เครื่องเสวยมื้อเย็นถูกจัดเตรียมโดยฉีมามา หยวนชิงหลิงไม่มีความรู้สึกอยากอาหาร นางเพียงแค่ตักซุปเข้าไปคำหนึ่งแล้วสั่งให้ฉีมามายกสำรับออกไป
ฉีมามาเห็นว่านางดูอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก ได้แต่เพียงสั่งให้ลู่หยานำสำรับไปเก็บ
ในขณะที่ฉีมามากำลังหันหลังเพื่อจะเดินออกไป หยวนชิงหลิงก็ได้พูดขึ้นมาว่า "มามา หั่วเกออาการดีขึ้นหรือยัง?"
เมื่อฉีมามาได้ยินนางพูด ก็หันหลังกลับไปตอบ "ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงเป็นห่วง เขาอาการเป็นปกติดีแล้วเพคะ"
"พรุ่งนี้ข้าจะแวะไปเยี่ยมเขานะ" หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้น
"เพคะ ขอบพระทัย!" ฉีมามาไม่นึกว่าในยามที่นางกำลังหงุดหงิด นางยังมีน้ำใจนึกถึงหั่วเกอ ฉีมามารู้สึกตื้นตันขึ้นมาในทันที
หยวนชิงหลิงอ่านหนังสือสักพัก นางกำลังจะเข้านอน โดยหวังว่าจะนอนฝันถึงเรื่องราวดีๆ
ซีมามาพลันเดินเข้ามา เมื่อนางเข้ามาข้างในแล้วก็ปิดประตูอย่างแน่นหนา
หยวนชิงหลิงมองไปที่นาง "มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?"
ซีมามาก้มคารวะ แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เชิญพระชายารับสั่งออกมาตรงๆเถอะเพคะ จะจัดการกับหม่อมฉันด้วยวิธีใด?"
หยวนชิงหลิงหัวเราะเบาๆ "ไม่จัดการอะไรทั้งนั้น"
ซีมามายืนเงียบ "เช่นนั้น หม่อมฉันเข้าใจแล้ว ความหมายของพระชายาก็คือต้องการให้หม่อมฉันปลิดชีพตนเอง ความคิดนี้คงเป็นเฉกเช่นเดียวกับความคิดของฮ่องเต้"
หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแน่นิ่ง "ฮ่องเต้ทรงคิดเช่นไรข้าหารู้ไม่ ข้ามิบังอาจคาดเดาความคิดของพระองค์ แต่ไท่ซั่งหวงเคยรับสั่งกับข้าเอาไว้ว่า ให้ข้าดูแลเจ้าให้ดีๆ"
ซีมามามองนางอย่างเหลือเชื่อ ริมฝีปากของฉีมามาสั่นเล็กน้อย "ไท่ซั่งหวงทรงรับสั่งเช่นนั้นจริงหรือเพคะ?"
