หยวนชิงหลิงตามทังหยางไปที่ห้องโถงใหญ่
ระหว่างทางนั้น ทังหยางได้บอกที่มาที่ไปให้กับเธอแล้ว
เรื่องที่นางให้การรักษากับอดีตจักรพรรดินั้น ฮ่องเต้ทราบแล้ว ท่านโกรธมาก จึงสั่งให้มู่หยูกงกงพาคนมาเชิญเธอเข้าเฝ้าด้วยตัวของท่านเอง
หยวนชิงหลิงรู้สึกกังวลเล็กน้อยอยู่ในใจ เธอรู้กฎของพระราชวัง ตนไม่ใช่หมอหลวง ไม่ใช่หมอด้วยซ้ำ เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะรักษาอดีตจักรพรรดิ
มู่หยูกงกงนั่งรออยู่ในห้องโถงใหญ่ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างแผ่วเบาว่า " พระชายาฉู่ขอรับ ฮ่องเต้เชิญท่านเข้าเฝ้าที่พระราชวังขอรับ"
หยวนชิงหลิงถามแค่คำถามเดียวเท่านั้น "อดีตจักรพรรดิสบายดีหรือไม่?"
"อดีตจักรพรรดิต้องพิษและตอนนี้หมดสติไปแล้วขอรับ" มู่หยูกงกงกล่าวอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงหรี่ตาลง
ไม่น่าแปลกใจที่ฮ่องเต้เชิญตนเข้าเฝ้า ถ้าเป็นเพียงการรักษาอาการป่วยและไม่เกิดผลเสียอะไรเธอก็ไม่มีความผิด แต่ไม่ได้รับการยกย่องเช่นกัน แต่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ความผิดทั้งหมดจะตกอยู่ที่เธอ
อีกอย่างรุนแรงถึงขึ้นเป็นพิษเสียด้วย
นางเดินตามมู่หยูกงกงมาถึงหน้าประตูจวน จึงเห็นว่ากู้ซือรองหัวหน้าหน่วยองครักษ์ก็มาด้วยเช่นกัน
แววตาของกู้ซือดูเฉยชา "พระชายา โปรดขึ้นเกวียนม้าขอรับ"
เขาไม่ได้วางขั้นบันไดให้เธอขึ้น
หยวนชิงหลิงปีนขึ้นเกวียนม้าไปอย่างยากลำบาก วินาทีที่ม่านปิดลง เธอคิดขึ้นมาได้ว่าลืมสั่ง
งานให้ทังหยาง ให้เขาสังเกตว่าอวี่เหวินฮ่าวเป็นไข้หรือเปล่า นางจึงเปิดม่านออกอย่างกะทันหัน และบอกกับกู้ซือว่า "ข้ามีอะไรจะพูดกับทังหยาง"
แววตาของกู้ซือดูเย็นชา "ทางที่ดีพระชายาอย่าได้ทำสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านั้นเลยขอรับ ท่นรอเข้าวังก็เพียงพอแล้วขอรับ"
หยวนชิงหลิงตกตะลึงอย่างมาก "สิ่งไร้ประโยชน์? หมายความว่าอย่างไร?"
"ดูแลตัวเองให้ดีดีกว่า อย่าลากท่านอ๋องเข้ามารับกรรมด้วยเลยขอรับ" กู้ซือกล่าวอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงงหัวเราะเยาะเย้ย " ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ดังนั้นรบกวนท่านกู้บอกกับทังหยางว่า ให้ระวังเรื่องการมีไข้ของท่านอ๋องด้วยเจ้าค่ะ หากมีไข้ขึ้นสูงมาก ก็ให้กินยาที่ข้าวางไว้บนหัวเตียงของท่านอ๋อง มันเป็นยาลดไข้แบบด่วนเจ้าค่ะ"
ม่านปิดลง ปกปิดความสีหน้าที่เย็นชาของนางเอาไว้
นางรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก นี่เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความความระแวงสงสัยต่อกัน
กู้ซือขี่ม้านำทางไป ฮ่องเต้เองก็ถือว่าให้เกียรติหยวนชิงหลิง ท่านไม่ได้เรียกตัวนางเข้าไปสอบสวนอย่างโจ่งแจ้ง แต่ใช้เกวียนม้าสุดหรูมารับเธอไปสอบสวน
หยวนชิงหลิงถูกนำตัวไปที่ห้องทรงงาน
ในห้องทรงงานปิดหน้าต่างไว้แน่น แสงแดดถูกกันไว้ด้านนอก อากาศค่อนข้างอับชื้นและไม่ถ่ายเท
สีสันในห้องนั้นดูสดใส หรูหรา ฉากกันไม้จันทน์ขนาดใหญ่แกะสลักด้วยลวดลายมังกรบิน ผ้าม่านสีเหลืองสดห้อยลงมา และรอยพับที่ดูสวยงามนั้นราวกับรอยคลื่นของทะเลสาบเมื่อลมพัดผ่าน ที่มีลายเส้นชัดเจนและสวยงาม
หมิงหยวนตี้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรอย่างสง่า มือทั้งสองข้างของเขาวางบนไม้แพร์ขนาดใหญ่ที่แกะสลักด้วยลายมังกรขดกายบิดเกลียวไปมา มีกระถางธูปทองสัมฤทธิ์รูปอสูรทอง ที่กำลังมีควันลอยออกมาด้านนอก ส่งกลิ่นที่ฉุนจมูกออกมา นั่นแหละกลิ่นที่ทรงพลัง ทำให้คนที่ได้กลิ่นนั้นตื่นตัวทันที
ความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่เช่นนี้อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้ผู้ที่มาพบเห็นนั้นขาอ่อนแรงขึ้นมาทันที และอยากจะคุกเข่าลง
นี่แหละคือพลังอำนาจจักรพรรดิ
พลังนี้ได้ทะลุทะลวงอยู่ในอากาศ
หยวนชิงหลิงไม่กล้ามองไปที่ฮ่องเต้ นางเห็นเพียงเงาก็รีบคุกเข่าลงทันที"หยวนชิงหลิงคารวะเสด็จพ่อเจ้าค่ะ! "
"เงยหน้าขึ้นมา!" เสียงของหมิงหยวนตี้ไม่หนักมาก แต่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนเสียงมาจากทุกทิศทุกทางให้ตำหนักนี้
หยวนชิงหลิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แต่ว่าตามองไปข้างล่าง เธอไม่กล้าสบตากับหมิงหยวนตี้
หมิงหยวนตี้กลับมองเธออย่างเย็นชา "เจ้าเคยรักษาอาการป่วยให้อดีตจักรพรรดิเป็นการส่วนตัวหรือไม่?"
