รุ่ยชิงอ๋องรอไม่ไหวจึงหยิบยาเม็ดออกจากแขนเสื้อของตนแล้วใส่เข้าปากของอวี่เหวินฮ่าว จากนั้นก็หันหลังแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เชื่อว่าน้องห้าจะทำร้ายตนเองพ่ะย่ะค่ะ แผลเช่นนี้กระหม่อมเกรงว่าแม้แต่หมอหลวงก็ยากที่จะช่วยได้พ่ะย่ะค่ะ หากว่าเขาเพียงแค่สร้างภาพมิจำเป็นต้องบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ"
หยวนชิงหลิงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝ่าบาทสงสัยว่าเขาทำร้ายตัวเองอย่างนั้นหรือ?
กู้ซือซึ่งเดิมกำลังจ้องมองหยวนชิงหลิงอยู่ก็วิงวอนพระองค์เช่นกัน " ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าไม่เหมือนคนทำร้ายตัวเองพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีหมอหลวงได้กล่าวว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก และขอให้เตรียมจัดงานศพได้เลยพ่ะย่ะค่ะ แต่ไท่ซั่งหวงทรงสั่งให้พระชายาออกวัง ฉะนั้นจึงได้ช่วยชีวิตท่านอ๋องไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นคนฝึกฝนด้านศิลปะการป้องกันตัวมาก่อน และทราบว่าอาวุธไม่มีตาพ่ะย่ะค่ะ จึงยากที่จะเป็นไปได้หากจะทำให้มีแผลแต่ไม่ถึงชีวิตพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้กล่าวอย่างเฉยเมย "พวกเจ้าลุกขึ้นมาเถิด"
ดวงตาของกู้ซือมืดมนเล็กน้อย สุดท้ายฝ่าบาทก็ไม่กล่าวความคิดเห็นของตนอยู่ดี
หมอหลวงเร่งมาถึงตำหนัก เขารับราชการในพระราชวัง และรับใช้ฝ่าบาทที่ทรงประชวรโรคหัวใจมานานหลายปี เขาจึงฝึกความสามารถใหม่ได้แล้ว เขาสามารถถวายบังคมขณะเดินได้
ด้วยเหตุที่เป็นสถานการณ์เร่งรีบ หลังจากถวายบังคมแล้วก็เร่งยืนขึ้นแล้ววิ่งเข้ามา
แต่ใสครั้งนี้ หลังจากที่เขาคุกเข่าลงแล้วก็ยืนขึ้นทันทีโดยไม่รอฝ่าบาทออกคำสั่งให้ยืนขึ้น
เมื่อสมองสั่งการเช่นนั้นเขาก็ยืนขึ้นและก้าวออกมาแล้ว เขาจึงหยุดกะทันหันแล้วคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่กลับสะดุดแล้วกล่องยาก็ร่วงลงกับพื้น หมอหลวงล้มลงไปเช่นกัน
หยวนชิงหลิงไม่มีเวลาสนใจว่าฝ่าบาทจะกล่าวว่าอย่างไร นางหยิบกล่องยามาแล้วเปิดออก จากนั้นก็หยิบกรรไกรออกแล้วตัดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็พันใช้ผ้าพันไว้บนรอบบาดแผลเพื่อหยุดเลือดเอาไว้
หยวนชิงหลิงจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เมื่อพันหน้าท้องเรียบร้อยแล้ว นางก็เร่งถอดรองเท้าให้เขา แล้วตัดกางเกางออก บาดแผลทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อหน้าจักรพรรดิหมิงหยวนตี้
เมื่อเห็นบาดแผลที่ต้นขาด้านใน จักรพรรดิหมิงหยวนตี้หรี่ตาลงและพูดอย่างเย็นชากับหมอหลวงว่า "เจ้ายังไม่เร่งไปห้ามเลือดให้เขาอีกหรือ?"
หมอหลวงเร่งยืนขึ้นแล้วเข้าไปช่วยนาง
เลือดค่อยๆ หยุดไหลลงหลังจากรับประทานยาเม็ดจื่อจินของรุ่ยชิงอ๋องไป แต่รอยเย็บของบาดแผลฉีกขาด จึงต้องจัดการให้ดี
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้นั่งลงและเฝ้าดูหยวนชิงหลิงจัดการบาดแผลด้วยความช่ำชอง แววตาของนางไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ท่าทีของนางไม่มีความลังเลหรือมือสั่น มีเลือดเปื้อนติดที่หน้าของนาง แต่ก็ยังไม่มีเวลาที่จะเช็ดออก
หลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว นางยังคงตบไปที่หน้าของอวี่เหวินฮ่าว "ตื่นเร็ว อย่าหลับ"
อวี่เหวินฮ่าวไม่ตอบสนอง
หมอหลวงก้าวเข้าไปแล้วเช็กการหายใจ จากนั้นก็ถอยหลังด้วยความตกตะลึง " ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…………."