"ข้าไม่จำเป็นต้องโกหกเจ้า หากเจ้าคิดที่จะปลิดชีพตนเองทิ้งเพื่อชดเชยความผิด ไม่สู้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อตอบแทนน้ำพระทัยอันประเสริฐของไท่ซั่งหวง ความคิดของเจ้า ข้าไม่อาจไปกำหนดแทนเจ้าได้ เชิญกลับไปก่อน ข้าจะพักผ่อนแล้ว" หยวนชิงหลิงเอ่ยคำพูดส่งแขกอย่างตรงไปตรงมา
ซีมามาหันหลังกลับไปด้วยความรู้สึกหนักหน่วง เมื่อนางเดินออกไปได้ไกลแล้ว หยวนชิงหลิงยังคงได้ยินเสียงทอดถอนหายใจของนาง
ความรู้สึกที่นางสร้างขึ้นมาให้กับหยวนชิงหลิง เป็นความอัดอั้นที่นางมีมาอย่างเนิ่นนาน และเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจพูดกับใครได้ หยวนชิงหลิงไม่ต้องการที่จะตัดสินนาง และไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น คนเราทุกคนควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปด้วยตนเอง
ในส่วนของฉู่หมิงฉุ่ย ฮ่องเต้จะทรงจัดการกับนางอย่างไร หยวนชิงหลิงคิดว่าหาได้เกี่ยวกับตนไม่ ฉู่หมิงฉุ่ยเป็นลูกหลานตระกูลฉู่ ฮองเฮาทรงเป็นบุตรีแห่งตระกูลฉู่ ด้วยความสัมพันธ์ทางเครือญาตินี้ ฮ่องเต้มิสามารถมองข้ามได้ เขาได้แต่เพียงว่ากล่าวตักเตือนนางเท่านั้น
ตลอดทั้งราตรีหาได้ฝันถึงเรื่องใดไม่
หลังจากตื่นนอน หยวนชิงหลิงยังคงรู้สึกหดหู่ นี่ถือเป็นการนอนหลับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ข้ามภพมา แต่นางกลับไม่รู้สึกยินดีเลย
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ นางก็ได้ไปเยี่ยมหั่วเกอ
บาดแผลของหั่วเกอดีขึ้นมาก แต่ยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย
หั่วเกอทั้งยำเกรงและหวาดกลัวนาง เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา บางครั้งจึงจะมองดูนางด้วยแววตาเทิดทูน
"ไม่เป็นอะไรแล้วนะ!" หยวนชิงหลิงลูบศีรษะของเขา "ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องทำงานหนักอีก อายุอย่างเจ้า ควรจะศึกษาเล่าเรียน"
"ศึกษาเล่าเรียน?" หั่วเกอตาลุกวาว
"ใช่แล้ว ข้าจะหาโรงเรียนให้กับเจ้า" เมื่อนางพูดจบ จึงนึกขึ้นมาได้ว่าที่นี่คงไม่มีโรงเรียน บ้านของผู้ที่มีอยู่มีกินจะเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือที่บ้าน เด็กผู้ชายที่เป็นเครือญาติกันจะมาเรียนด้วยกัน ลูกของบ่าวไพร่แทบจะไม่มีโอกาสได้เข้าถึงการศึกษา
แต่นางก็ได้เอ่ยปากออกไปแล้ว นางไม่รู้จะทำเช่นไรดี
ฉีมามาจึงพูดแทรกขึ้นมาว่า "พระชายาช่างมีน้ำพระทัย เขาเป็นลูกชนชั้นบ่าวไพร่ ต้องทำงานหนักเพคะ"
"ท่านย่า ข้าอยากเรียนหนังสือ" หั่วเกอเอ่ยขึ้นเบาๆ
"อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย!" ฉีมามาจ้องเขาตาเขม็ง
หั่วเกอคอตก เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ความปรารถนาภายในใจค่อยๆจางหายลงไปเรื่อยๆ เขารู้ดีว่านั่นคือความใฝ่ฝันอันเกินตัว
หยวนชิงหลิงรู้สึกหดหู่ในใจ นี่ไม่ใช่สังคมที่มีความเท่าเทียม แต่ความสามารถของนางก็มีจำกัด
มีหญิงรับใช้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ดูเหมือนนางจะมีเรื่องด่วน เมื่อนางเห็นหยวนชิงหลิงอยู่ที่นี่ก็ตกใจเล็กน้อย เหตุใดพระชายาจึงได้มาอยู่ในเรือนเล็กๆเช่นนี้?
