พระสนมเซียนทรงเป็นกังวลมาก "เจ้าไปมีเรื่องกับใครกันแน่? เหตุใดจึงมีคนร้ายมาทำร้ายเจ้าเช่นนี้?"
"กระหม่อมมิได้ไปมีเรื่องกับผู้ใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ" อวี่เหวินฮ่าวปลอบโยน "มันจบไปแล้ว ไม่เป็นไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนร้ายก็ถูกกำจัดไปจนสิ้นแล้ว ลูกพ้นจากความอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"แม่ไม่ได้โง่นะ……" นางเงยหน้าแล้วทอดพระเนตรไปที่หยวนชิงหลิง นางรู้สึกสุดจะทนแล้วจริงๆ "เจ้ายืนนิ่งอยู่ทำไม? ไม่รู้จักสั่งคนไปทำน้ำแกงมาหรือ? นี่เจ้าดูแลคนไข้เช่นนี้น่ะหรือ?"
หยวนชิงหลิงมองอวี่เหวินฮ่าว "ท่านอ๋องทรงอยากเสวยอะไรหรือไม่เพคะ?"
พระสนมเซียนไม่พอพระทัย "เจ้าก็สั่งคนไปเตรียมมาสิ อะไรที่ทานแล้วไม่ดี คนไข้ควรทานอะไร เรื่องเช่นนี้เจ้ายังต้องถามอีกหรือ เรื่องเล็กๆแค่นี้ยังบกพร่องได้ ดูเหมือนว่า ธุระภายในจวนอ๋องแห่งนี้ เจ้าคงจะรับผิดชอบจัดการไม่ไหว ไยไม่ลองหาใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าดูเล่า"
หยวนชิงหลิงแสยะยิ้มในใจ เสด็จมาถึงนี่ก็ด้วยเรื่องรับพระชายารองสินะ? เกรงว่าตนจะอาละวาดงั้นหรือ? ประเมินค่าตนสูงเกินไปแล้ว ตนไม่มีทางอาละวาดแน่นอน
พระสนมเซียนประทับหลังตรง ท่าทางสง่างาม "ที่แม่มาครั้งนี้ นอกจากจะมาดูอาการบาดเจ็บของเจ้าแล้ว ยังมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะหารือกับเจ้า"
อวี่เหวินฮ่าวรู้ว่านางจะพูดสิ่งใด เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เอาไว้ก่อนเถอะนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกยังไม่หายดี คงไม่สะดวกที่จะหารือในตอนนี้"
"ถึงอย่างไรก็ต้องพูด" พระสนมเซียนยืนกรานเสียงกร้าว "แม่เคยเกริ่นเรื่องนี้กับเสด็จพ่อของเจ้าไปแล้ว เสด็จพ่อของเจ้ามิได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพียงแค่รอสั่งคนไปติดต่อตระกูลฉู่ หากตระกูลฉู่ตกลง ก็จะได้ดำเนินการได้เลย อีกอย่าง หากเสด็จพ่อของเจ้าเป็นฝ่ายเอ่ยปาก ตระกูลฉู่ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน เจ้าเพียงแค่รักษาตัวให้ดีๆ เมื่อหายดีแล้ว จะได้ดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ"
"พอเถอะพ่ะย่ะค่ะ โปรดอย่ารับสั่งอีกเลย" อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกฟุ้งซ่าน เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้ในเวลานี้
พระสนมเซียนรับสั่งเสียงเข้ม "ที่นี่ไม่มีคนนอก มีสิ่งใดที่พูดไม่ได้งั้นหรือ? หากไม่เกิดเรื่องจวนองค์หญิงเมื่อ 1 ปีก่อน เจ้าก็จะได้อภิเษกกับชุ่ยเอ๋อร์แล้ว ไยสถานการณ์จึงพลิกผันมาเป็นเช่นนี้ไปได้? เสด็จพ่อของเจ้าจะไม่ทรงแยแสเจ้า แถมยังคอยสร้างความกดดันให้กับเจ้าก็ช่างเถอะ แต่เขาก็ยังพอมีพระเมตตา ไม่ขัดข้องเรื่องการรับพระชายารองของเจ้าเพื่อมาค้ำจุนตำแหน่งของเจ้า"
คำพูดนี้ พระสนมเซียนทรงตั้งใจที่จะให้หยวนชิงหลิงได้ฟัง
ความจงเกลียดจงชังที่พระสนมเซียนทรงมีต่อหยวนชิงหลิงนั้นหาใช่แค่เพียงน้อยนิด ความปรารถนาที่มีมานานหลายปีต้องพลันมาสูญสิ้นไปโดยที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้นางไม่อาจปล่อยวางความชิงชังตรงนี้ไปได้
ปีนี้สุขภาพของนางไม่ค่อยสู้ดี สาเหตุก็มาจากเพลิงความชิงชังที่สุมอยู่ในใจ
นางทอดพระเนตรมาที่หยวนชิงหลิงซึ่งมีทีท่าเป็นทองไม่รู้ร้อน สีหน้าของนางมิได้มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย พระสนมเซียนทรงกริ้วเป็นอย่างมาก นางตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น "ข้าจะขอบอกเจ้าเอาไว้ เรื่องนี้เจ้าจะเต็มใจหรือไม่ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับ หากเจ้ากล้าแอบทำเรื่องตุกติกจนเสียงานแล้วล่ะก็ ข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่"
หยวนชิงหลิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันแน่นิ่ง "ต่อให้ถอดหม่อมฉันออกจากตำแหน่ง หม่อมฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกเพคะ อย่าได้ทรงกังวลกับเรื่องการรับพระชายารองไปเลย เรื่องนี้ หม่อมฉันได้แสดงความชัดเจนต่อเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้ไปแล้ว เชิญพวกท่านพูดคุยกันตามสะดวก หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ!"
