"หันมา!" เขากล่าวด้วยเสียงเบาๆ
หยวนชิงหลิงวางคางลงบนเตียง ยิ้มแต่มีน้ำตา "ยินดีต้อนรับสู่การรอดจากความตาย"
"เจ้าปรารถนาให้ข้าตายใช่หรือไม่?" อวี่เหวินฮ่าวมองเห็นความยินดีบนใบหน้านาง มีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก ตาบวมเหมือนลูกพีช น้ำตาชะล้างใบหน้าที่สกปรกอยู่แล้วเล็กน้อย จนปัดเอารอยครายน้ำตายาวๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าสองสามวันก่อน พวกเขายังคงเข้ากันไม่ได้ดั่งน้ำกับไฟ
"ใช่ ข้าอยากให้เจ้าตายจริงๆ" หยวนชิงหลิงปาดน้ำตา แสดงความไร้เดียงสาออกมาเล็กน้อย "แต่ว่า ไม่ใช่ตายต่อหน้าข้า ข้าเป็นหมอ หากว่ามีคนเสียชีวิตต่อหน้าข้า เป็นเช่นนั้นเป็นความประมาทในอาชีพของข้า"
อวี่เหวินฮ่าวมองดูนางแล้วอมยิ้ม
กู้ซือมองดูอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เจากนั้นก็มองหยวนชิงหลินด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
อันที่จริงแล้วพระชายาท่านนี้ก็มิได้น่ารำคาญขนาดนั้น
อวี่เหวินฮ่าวปรับลมหายใจ ยาเม็ดจื่อจินกำลังออกฤทธิ์ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อยๆ กลับมามีพลังขึ้นเรื่อยๆ
เขามองไปที่กู้ซือ "ไท่ซั่งหวงต้องพิษกระไรหรือ?"
กู้ซือก้าวเข้าไปและพูดว่า "อันที่จริงแล้วข้าไม่ทราบเช่นกัน รู้เพียงว่าเมื่อคืนนี้จู่ๆ ไท่ซั่งหวงก็อาเจียนเป็นเลือดและหมดสติไป หมอหลวงวินิจฉัยว่าถูกวางยาพิษ"
อวี่เหวินฮ่าวมองไปที่หยวนชิงหลิง "ยาที่เจ้าให้ไท่ซั่งหวงกิน อาจทำให้อาเจียนเป็นเลือดและหมอสติหรือไม่?"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน"
"เช่นนั้นก็รอให้เสด็จพ่อสอบสวน มันต้องได้ผลสรุปออกมาอย่างแน่นอน" อวี่เหวินฮ่าวกล่าว
"ข้าอยากวิงวอนฝ่าบาท ให้พระองค์ทรงอนุญาตให้ข้าเข้าพบไท่ซั่งหวง" หยวนชิงหลิงกล่าว
กู้ซือส่ายหัว "พระชายาใช้เย็นก่อนขอรับ ฝ่าบาททรงมีแผนการอยู่แล้วขอรับ คาดว่ารุ่ยชิงอ๋องก็คงจะช่วยท่านเช่นกันขอรับ"
จิ้งโหวที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้ด่าว่าหยวนชิงหลิงลูกสาวของเขาเป็นร้อยครั้งในใจแล้ว เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้นางได้แต่งเข้าจวนท่านอ๋อง แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องดีๆ ไม่เกิดขึ้นกับเขาเลย และเขาพบเจอแต่เรื่องแย่ๆ
เขาเดาว่าหยวนชิงหลิงต้องทำเรื่องกระไรผิดอย่างแน่นอน จึงทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธอย่างมาก มิเช่นนั้นพระองค์ก็คงไม่สั่งให้ตนเข้าเฝ้าแต่เช้าหรอก อีกทั้งยังปล่อยให้เขารออยู่หนึ่งชั่วโมงเต็ม
ในที่สุดมู่หยูกงกงก็ออกมาและพูดว่า "จิ้งโหว ฝ่าบาทสั่งให้เข้าเฝ้า"
จิ้งโหวขาอ่อนแรงทันที และเกือบจะคุกเข่าลงกับที่
เขาเดินเข้าไปอย่างสั่นสะท้าน คุกเข่าลง จิ้งโหวแทบจะแนบหน้าผากและหน้าติดกับพื้นอยู่แล้ว "กระหม่อมหยวนปาหลงถวายบังคมต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!"
"เจ้าหยวนชิงมิต้องมากพิธีรีตองหรอก!" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้กล่าว
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของฝ่าบาท จิ้งโหวก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขาค่อยๆ ยืนขึ้น ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อรอคำสั่งของฝ่าบาท
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ยิ้มและกล่าวว่า "เจิ้นตามเจ้าเข้าวังมิได้มีเรื่องกระไรหรอก เพียงแค่ถามไถ่เล็กน้อยก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างให้จวนสบายดีใช่หรือไม่?"
ใจของหยวนปาหลงตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ไท่ซั่งหวงทรงประชวรอย่างหนัก งานราชกิจก็ยุ่งอย่างมาก แต่พระองค์กลับมีเวลาว่าตามเข้าวังเพียงเพื่อถามว่าทุกคนสบายดีหรือไม่อย่างนั้นหรือ?
เกรงว่าจะมีเจตนาอื่น
ต้องเป็นเพราะลูกสาวที่ดื้อรั้นนั้นแน่ๆ ไม่รู้ว่านางสร้างปัญหากระไรขึ้นมาอีก
เขาเม้มริมฝีปาก " เรียนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ครอบครัวกระหม่อมสบายดีพ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้นย่อมดี กลับไปเถอะ"
จิ้งโหวมึนงงอย่างมาก
เมื่อเขาออกจากห้องทรงพระอักษรก็ได้สืบหา เขาจ่ายเงินไปหนึ่งตำลึงจึงได้ทราบว่าวันนี้หยวนชิงหลิงถูกเรียกเข้าพบแต่เช้า และไม่มีข่าวใดๆ เลย
เขาโกรธเคืองอย่างมาก นางสร้างปัญหาเอาไว้จริงด้วย!
เมื่อกลับไปถึงจวน เขากล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองฮูหยินของตนว่า " ดูลูกสาวที่เจ้าสอนมา เราใช้พลังทั้งหมอของตระกูลเพื่อทำให้นางได้ตำแหน่งพระชายา แต่ดูนางตอบแทนกระไรให้กับตระกูลเราบ้าง? วันนี้ฝ่าบาททรงอารมณ์ดี จึงมิได้ถือความผิดข้า มิเช่นนั้นตำแหน่งของข้าก็คงต้องเสียไปแล้ว"
หยวนฮูหยินเป็นคนที่ไม่มีความคิดของตนเอง เมื่อได้ยินสามีด่าว่าลูกสาว นางก็รู้สึกโกรธแค้นเล็กน้อย "ต่อไปก็ปล่อยให้นางเอาชีวิตรอดด้วยตนเองเถิด เรามิต้องสนใจนางหรอก"
"ยังจะสนใจอีกหรือ? ต่อไปหากนางกลับมาขอเงินที่จวน ห้ามให้นางเด็ดขาด" เมื่อนึกถึงเงินที่ให้นางเอาไปใช้จ่ายกับกรมทหาร แต่เงินเหล่านั้นกลับหายไปและมิได้ผลประโยชน์กระไรกลับมาเขาก็รู้สึกเจ็บใจอย่างมาก
หยวนฮูหยินตอบซ้ำๆ ว่า "ข้าทราบแล้ว"
จิ้งโหวจาไปหนึ่งแก้ว และครุ่นคิดในใจ หยวนชิงหลิงมิได้รับความโปรดปรานของฉู่อ๋อง ฉะนั้นแม้จะครองตำแหน่งพระชายาก็ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ หรอก ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาผู้สนับสนุนอื่นๆ แล้วล่ะ
เขารับตำแหน่งรองเจ้ากรมของกรมทหารมานาน เขาเห็นเจ้ากรมทหารเปลี่ยนไปสามคนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่ตนจะได้เลื่อนขึ้นสักที เขารอต่อไปมิได้แล้ว
ฝั่งตระกูลฉู่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยแล้ว ขุนนางไม่น้อยก็เข้าประจบตระกูลฉู่มากขึ้น โอกาสที่ฉีอ๋องจะได้รับแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทนั้นสูงมาก หากว่าจะเข้าทางตระกูลฉู่ ใช้เงินเล็กน้อยอาจจะทำได้
"ตอนนี้เรามีเงินทั้งหมดเท่าไหร่" เมื่อคิดได้เขาก็ถามฮูหยิน
"ประมาณสองหมื่นตำลึง" หยวนฮูหยินกล่าว
"เจ้าเอาเงินสามพันตำลึงมาให้ข้า ข้าจะไปที่ตระกูลฉู่"
หยวนฮูหยินตกตะลึง "ตระกูลฉู่? ข้าเกรงว่าไม่เหมาะสมกระมั้ง ไม่ว่าอย่างไรแล้วบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่ ฉู่หมิงฉุ่ยเดิมจะอภิเษกสมรสกับฉู่อ๋อง แต่หลิงเอ๋อร์ถูกทำลายโอกาสนั้นไป ตระกูลฉู่คงจะเกลียดเรามาก แล้วจะสนใจเราได้อย่างไร?"
