูงเขา นึกไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะถูกทำลายลงเพราะหยวนชิงหลิง
ผู้หญิงหัวรั้นคนนี้ ไม่เคยช่วยอะไรเขาเลย มิหนำซ้ำ ยังทำให้เขาต้องเสียแผนต่างๆนานา มันช่างน่าโมโหเสียจริง
เมื่อเขาครุ่นคิดดีแล้ว ก็สั่งคนไปส่งข่าวที่จวนฉู่อ๋อง โดยบอกว่าท่านฮูหยินใหญ่ป่วยหนัก ขอให้พระชายาฉู่อ๋องเสด็จกลับบ้านเดิมไปเยี่ยมนาง
ฉู่หมิงฉุ่ยเข้าไปในจวน นางดื่มน้ำชาอย่างไม่ทุกข์ร้อน เมื่อเห็นสาวใช้กลับมา นางก็ได้เอ่ยขึ้นว่า "ถ่ายทอดคำพูดของข้าเรียบร้อยแล้วหรือยัง?"
สาวใช้ตอบกลับมาว่า "พระชายาวางพระทัยเถิดเพคะ ถ่ายทอดทุกคำโดยไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียวเลยเพคะ จิ้งโหวโกรธมากๆเลยเพคะ"
ฉู่หมิงฉุ่ยรับทราบ และไม่พูดอะไรต่อไปอีก
ก่อนออกจากวังในครั้งนี้ ฮ่องเต้ทรงสั่งให้มู่หยูกงกงมาบอกนางว่า ให้นางลดการข้องเกี่ยวเรื่องต่างๆภายในวังนับจากนี้เป็นต้นไป
ท่านป้าเองก็ตำหนินาง หากไม่ยกเรื่องเสด็จปู่มาพูด เกรงว่าท่านป้าก็คงจะไม่ปล่อยนางไปแน่
หยวนชิงหลิงมองสถานการณ์ทุกอย่างออกอย่างชัดเจน? เรื่องนี้ช่างล้ำเกินกว่าที่นางจะคาดเดาได้
คนคนนี้ไม่ป้องกันเห็นทีจะไม่ดีแน่ ผู้ที่จะเล่นงานนางได้ คงมีเพียงจวนจิ้งโหว หากจวนจิ้งโหวยังอยากเจริญรุ่งเรือง ก็จำเป็นจะต้องหนีบหางของหยวนชิงหลิงขึ้นมา
หยวนชิงหลิงไม่ได้รับความรักและการเอาใจใส่ภายในจวนฉู่อ๋อง พี่อวี่เหวินฮ่าวก็หาได้ชายตามองนางไม่ นางจะขาดแรงสนับสนุนจากบ้านเดิมของนางไม่ได้ ดังนั้น คำพูดของจิ้วโหว ถึงอย่างไรนางก็ต้องฟังและทำตามอย่างไม่มีทางเลือก
แต่ฉู่หมิงฉุ่ยก็รู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ การที่หยวนชิงหลิงรู้เรื่องการแพทย์ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดเดามากๆ และนางยังเป็นคนจิตใจดี ไม่แน่ว่า ในอนาคตนางอาจจะเป็นเหยื่อที่สามารถเขมือบนักล่าก็เป็นได้?
แต่ถ้าหากจิ้งโหวคุมนางไม่อยู่แล้วล่ะก็ เห็นทีคงจะปล่อยหยวนชิงหลิงเอาไว้ไม่ได้แล้ว
คนของจิ้งโหวมาส่งข่าวถึงจวนฉู่อ๋องแล้ว โดยบอกว่าท่านฮูหยินใหญ่ป่วยหนัก ขอให้หยวนชิงหลิงหาเวลาว่างกลับไปเยี่ยมนางเสียหน่อย
เมื่อหยวนชิงหลิงทราบเรื่องแล้ว ในสมองของนางก็ครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องของจวนจิ้งโหว
หลู่ซื่อ ท่านฮูหยินใหญ่แห่งจวนจิ้งโหว นางเป็นราชนิกูล นางเป็นคนเฉียบขาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อนางได้แต่งงานและมาดูแลจวน จวนจิ้งโหวก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก การที่จิ้งโหวได้เข้าทำงานในกรมทหาร ก็เป็นเพราะนางเป็นผู้ฝากฝังนั่นเอง
แต่ว่า เมื่อ 8 ปีก่อน ท่านฮูหยินใหญ่ก็ได้ล้มป่วยลง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่อาจลุกจากเตียงได้ หมอได้ลงความเห็นว่านางคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่นางก็ถือว่าเข้มแข็งมาก นางอดทนอดกลั้น จนข้ามผ่านช่วงเวลาต่างๆจนมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้ท่านฮูหยินใหญ่ไม่ได้ดูแลจัดการธุระในจวน หวางซื่อ มารดาของหยวนชิงหลิง นางเป็นคนดูแลจัดการธุระในจวนได้ไม่เก่งพอ ธุระต่างๆในจวนจึงถูกมอบหมายให้โจวซื่อ ซึ่งเป็นท่านฮูหยินรองรับผิดชอบดูแล
เมื่อเอ่ยถึงโจวซื่อ ก็นับว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทมากเลยทีเดียว
เดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่ถูกส่งมาให้ติดตามรับใช้ท่านฮูหยินใหญ่เมื่อครั้งที่ท่านฮูหยินใหญ่ออกเรือน ตามหลักแล้ว นางควรจะเป็นอนุภรรยาของนายท่านใหญ่ ด้วยความที่นางรูปโฉมงดงาม ทักษะด้านต่างๆก็นับว่าไม่เลว ไม่รู้ว่านางไปตั้งครรภ์กับนายท่านรองได้อย่างไร สถานการณ์เช่นนี้ ให้นายท่านรองรับนางเข้ามาเป็นอนุภรรยาก็ได้ แต่นางยืนกรานเด็ดขาดว่าจะไม่ขอเป็นอนุภรรยา นางถึงกับยอมตาย โดยการแขวนคอตนเอง ทำให้นายท่านรองรู้สึกซาบซึ้งในตัวนางยิ่งนัก ที่ถึงกับมีผู้หญิงทั้งคนยอมพลีชีพเพราะเขา ส่งเสริมความมีหน้ามีตาของเขาได้เป็นอย่างดี
เมื่อมีคนไปช่วยชีวิตนางไว้ นายท่านรองก็รับนางมาเป็นเอกภริยาโดยไม่สนใจเสียงทัดทานจากคนในจวน
หลังจากที่ท่านฮูหยินใหญ่ล้มป่วย นางก็เป็นคนดูแลจัดการธุระต่างๆในจวน แม้แต่จิ้งโหวฮูหยิน ซึ่งก็คือหวางซื่อ มารดาของหยวนชิงหลิง ก็ยังต้องคอยฟังคำสั่งของนาง
จิ้งโหวเองก็เคารพรักท่านป้าคนนี้เป็นอย่างมาก ในจวนตอนนี้หาได้มีใครนึกถึงท่านฮูหยินใหญ่ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง มีแต่คนที่รู้จักเพียงท่านฮูหยินรอง กิจธุระนอกจวน ก็มักจะปรากฏชื่อของท่านฮูหยินรองอยู่เสมอ
ความสัมพันธ์ระหว่างหยวนชิงหลิงและท่านยายนับว่าดีมาก เพราะเมื่อหยวนชิงหลิงทราบข่าวเรื่องการเจ็บป่วยของท่านยายแล้ว ใจนางก็พะวงเป็นที่สุด
นางวางแผนในทันทีว่า วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปเยี่ยมท่านยายที่บ้านเดิม
ฉีมามาทำตามดังเช่นที่เคยปฏิบัติมา นำเส้นทางการเดินทางของหยวนชิงหลิงไปบอกกับทังหยาง ส่วนทังหยางก็ไปรายงานต่ออวี่เหวินฮ่าว
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวได้ฟังก็หัวเราะ "ดูเหมือนว่า พ่อตาของข้าคงจะทนไม่ได้แล้วสินะ"
"จริงๆแล้วท่านอ๋องคงไม่อยากให้พระชายาเสด็จกลับไปใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ทังหยางรู้สึกอึดอัดใจ เมื่อพระชายาเสด็จกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าจิ้งโหวจะมีแผนอะไรเตรียมไว้อีก พระชายาทรงต้องเชื่อฟังคำของจิ้งโหว ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของนางกับท่านอ๋องก็ไม่สู้ดีนัก สร้างความกดดันให้กับจิ้งโหว พระชายาจะต้องหาเรื่องมารังควานท่านอ๋องเป็นแน่
เรื่องพวกนั้น ทังหยางคิดไปคิดมาก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
"ท่านฮูหยินใหญ่ป่วยหนัก นางจะต้องกลับไป รอให้นางกลับมาที่นี่แล้ว นางจะหาเรื่องอย่างไร ข้าก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และจะไม่ให้นางมาพบข้าด้วย" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างไม่ไยดี
"กลัวก็แต่ท่านจิ้งโหว ไม่รู้ว่าเขาจะเสี้ยมสอนอะไรอีก หากให้แขวนคอตายคงจะไม่เหมาะ เพราะไท่ซั่งหวงก็ทรงจับตาดูนางเป็นพิเศษ แล้วยังส่งซีมามาออกนอกวังมาพร้อมกับนางด้วย" ทังหยางกล่าวอย่างเป็นกังวล
อวี่เหวินฮ่าวครุ่นคิดไปถึงเหตุการณ์ในอดีต หนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด สามแขวนคอตาย นัยน์ตาของเขาพลันรู้สึกเหนื่อยหน่าย "หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงต้องถูกเสด็จพ่อตำหนิและลงโทษ แล้วก็คงต้องสั่งปลดนาง"
MANGA DISCUSSION