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ยืนขึ้นทันทีและวางนิ้วไว้ใต้จมูกของอวี่เหวินฮ่าว ไม่มีลมหายใจแล้ว
สีหน้าของพระองค์เปลี่ยนไปอย่างมาก แล้วถามรุ่ยชิงอ๋องแล้ว "เมื่อสักครู่นี้เจ้าให้เขากินยาเม็ดจื่อจินแล้วมิใช่หรือ?"
"ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเสวยไปหนึ่งเม็ดแล้วพ่ะย่ะค่ะ" กู้ซือกล่าว
ยาเม็ดจื่อจินนั้นหากกินเม็ดแรกได้ผลอย่างมาก แต่ถ้ากินเม็ดที่สองเข้าไปในระยะเวลาอันสั้น ผลที่ออกมาจะลดลงกว่าครึ่งเลย และหากบาดเจ็บสาหัสมากจนเกินไป ก็ไม่มีผลกระไรเช่นกัน
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ตกตะลึงอย่างหนัก
หยวนชิงหลิงคุกเข่าข้างๆอวี่เหวินฮ่าว แล้วประสานมือบนหน้าอกของอวี่เหวินฮ่าวและกดอย่างแรง แล้วทุบ " อวี่เหวินฮ่าว อย่าหลับ ตื่นสิ!"
"พระชายา!" กู้ซืออยากดึกนางออกไป แต่ว่าชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อีกทั้งฝ่าบาทยังทรงอยู่ที่นี่
ผมของหยวนชิงหลิงยุ่งเหยิง หน้าผากของนางมีเหงื่อออก และนางกังวลใจเป็นอย่างมาก นี่เขากำลังจะตายหรือ?
ชีวิตหนึ่งชีวิตกำลังจะหายไปต่อหน้าตน อีกทั้งเขาเคยเป็นคนไข้ของนางมาก่อน
นางจึงรู้สึกเศร้าโศกอย่างมาก
"ลากพระชายาออกไป!" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้สั่งการด้วยความเจ็บปวด พระองค์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าห้าจะรุนแรงเช่นนี้ วันนี้ที่หมอหลวงกลับมารายงาน และกล่าวว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร และยังให้ฉางกงกงมารายงานอีกว่ามิต้องเป็นห่วง เพราะท่านได้ไปสืบถามมาแล้ว อาการยังคงควบคุมได้ ฉะนั้นพระองค์จึงคิดมาตลอดว่ามิได้บาดเจ็บสาหัสนัก
มู่หยูกงกงไปดึงหยวนชิงหลิง แต่หยวนชิงหลิงโกรธเคืองขึ้นมาทันที "อย่ามาแตะต้องตัวข้า!" หลังจากพูดจบ นางก็หยิบหมอนแล้วโยนไปที่มู่หยูกงกง
มู่หยูกงกงมองหยวนชิงหลิงด้วยความประหลาดและตกใจ เขาไม่คาดคิดว่านางจะโกรธเคืองเช่นนี้
และหยวนชิงหลิงยังคงปั๊มหัวใจไปเรื่อยๆ และหวังว่าเขาแค่สลบไป
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เจ็บปวดและเศร้าโศกอย่างมาก ลูกชายคนนี้เคยเป็นคนที่พระองค์ชื่นชมมากที่สุด แม้ว่าสุดท้ายจะทำพระองค์ผิดหวังก็ตาม แต่ว่าความรักระหว่างพ่อกับลูกมันไม่สามารถแยกจากกันได้
พระองค์ไม่สามารถมองภาพตรงหน้าได้ จึงหันกลับมาแล้วแทบทรุดตัวลง แต่รุ่ยชิงอ๋องคว้าพระองค์ไว้ทัน
"ดึงนางออกไป!" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้กลืนเลือดที่ลำคอลง และรู้สึกวิงเวียนศีรษะ "แจ้งพระสนมเซียนให้มาพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย"
กู้ซือกำลังจะเช้าไปดึงหยวนชิงหลิงออกมา แต่กลับได้ยินหมอหลวงตะโกนอยู่ข้างๆว่า " ท่านอ๋องมีลมหายใจแล้วขอรับ มีลมหายใจแล้ว"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้หันหน้าไปอย่างกะทันหัน และมองไปที่หน้าอกที่กำลังขยับขึ้นลงของอวี่เหวินฮ่าวด้วยความเหลือเชื่อ
พระองค์ใช้มือลองลมหายใจของเขาด้วยตนเองพบว่าหมดลมหายใจแล้วนิ
หยวนชิงหลิงหมดแรงแล้วหมอบลงอยู่หน้าเตียง นางหายใจอย่างแรง และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว นางรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากและอยากร้องไห้ออกมาดังๆ แต่อันที่จริงแล้ว นางร้องได้ออกมาจริงๆ
นางทราบดีว่าตนนั้นเสียมารยาทอย่างมาก นางคุกเข่าลงและขออภัยพร้อมร้องไห้ " เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันทราบว่าหม่อมฉันเสียมารยาทอย่างมากเพคะ แต่หม่อมฉันอยากร้องไห้จริงๆ เสด็จพ่อโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันร้องได้สักครู่เถอดเพคะ"