"มีเรื่องอะไร?" ฉีมามาเอ่ยถาม
หญิงรับใช้ได้สติ นางคารวะหยวนชิงหลิงแล้วจึงกล่าวรายงานว่า "ใต้เท้าทังขอให้ท่านช่วยเตรียมติ่มซำเอาไว้เจ้าค่ะ ในวังส่งข่าวมาว่า พระสนมเซียนจะเสด็จจากวังมาที่จวนเจ้าค่ะ"
"พระสนมเซียนจะเสด็จมางั้นหรือ?" ฉีมามาใจเต้น "ได้ เจ้ากลับไปตอบใต้เท้าทัง ว่าข้าจะจัดเตรียมให้ตามนั้น"
ฉีมามาเป็นผู้รับใช้ติดตามมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่พระสนมเซียนถวายตัว เมื่ออวี่เหวินฮ่าวแยกออกมาอยู่ในจวนแล้ว พระสนมเซียนจึงส่งมอบนางให้กับอวี่เหวินฮ่าว
เมื่อได้ยินว่าเจ้านายเก่าจะเสด็จมา ฉีมามาย่อมดีใจเป็นธรรมดา
ทว่าในใจของหยวนชิงหลิงกลับมีเงามืดเข้ามาปกคลุม
พระสนมเซียน ผู้ที่รังเกียจนางที่สุดภายในวังหลวง การเสด็จออกนอกวังครานี้ เกรงว่าจะเป็นเพราะข่าวที่อวี่เหวินฮ่าวได้รับบาดเจ็บถูกแพร่ออกไปยังวังหลังกระมัง? จริงๆแล้ว การที่พระสนมเซียนจะสืบข่าวเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องง่าย เพียงแต่นางแสร้งทำเป็นป่วย และเก็บตัวเงียบไม่ให้ผู้อื่นรู้ความเคลื่อนไหว
นางกลับไปยังหอเฟิ่งอี๋ พระสนมเซียนเสด็จมา นางในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรแต่งกายงดงามเป็นพิเศษมาคอยให้การต้อนรับ
รอยแผลบนหน้าผาก ซีมามาใช้ผงแป้งโรยอย่างหนาเพื่อปกปิด แต่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยให้เห็นค่อนข้างชัดเจน
หยวนชิงหลิงแต่งกายได้ไม่เลว แม้จะมิได้งดงามล้ำเลิศ เมื่อเทียบกับฉู่หมิงฉุ่ยแล้วก็ยังต่างกันค่อนข้างมาก แต่ทว่า สิ่งที่นางมีเหนือกว่าก็คือดวงตาที่ส่องประกายความเอื้ออารี การวางตัวดี และยังมีความหนักแน่น
ซีมามาประสานสายตากับนางผ่านทางคันฉ่อง ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกผิดที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้
หยวนชิงหลิงกลับมีแววตาที่แน่นิ่ง
เวลาที่พระสนมเซียนเสด็จมาถึงที่จวนอ๋อง ก็เป็นเวลาช่วงเที่ยงวัน
แสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงเจิดจ้ามาก แม้จะมีสายลมเย็นพัดผ่าน แต่ยามที่หยวนชิงหลิงยืนรอรับเสด็จอยู่ที่ประตูจวน นางกลับรู้สึกราวกับถูกแสงอาทิตย์แผดเผาจนคล้ายจะหน้ามืด
รถม้าพระที่นั่งของพระสนมเซียนมาถึงที่หน้าประตูใหญ่ นางกำนัลได้แหวกม่านประตูรถม้าสีเหลืองอ่อน มีแสงจากอัญมณีอันแวววับสะท้อนออกมา หลังจากนั้น ก็ปรากฏพระพักตร์อันสวยเด่นของพระสนมเซียน
หยวนชิงหลิงมีท่าทีสำรวม นางนำหน้าทังหยาง ซวีอี และคนอื่นๆไปรอรับเสด็จ
พระสนมเซียนเสด็จลงจากรถม้า ฉลองพระองค์ลายกลีบเมฆอันระยิบระยับ เกล้าพระเกศาทรงนางอัปสรา ประดับด้วยปิ่นรูปหงส์เหินนภา ตรงกลางพระนลาฏมีทับทิมเม็ดกลมห้อยลงมา ดูฟู่ฟ่าและน่าเกรงขาม นางทอดพระเนตรไปที่หยวนชิงหลิง "ลุกขึ้นเถอะ!"