พูดจบ นางก็หันหลังเดินออกไป
พระสนมเซียนทรงนึกไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิงจะโต้ตอบนางด้วยท่าทีเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ท่าทีของการยินยอม แต่เป็นท่าทีของผู้ที่จะก่อเรื่องวุ่นวาย ดูๆแล้ว นางคงจะคัดค้านเรื่องการรับพระชายารองของเจ้าห้า
สีพระพักตร์ของพระสนมเซียนดูเคร่งขรึม นางมองอวี่เหวินฮ่าวด้วยแววตาอันเยือกเย็น "เจ้าจะปล่อยให้นางทำเช่นนี้น่ะหรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวเงยหน้าขึ้นมามอง "ชีวิตของลูกชีวิตนี้ นางเป็นคนช่วยเหลือไว้ ในตอนนั้นแม้แต่หมอหลวงก็ยังถอดใจไปแล้ว"
พระสนมเซียนตกตะลึง "นาง? นางรู้เรื่องการแพทย์ด้วยหรือ?"
และนางก็ยังแสยะยิ้มพูดต่อไปอีกว่า "ดูเจ้าสิ ก่อนหน้านี้เจ้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่เต็มใจอภิเษกกับนาง แต่มาวันนี้กลับออกปากปกป้องนาง นี่ผ่านไปเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เจ้ากลับมีความรู้สึกให้นางแล้วหรือนี่? เจ้าอย่าลืมว่านางกับจิ้งโหวเคยทำกับเจ้าไว้อย่างไร อีกอย่าง จิ้งโหวผู้นี้ท่าทางไม่เอาไหน เจ้าจะต้องครอบครองแรงสนับสนุนจากตระกูลฉู่ให้ได้ จึงจะสามารถนำพาความก้าวหน้ามาสู่ตนเอง"
อวี่เหวินฮ่าวเริ่มจะหมดความอดทน "เสด็จแม่ เรื่องพวกนี้เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันดีไหมพ่ะย่ะค่ะ? ตอนนี้ลูกไม่มีกะจิตกะใจจะมาคิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้จริงๆ"
พระสนมเซียนไม่พอพระทัย "แม่ก็ทำไปเพื่อเจ้า หากเจ้าไม่ลงทุนลงแรงเพื่อสถานะที่ดีกว่า เขาไม่มีทางปล่อยเจ้าเป็นแน่ ไยจึงไม่เพียรพยายามเสียหน่อยเล่า? เมื่อก่อนหากไม่ใช่ตระกูลฉู่ส่งคนเข้ามาแทรกแซง แม่ของเจ้าก็คงได้ขึ้นเป็นฮองเฮาไปแล้ว เจ้าก็จะเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา คงไม่ต้องมาตะเกียกตะกายแก่งแย่งเช่นนี้"
อวี่เหวินฮ่าวหลับตาลง แก่งแย่ง? แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยคิดเรื่องการแก่งแย่งมาก่อนเลย
เสด็จพ่อยังมีพระชนมายุไม่มาก ต่อให้แย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทมาได้ จะครอบครองตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงไปได้นานสักเท่าใดกัน? นับตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่สมรภูมิรบในวันแรก ในใจของเขาก็หวังแค่เพียงได้ปกป้องชายแดนของพื้นที่ราชวงศ์เป่ยถัง
แต่การที่เขาถูกเคี่ยวเข็ญเช่นนี้ ใครต่อใครจึงมองว่าเขาฝันใฝ่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นอย่างมาก
พระสนมเซียนเห็นว่าเขามีท่าทีเหม่อลอย ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้นางไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก "ดูท่าทางของเจ้าในตอนนี้เหมือนอะไรรู้หรือไม่? หากเจ้ายังปล่อยเลยตามเลยเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเสด็จพ่อของเจ้าคงจะถอดยศอ๋องของเจ้าคืนไปด้วย เจ้าไม่คิดที่จะต่อสู้เพื่อแม่หน่อยหรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวลืมตาขึ้นมา แววตาของเขาแฝงไปด้วยความชิงชัง "ต่อสู้? เสด็จแม่ทรงต้องการให้กระหม่อมต่อสู้เรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ? ให้ลุกขึ้นมาแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"เจ้าจะพูดเสียงดังไปเพื่ออะไร? กลัวคนอื่นจะไม่ได้ยินงั้นหรือ?" พระสนมเซียนลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น "ตำแหน่งองค์รัชทายาทควรจะเป็นของเจ้าตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับต้องมาคอยแก่งแย่ง ช่างไม่ยุติธรรมต่อแม่ของเจ้าเสียเลย เครือญาติทางฝั่งแม่ต้องลงทุนลงแรงเพื่อเจ้าไปมากมายเพียงใดเจ้ารู้หรือไม่? เจ้าจะทำให้ความเหนื่อยยากของพวกเขาต้องสูญเปล่าไปได้อย่างไรกัน?"