คำพูดของนางช่างแปลกยิ่งนัก อีกทั้งยังร้องไห้ได้อย่างน่าเกลียด ตาและจมูกบี้รวมกันไปหมด แต่จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ซึ่งเพิ่งได้ลูกชายที่เสียชีวิตไปกลับมามิได้ถือสานาง ทางกลับกันกลับรู้สึกว่า ลูกสะใภ้ที่ตนมิค่อยเห็นชอบนี้ ดูน่ารักขึ้นอย่างมาก
หลังจากที่หมอหลวงจับชีพจรแล้ว ก็กล่าวซ้ำๆว่า "อัศจรรย์ อัศจรรย์อย่างมาก คุณพระคุ้มครองท่านพ่ะย่ะค่ะ"
รุ่ยชิงอ๋องเหลือบมองหมอหลวงแล้วกล่าวว่า " เพราะว่าชิวิตของฉู่อ๋องมิควรสิ้นต่างหาก"
หมอหลวงเร่งเปลี่ยนคำพูด "ใช่พ่ะย่ะค่ะ ชีวิตของฉู่อ๋องมิควรสิ้นพ่ะย่ะค่ะ"
"เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ถามหมอหลวง
หมอหลวงถวายบังคมแล้วกล่าวว่า " ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฉู่อ๋องกำลังฟื้นตัวเรื่อยๆพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนว่ายาเม็ดจื่อจินจะได้ผลพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้โล่งอกอย่างมาก และกล่าวว่า " ดูแลดีๆ"
"พ่ะย่ะค่ะ!" หมอหลวงตอบ
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้หันกลับไปยืนนิ่ง จากนั้นก็จับมือรุ่ยชิงอ๋อง "เราออกไปกันเถิด"
รุ่ยชิงอ๋องตอบรับ แล้วพยุงร่างกายที่อ่อนแอเล็กน้อยของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้เอาไว้ และทราบว่าเขาคงขาอ่อนแรงเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้
เมื่อออกจากด้านนอกห้องทรงอักษรแล้ว จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ค่อยๆนั่งลงอย่างช้า ๆ และมองไปที่รุ่ยชิงอ๋อง " เมื่อสักครู่นี้เจิ้นได้ลองเช็กลมหายใจของเจ้าห้าแล้ว เขาหมดลมหายใจไปจริงๆ"
"ฝ่าบาทขอรับ เกรงว่าเรื่องมือสังหารนั้นคงต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัดพ่ะย่ะค่ะ" รุ่ยชิงอ๋องใช้โอกาสนี้กล่าว
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เหลือบมองเขา " คิดว่าเจิ้นจะสงสัยเขาอย่างนั้นหรือ? เจิ้นแค่ดูการตอบสนองของแต่ละฝ่ายเพียงเท่านั้น"
รุ่ยชิงอ๋องหัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ พี่ชายคิดว่าน้องยังรู้จักพี่ไม่มากพอหรือ? พี่กำลังสงสัยนั่นแหละ
แต่ทว่าเขาแสดงสีหน้ากระจ่างออกมา "ฝ่าบาททรงพระเจริญ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ครุ่นคิด " แต่ทว่าพระชายาฉู่อ๋องมีความสามารถเสียจริง คนที่หมดลมหายใจไปแล้วนางก็ยังสามารถช่วยฟื้นขึ้นมาได้"
รุ่ยชิงอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "จะช่วยฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร? หากว่านางแค่กดๆและทุบตีเท่านี้ก็สามารถทำให้ฟื้นคืนชีพได้ แสดงว่าเจ้าห้าก็คงแค่หายใจไม่ออกเท่านั้นกระมั้ง"
ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด! (เปรียบเปรยว่า คนถูกทำร้ายเพราะมากความสามารถ) รุ่ยชิงอ๋องทราบข้อคิดนี้เป็นอย่างดี หลานสะใภ้คนนี้มากความสามารถเสียจริง ดังนั้นจะเฆี่ยนให้เสียชีวิตมิได้
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พยักหน้า ถือว่าเห็นด้วยกับคำพูดของรุ่ยชิงอ๋อง
ในห้องโถงข้างนั้น หยวนชิงหลิงหยุดร้องไห้แล้วแต่ยังคงสะอื้นอยู่
มือหนึ่งข้างร่วงลงจากเตียงและกวาดผ่านใบหน้าของนาง ทั้งน้ำตาและน้ำมูกติดมือไปหมด คนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมากล่าวด้วยความรังเกียจว่า "เจ้าสกปรกมาก"
หยวนชิงหลิงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ด แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่อ่อนแรงอย่างมากแต่กลับทำสีหน้ารังเกียจ นางอย่างร้องไห้แต่กลับหัวเราะออกมา "น่าจะปล่อยให้เจ้าตายไปเสีย"
MANGA DISCUSSION