หยวนฮูหยินยังไม่ลืมแววตาที่ดูถูกของฉู่ฮูหยินที่มองนาง
เจ้าเป็นหญิงจะไปรู้กระไร? ข้าบอกให้เตรียมก็ไปเตรียมเสีย" รู้จิ้งโหวกล่าวด้วยความโกรธเคือง
หยวนฮูหยินมิไม่กล้าออกเสียงกล่าวกระไรอีก นางไปที่ห้องการเงินด้วยตนเองและถอนเงินออกมาให้จิ้งโหว
นายท่านคนปัจจุบันของตระกูลฉู่ เป็นโสวฝู่ของพระราชวัง อีกทั้งยังเป็นพ่อตาของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้
เจ้ากรมทหารในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนของเขา
จิ้งโหวเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว หากว่าเขาอยากดำรงตำแหน่งเจ้ากรมกรมทหาร อย่างแรกเขาต้องเป็นเพื่อนกับตระกูลฉู่ก่อน
เขาถือตั๋วเงินสามพันตำลึงไว้พร้อมของขวัญ จากนั้นก็ขี่ม้าตรงไปที่หน้าประตูตระกูลฉู่
วันนี้จวนฉู่มีชีวิตชีวาอย่างมาก มีรถม้าจอดอยู่ด้านนอกหลายคัน เขาสืบถามไปครู่หนึ่งจึงทราบว่า วันนี้เป็นวันที่พระชายาฉีอ๋องกลับบ้านไปเยี่ยมมารดาและบิดา
เขาดีใจอย่างมาก พระชายาฉีอ๋องอยู่ที่นี่ดี เช่นนั้นตนก็ขออภัยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน ได้ข่าวว่าคุณหญิงท่านนี้เป็นคนที่จิตใจดีและใจกว้าง หากว่าตนขอโทษไปแล้ว นางก็คงไม่โกรธเคืองตระกูลจิ้งโหวกระมั้ง
เขาส่งจดหมายของเข้าพบไป แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อคนเฝ้าประตูเข้าไปแจ้ง และออกมากล่าวต่อจิ้งโหวว่า วันนี้เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว มิรับแขก จิ้งโหวรู้สึกอับอายและโกรธเคืองอย่างมาก เขาจึงต้องกลับไปอย่างน่าอับอาย
ในห้องหนังสือของจวนฉู่
ฉู่โสวฝู่ประทับบนก้าอี้หลัก ฉู่หมิงฉุ่ยจุดบุหรี่ให้เขา จากนั้นก็สั่งให้คนใช้ออกไป เหลือเพียงเขาสองคนพูดคุยอยู่ในหนังสือ
"ท่านปู่ จิ้งโหวมาขอเข้าพบยามนี้ ท่านคิดว่ามาเพื่อการใดหรือ?" ฉู่หมิงฉุ่ยนั่งลงและถาม
"จะมีเรื่องกระไรได้อีกล่ะ?" ฉู่โสวฝู่พ่นควันบุหรี่ออกมาและเหลือบมองฉู่หมิงฉุ่ย "มาเพราะเรื่องของพระชายาฉู่อ๋องกระมั้ง"
"หยวนชิงหลิง?" ฉู่หมิงฉุ่ยหัวเราะ "เกรงว่าไม่ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครก็คงไร้ประโยชน์ นางถูกสงสัยว่าวางยาพิษไท่ซั่งหวง แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่หนักแน่น แต่ฝ่าบาทก็คงไม่ปล่อยนางไปแน่"
ฉู่โสวฝู่เหลือบมองนางอย่างไม่พอใจ "เจ้านี่นะ ไม่ยอมฝังคำสั่งสอน ตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะทำใครขุ่นเคืองก็ไม่มีผลดีหรอก พระชายาฉู่อ๋องไม่เป็นภัยต่อเรา ฉู่อ๋องก็ไม่เป็นภัยต่อเราเช่นกัน แล้วเจ้าจะสร้างปัญหากับพวกเขาทำไม? หากว่าเกิดเรื่องกระไรขึ้นจนส่งผลเสียต่อฉีอ๋อง เช่นนั้นเสียมากกว่าได้"
ฉู่หมิงฉุ่ยกล่าวด้วยความสงบนิ่งว่า "ท่านปู่สามารถวางใจ เรื่องนี้ท่านป้าเป็นคนทูลต่อฝ่าบาทเอง ได้ยินมาว่าหยวนชิงหลิงก็รับสารภาพแล้วว่านางรักษาไท่ซั่งหวงเป็นการส่วนตัว นางหนีข้อกล่าวหานี้ไปมิได้แน่นอน"
ฉู่โสวฝู่เคาะบุหรี่บนโต๊ะและไอออกมา และยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก "สิ่งที่ผิดที่สุดคือเจ้าทำคือปล่อยให้ท่านป้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากหยวนชิงหลิงรอดจากครั้งนี้ไปได้ หากว่าเรื่องที่ไท่ซั่งหวงถูกวางยาพิษไม่เกี่ยวกับนาง เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตไท่ซั่งหวงเอาไว้ แต่ฝ่าบาทก็จะสงสัยในตัวท่านป้าของจากเพราะเหตุการณ์นี้อีกด้วย"
MANGA DISCUSSION