จักรพรรดิหมิงหยวนตี้และรุ่ยชินอ๋องเดินเข้ามาข้างหน้า ในนั้นมียาเม็ดหนึ่ง เมื่อบดออกมาแล้วตรงกลางกลายเป็นสีแดงสด ส่วนอีกเม็ดหนึ่งมีสีเหลืองคล้ำ
"ยาสองเม็ดนี้ไม่เหมือนกันหรือ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?" รุ่ยชินอ๋องถามหมอหลวง
หมอหลวงตกตะลึง "ไม่มีทางพ่ะย่ะค่ะ ยานี้ปรุงขึ้นด้วยเตาเดียวกัน เหตุใดสีจึงไม่เหมือนกันไปเสียได้?"
"เช่นนั้นก็เชิญหมอหลวงตรวจสอบว่ายาเม็ดไหนมีพิษ" หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้น
หมอหลวงชี้ไปยังยาเม็ดที่ตรงกลางมีสีแดงเข้ม "เดิมทีไม่ใช่สีนั้น ตรงกลางเหตุใดจึงได้กลายเป็นสีแดงเข้มเช่นนั้นไปได้เล่า?"
เขาบิยาออกเล็กน้อยใส่ลงไปในแก้วจากนั้นก็เทน้ำลงไปและใช้เข็มเงินตรวจสอบ เข็มเงินทั้งแท่งล้วนเปลี่ยนเป็นสีดำ เห็นได้ว่าเป็นพิษที่ร้ายแรงนัก
"ฝ่าบาท!" หมอหลวงอุทานออกมาพร้อมคุกเข่าลง เขาบ่นพึมพำเล็กน้อย "นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน มีคนสับเปลี่ยนยา ยาที่สำนักหมอหลวงจ่ายล้วนไม่มีพิษและได้ตรวจสอบมาแล้ว"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้สายตาเย็นชา "ทหาร ปิดสำนักหมอหลวงค้นให้ละเอียด"
เหล่าองครักษ์รับคำแล้วจึงจากไป
รุ่ยชินอ๋องจ้องมองหยวนชิงหลิง "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายานี้ไม่เหมือนกัน?"
หยวนชิงหลิงอธิบาย "ยาขาดไปเม็ดหนึ่ง นั่นก็หมายความว่ามีคนเอาไปเม็ดหนึ่ง ส่วนเหตุใดจึงเอาไปนั้น เห็นได้ชัดว่ายาที่ถูกเอาไปนั้นมีปัญหา นอกจากนี้ฉางกงกงได้บอกว่าคราวที่แล้วตอนที่นำยามาได้ทำยาตกพื้นไปหนึ่งเม็ด ดังนั้นจึงอาจทำให้ลำดับการกินผิดเพี้ยนไปได้ ยาที่ถูกนำไปเม็ดนั้นไม่มีพิษและเดิมยาเม็ดที่ควรถูกนำไปนั้นก็ยังอยู่ที่นี่"
"เจ้าวิเคราะห์ได้ถูกต้องนัก!" รุ่ยชินอ๋องมีแววตาเย็นเยียบ "มีคนบังอาจกล้าวางยาไท่ซั่งหวง* คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง" (*สมัญญาของจักรพรรดิที่สละราชสมบัติแล้ว)
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้นำโทสะทั้งหมดไปลงกับหมอหลวง หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้นอย่างลังเลเล็กน้อย "เสด็จพ่อ เกรงว่าปัญหาอาจจะไม่ได้มาจากสำนักหมอหลวงเพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้หันมามองนาง "หมายความว่าอย่างไร?"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ยาทั้งหมดมีสามเม็ด หากต้องการนำเม็ดที่มีพิษไปเพียงนำยาอีกเม็ดมาเปลี่ยนก็พอแล้ว เช่นนี้ก็จะไม่ทำให้เกิดความสงสัย แต่คนผู้นี้ไม่อาจนำยาอายุวัฒนะมาได้อีก ยาอายุวัฒนะนั้นถูกสำนักหมอหลวงปรุงขึ้น ดังนั้นสำนักหมอหลวงต้องสามารถหายาชนิดนี้มาเพิ่มได้โดยไม่ถึงขึ้นทำยาหายไปหนึ่งเม็ดและทำให้คนสงสัย"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พยักหน้า "มีเหตุผล"
หยวนชิงหลิงกล่าวต่อไปว่า "หนทางที่คนร้ายได้ยาไปนั้นมีอยู่สามที่ ที่หนึ่งคือจากไทเฮา ที่หนึ่งคือไท่ซั่งหวงและอีกที่หนึ่งก็คือสำนักหมอหลวง จากที่วิเคราะห์เมื่อครู่สามารถตัดสำนักหมอหลวงออกไปได้เพราะหากคนร้ายได้ยามาจากสำนักหมอหลวงก็ย่อมสามารถจะนำออกมาได้มากกว่าหนึ่งเม็ด และด้วยเหตุผลเดียวกันนั้นตำหนักของไทเฮานั้นก็สามารถตัดออกไปได้ด้วยเช่นกัน คนร้ายใส่พิษเข้ามาในยาของไท่ซั่งหวงโดยตรง แต่เป็นเพราะยามีจำนวนจำกัด เมื่อไท่ซั่งหวงถูกพิษแล้ว คนร้ายจำต้องรีบกำจัดยาพิษที่เหลืออยู่ออกไปทันที"