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวได้ยินคำพูดนี้ แทนที่เขาจะไม่พอใจแต่เขากลับยิ้มออกมา "ลงทุนลงแรงไปมากมายงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? แต่พวกเขาก็เรียกร้องจากกระหม่อมไปไม่น้อย กระหม่อมไม่เคยเรียกร้องให้พวกเขาลงทุนลงแรงอะไรเลย พวกเขาเป็นข้าราชบริพารของเสด็จพ่อ ขอเพียงพวกเขาจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อและราชบัลลังก์ก็ดีแล้ว เสด็จพ่อยังมีพระชนมายุไม่มาก จะมีความคิดเช่นนั้นไปเพื่ออะไรพ่ะย่ะค่ะ?"
"เจ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!" พระสนมเซียนกริ้วโกรธจนตัวสั่น "ดูเหมือนว่าการมาที่นี่ของข้าในวันนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดไป เจ้าดื้อดึง ไม่เห็นใจคนที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้าในยามที่เจ้าทุกข์ร้อน"
เมื่อทังหยางที่ยืนอยู่ข้างๆได้ฟัง จึงเข้ามาพูดจาเกลี้ยกล่อม "พระสนมเซียนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านอ๋องยังคงเจ็บหนัก ไม่สะดวกพูดคุยเรื่องนี้ได้จริงๆ รอให้ท่านอ๋องหายดีแล้วค่อยมาหารือกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"
"ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องหารือกันอีกแล้ว เรื่องการรับพระชายารอง ถึงอย่างไรก็ต้องทำ เสด็จพ่อของเจ้าอุตส่าห์ยินยอม หากเจ้ากลัวว่าหยวนชิงหลิงจะคัดค้าน ข้าจะสังหารนางทิ้งเสียก่อนก็แล้วกัน"
อวี่เหวินฮ่าวไม่มีกะจิตกะใจจะมาโต้เถียงกับนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาได้แต่เอ่ยว่า "ทรงสังหารเถอะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่พอพระทัยก็พอแล้ว"
พระสนมเซียนรู้สึกเกรี้ยวกราด "เจ้าอย่าพูดเรื่อยเปื่อย หากถึงเวลาที่แม่ลงมือจริงๆ ประเดี๋ยวเจ้าจะมาโทษแม่อีก"
ทังหยางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "พระสนมอย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องยังทรงเจ็บแผล ทรงครุ่นคิดเรื่องอื่นไม่ได้จริงๆพ่ะย่ะค่ะ เชิญพระองค์เสด็จไปรับเครื่องว่าง ฉีมามาทราบว่าพระองค์จะเสด็จมา นางก็รีบเตรียมเครื่องเสวยที่พระองค์ทรงโปรดเอาไว้รอเลยพ่ะย่ะค่ะ"
พระสนมเซียนยังคงรู้สึกอัดอั้น นางกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า "ไม่กินแล้ว ข้ามาจวนลูกชายข้าทั้งทีแต่กลับต้องมาอารมณ์เสียเช่นนี้ จะให้ข้ากินอะไรลงได้อีก? เจ้าคอยดูแลอาการของเขาให้ดีๆก็แล้วกัน ข้าไปล่ะ"
พระสนมเซียนทอดพระเนตรเห็นสีหน้าไร้ความรู้สึกของอวี่เหวินฮ่าว ยิ่งทำให้นางไม่สบอารมณ์ จากนั้น นางก็หันหลังแล้วเดินออกไป
ทังหยางรีบตามไปส่งเสด็จ ฉีมามากำลังยกสำรับเครื่องว่างเดินมาพอดี "พระสนม หม่อมฉันได้เตรียม……"
พระสนมเซียนไม่ชายตามองแม้แต่น้อย นางยื่นมือไปผลักจนสำรับเครื่องว่างตกลงไปบนพื้น ฉีมามาตกใจจนรีบคุกเข่า "หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ!"
พระสนมเซียนหาได้หยุดเดินไม่ ชายกระโปรงของนางลากไปกับบันไดหิน นางเดินจากไปอย่างน่าหวั่นเกรง
MANGA DISCUSSION