หยวนชิงหลิงค้อมตัวลงและกล่าวว่า "เสด็จแม่ เชิญเสด็จเถิดเพคะ!"
พระสนมเซียนเดินนำเหล่ามามาและนางกำนัลเข้าไปในจวน ซีมามายืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อพระสนมเซียนทอดพระเนตรเห็นซีมามา แววตาของนางพลันแสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมา แต่เพียงชั่วพริบตา นางก็ปรับแววตาให้เป็นปกติ
พระสนมเซียนถูกเชิญเสด็จไปที่ห้องของอวี่เหวินฮ่าว ทันทีที่ได้ทอดพระเนตรเห็นอวี่เหวินฮ่าวบาดเจ็บสาหัส นางก็รีบหันมามองหยวนชิงหลิงด้วยความโกรธเคือง "เมื่อวานนี้ที่ห้องทรงพระอักษร ไยเจ้าจึงไม่บอกข้าสักคำ?"
หยวนชิงหลิงตอบกลับไปว่า "เสด็จพ่อทรงไม่ให้กราบทูลเพคะ"
"ตอนนั้นพูดไม่ได้ เจ้าก็ไม่คิดที่จะแอบส่งคนมารายงานข้าให้รู้เลยหรืออย่างไร?" พระสนมเซียนตรัสอย่างเยือกเย็น
"ภายหลังจากนั้น ไท่ซั่งหวงทรงมีรับสั่งให้พวกเราออกจากวังเพคะ" หยวนชิงหลิงตอบกลับโดยยังคงสีหน้าตามเดิม นางหาได้หวั่นเกรงต่อความโกรธเคืองของพระสนมเซียน
"เสด็จแม่!" อวี่เหวินฮ่าวร้องเรียกเสียงดัง แล้วจึงค่อยๆขมวดคิ้ว "ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้เป็นอะไรมาก อีกอย่าง เสด็จพ่อก็ทรงห้ามไม่ให้ทูลเรื่องนี้ให้เสด็จแม่ทรงทราบ ด้วยทรงเกรงว่าเสด็จแม่จะทรงเป็นกังวลจนพระอาการประชวรทรุดลง นางจะกล้าขัดรับสั่งของเสด็จพ่อได้อย่างไรกันล่ะพ่ะย่ะค่ะ?"
พระสนมเซียนเลิกคิ้ว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าห้า? นี่ถึงกับออกปากปกป้องหยวนชิงหลิงเลยหรือ?
"ปิดบังข้า หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา อาการป่วยของแม่เจ้าจะดีได้อย่างไร?" พระสนมเซียนยังไม่คลายความขุ่นเคือง ยิ่งเมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นบาดแผลบนใบหน้าแล้ว นางก็ยิ่งใจเสีย นางนั่งลงข้างๆเตียงและสัมผัสไปที่บริเวณข้างๆบาดแผลอย่างเบามือ พลางรับสั่งด้วยความร้อนใจ "เจ็บไหม?"
"ไม่เจ็บแล้วพ่ะย่ะค่ะ" อวี่เหวินฮ่าวตอบ
"โกหก แผลใหญ่ขนาดนี้ จะไม่เจ็บได้อย่างไร?" พระเนตรของพระสนมเซียนเริ่มแดงก่ำ "ใครเป็นผู้ลงมือกันแน่?"
"เสด็จพ่อจะทรงสอบสวนเองพ่ะย่ะค่ะ" อวี่เหวินฮ่าวตอบ
ในใจเขารู้ดีว่าไม่สามารถสอบสวนอะไรได้ทั้งนั้น คนร้ายก็ได้ปลิดชีพตัวเองไปแล้ว หากจะหาตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก
MANGA DISCUSSION