รุ่ยชินอ๋องไม่เข้าใจนัก "เหตุใดคนผู้นี้จึงต้องทำยาพิษเกินมาหนึ่งเม็ดด้วยเล่า? เพียงหนึ่งเม็ดก็สามารถทำให้ไท่ซั่งหวงถูกพิษได้แล้วนี่"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "การวางยาพิษแบบลวกๆ เช่นนี้ ยากนักที่จะกะปริมาณยาพิษให้เหมาะสมได้ เม็ดที่สองนี้เป็นเพียงการสำรอง หากหนึ่งเม็ดไม่ได้ผล บวกกับเม็ดนี้ในวันที่สองก็จะรับรองผลได้ว่าไท่ซั่งหวงจะต้องพิษอย่างสมบูรณ์"
"เหตุใดสมองของเจ้าจึงได้ว่องไวนัก?" รุ่ยชินอ๋องกล่าวชมเชย
หมอหลวงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกนัก คำพูดเช่นนี้ของพระชายานับว่าเป็นการล้างมลทินให้แก่สำนักหมอหลวงแล้ว สำนักหมอหลวงไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย
ฉางกงกงเอ่ยว่า "แต่ยาเหล่านี้ผู้ที่มีโอกาสได้แตะต้องก็มีเพียงกระหม่อมและซีมามาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดแตะต้องได้อีก"
ซีมามายอบกายลง "เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เชื่อใจฉางกงกงและซีมามามาก พวกเขาคอยปรนนิบัติรับใช้ไท่ซั่งหวงมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วและจงรักภักดียิ่งนัก ย่อมไม่มีทางทำร้ายไท่ซั่งหวงแน่
"มีคนเข้าตำหนักมารับใช้ทั้งหมดเท่าไหร่?" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ถามฉางกงกง
"ทูลฝ่าบาท มีสามคนพ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นผู้ที่ไท่ซั่งหวงเลือกมาด้วยตนเอง"
"ไปตามมา เจิ้นมีเรื่องต้องถาม!" สายตาของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้เปล่งประกายวาววับ
"พ่ะย่ะค่ะ!" ฉางกงกงรับคำแล้วจึงออกไป
ผู้ที่เข้ามารับใช้ในตำหนักนั้นมีเสี่ยวฉวนจื่อ เขามีหน้าที่เลี้ยงสุนัข พาฝูเป่าเข้าออกจากตำหนัก
อีกผู้หนึ่งชื่อว่าซีเหมย นางมีหน้าที่ปรนนิบัติไท่ซั่งหวงสรงน้ำ
อีกผู้หนึ่งคือเสี่ยวหลอจื่อรับผิดชอบเรื่องการทำความสะอาดตำหนัก ตำหนักนั้นใหญ่โตมาก ทั้งหมดล้วนเป็นเขาผู้เดียวที่คอยทำความสะอาด ไท่ซั่งหวงไม่ชอบความวุ่นวาย พระองค์มักจะนอนอยู่บนเตียง ดังนั้นเสี่ยวหลอจื่อจึงใช้เวลาส่วนมากไปกับการทำความสะอาด
ฉางกงกงนำเสี่ยวฉวนจื่อและซีเหมยเข้ามา แต่กลับไม่เห็นเงาของเสี่ยวหลอจื่อ
เสี่ยวฉวนจื่อและซีเหมยไม่รู้เรื่องราวมาก่อน เมื่อถูกซักถามก็ตอบได้อย่างลื่นไหลคล่องแคล่ว พวกเขาแม้กระทั่งไม่รู้ว่ายานั้นถูกเก็บไว้ที่ใด
หยวนชิงหลิงเอ่ยว่า "เสี่ยวหลอจื่อเป็นกุญแจสำคัญ ในเมื่อเขารับผิดชอบทำความสะอาดตำหนัก ตอนที่ปัดฝุ่นย่อมต้องเคยเห็นกล่องยา หากเขาจะรู้ก็ไม่แปลก ต้องรีบหาตัวเขาให้เจอเพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จึงรีบออกคำสั่ง แม้ว่าจะต้องพลิกทั้งวังหลวงหาก็ต้องหาตัวเสี่ยวหลอจื่อจนพบให้จงได้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามก็หาตัวเสี่ยวหลอจื่อพบ
แต่ทว่าเขากลับกลายเป็นศพตัวแข็งทื่อไปเสียแล้ว ร่างของเขาถูกนำไปทิ้งในบ่อน้ำร้างในตำหนักเย็น
ผู้ที่พบศพคือองครักษ์ของตำหนักเย็น เพราะจักรพรรดิหมิงหยวนตี้มีพระราชบัญชาให้พลิกวังค้นหาเสี่ยวหลอจื่อ องครักษ์ผู้นั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าวันนี้เขาเห็นเสี่ยวหลอจื่อเข้ามาในตำหนักเย็นจึงได้ค้นหาไปทั่วจนได้ค้นพบร่างไร้ชีวิต
องครักษ์ของตำหนักเย็นถูกเรียดเข้าไปซักถามด้วยตัวของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้เอง
"นอกจากเสี่ยวหลอจื่อแล้วยังมีผู้ใดไปที่ตำหนักเย็นอีก?" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ถาม
องครักษ์ตอบว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นเพียงเสี่ยวหลอจื่อผู้เดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ องครักษ์ในตำหนักเย็นมีเพียงสี่คน แบ่งเวรกันเป็นเวรกลางวันและเวรกลางคืน ดังนั้นหากต่อมามีคนเข้าไปหรือไม่กระหม่อมก็มิอาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ"
ฉางกงกงตรวจค้นที่นอนของเสี่ยวหลอจื่อพบเจอตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงหนึ่งใบ
ตั๋วเงินนั้นออกโดยติ่งเฟิงฮ่าว
หยวนชิงหลิงดูตั๋วเงินไม่ออก แต่นางพบตราของจวนฉู่อ๋อง ในใจก็ให้รู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย นางเอ่ยปากอธิบาย "เสด็จพ่อ ไม่มีทางเป็นท่านอ๋องเพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้มิใช่คนโง่เขลา เขาย่อมรู้ว่าหากเป็นฉู่อ๋องแล้วย่อมไม่มีทางประทับตราฉู่อ๋องบนตั๋วเงินแน่
เรื่องทั้งหมดนี้มีคนต้องการใส่ร้ายเขา
นอกจากนี้ยังกระทำการโดยรีบร้อน เห็นได้ว่าเป็นการเตรียมการอย่างกะทันหันราวกับว่าคนผู้นี้คิดไม่ถึงว่าไท่ซั่งหวงจะมีอาการดีขึ้น
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือหยวนชิงหลิงเข้ามาแทรกกลาง ทำให้แผนการของคนผู้นี้ล้มไปทั้งกระดานจึงได้แต่คิดแผนอื่นขึ้นมาอย่างเร่งรีบและแผนนั้นทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้น
เพียงแต่จุดโหว่นี้ หากไม่ใช่ผู้ที่รอบคอบละเอียดอ่อนย่อมไม่อาจค้นพบได้ เพราะไท่ซั่งหวงได้เสวยยาอายุวัฒนะนี้มาเป็นเวลาหลายวันแล้ว อีกทั้งไทเฮายังเป็นผู้ที่แนะนำให้เสวยจึงไม่อาจมีใครคิดถึงว่ายานี้จะมีปัญหาไปได้
เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนตี้คิดมาถึงตรงจุดนี้ก็เหลือบมองหยวนชิงหลิงเล็กน้อย ยามที่องค์ชายห้าแต่งงานกับนาง เขาก็ไม่ค่อยพอใจลูกสะใภ้คนนี้นัก แต่เมื่อเกิดเรื่องน่าขายหน้าเช่นนั้นแล้วก็ทำได้เพียงแต่ต้องยอมรับ ราชวงศ์จะถูกผู้คนเอาไปนินทาอย่างเสื่อมเสียมิได้
เมื่อมาในวันนี้กลับคิดว่าไม่เลวนัก เพียงแต่ท่าทางการเดินของนางเหมือนปู ออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย
เขากวาดตามองหมอหลวง "ยังไม่รีบตรวจดูอีกว่าเป็นพิษอะไร?"
หมอหลวงรีบรับคำ "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบตรวจดูเดี๋ยวนี้"
รุ่ยชินอ๋องหันมามองหยวนชิงหลิง "เจ้ารู้หรือไม่?"
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า "หม่อมฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพิษนัก"
หมอหลวงโล่งอก หากพระชายาล้วนรอบรู้ไปเสียทุกสิ่งแล้วจะมีสำนักหมอหลวงไปเพื่อการใดกัน?
ที่จริงแล้วหยวนชิงหลิงพอจะเดาออกว่าเป็นพิษชนิดใด
คงจะเป็นผงชาด ผงชาดนั้นสามารถนำมาทำเป็นยา หากได้รับในปริมาณมากเกินไปจะเกิดพิษได้ ยาอายุวัฒนะนี้เดิมทีก็มีผงชาดอยู่แล้ว ไท่ซั่งหวงเสวยมาเป็นเวลานานย่อมต้องมีพิษสะสมอยู่แล้วในปริมาณเล็กน้อย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงอะไรนัก เมื่อจู่ๆ ก็เพิ่มปริมาณขึ้น นั่นจึงได้ย่ำแย่ขึ้นมา
MANGA DISCUSSION