น้ำเสียงนั้นไม่เหมือนว่าเขากำลังถามโทษ แต่เหมือนเป็นคำถามธรรมดา แต่มีความโกรธเคืองแอบแฝง
หยวนชิงหลิงไม่กล้าปฏิเสธ นางรู้ว่าท่านต้องมีหลักฐานอย่างแน่นอน จึงตอบกลับไปว่า "เรียนเส็ดจพ่อเจ้าค่ะ ใช่เจ้าค่ะ"
"เจ้าเรียนวิชานี้มาจากที่ใด?" หมิงหยวนตี้ถามอีกครั้ง
เมื่อหยวนชิงหลิงเข้ามาในวังเธอก็คิดแล้วว่าหมิงหยวนตี้จะถามอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงคิดคำตอบไว้แล้ว "เรียนเสด็จพ่อเจ้าคะ เมื่อสะใภ้ยังเด็ก เคยได้พบกับหมอหญิงท่านหนึ่ง ท่านเคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ท่านชอบสะใภ้อย่างมาก จึงขอให้ลูกไปเรียนรู้วิชารักษากับท่านเจ้าค่ะ"
"เรียนมานานแค่ไหน?"
"หนึ่งปีเจ้าค่ะ"
"อาจารย์ของเจ้าชื่ออะไร?" หมิงหยวนตี้กดดัน และถามทุกรายละเอียด
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "สะใภ้ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ไม่เคยเปิดเผยเจ้าค่ะ"
ฮ่องเต้รู้สึกรำคาญมากกับคำตอบของนาง มันไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแต่กลับหาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว
"เรื่องที่เจ้ารักษาให้อดีตจักรพรรดินั้น องค์ชายห้าเป็นคนอนุญาตหรือ?"
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า "ท่านอ๋องไม่ทราบเรื่องนี้เจ้าค่ะ"
"ไม่ทราบหรือ:black">?" หมิงหยวนตี้เม้มริมฝีปาก หรี่ตา และพูดอย่างเย็นชา: "ครั้งแรกที่เจ้านำยาไปให้อดีตจักรพรรดิทาน เจ้าเข้าไปในเต็นท์พร้อมกับองค์ชายห้า แต่เจ้ากลับบอกว่าเขาไม่ทราบงั้นหรือ?"
หยวนชิงหลิงไม่มีเจตนาที่จะลากอวี่เหวินฮ่าวเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นแม้ว่าฮ่องเต้จะพูดเช่นนี้ นางยังคงยืนกรานในคำพูดของตนเองว่า "ท่านอ๋องไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ เจ้าค่ะ การให้อดีตจักรพรรดิทานยาใช้เวลาเพียงเล็กน้อย นั่นคือยาเม็ด สะใภ้ใส่เข้าปากของอดีตจักรพรรดิแล้วปล่อยให้ยาค่อยๆ ละลายในปากอย่างช้าๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเจ้าค่ะ "
อันที่จริง อวี่เหวินฮ่าวทราบเรื่องนี้ นางสามารถหลีกเลี่ยงโทษได้ ฮ่องเต้ต้องคิดว่านี่เป็นคำสั่งของอวี่เหวินฮ่าวอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เธอสามารถมีชีวิตรอดได้
และหมิงหยวนตี้เองก็คงไม่ถึงขั้นที่ฆ่าอวี่เหวินฮ่าวอย่างแน่นอน
นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว
แต่ หยวนชิงหลิงไม่เคยคิดที่จะลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีก็ตาม
"ยาขวดนี้ใช่หรือไม่?" หมิงหยวนตี้หยิบขวดยาออกมาวางลงบนโต๊ะ แล้วถามหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงเงยหน้าเหลือบมอง เป็นยาอมใต้ลิ้น
เธอพยักหน้าเงียบๆ "เจ้าค่ะ!"
"ยานี้ใช้ทำอะไร? กลั่นได้อย่างไร? ใครเป็นคนให้เจ้า? "
"ยานี้เป็นยาช่วยบรรเทาอาการหัวใจล้มเหลวฉับพลันเจ้าค่ะ กลั่นด้วยสมุนไพร เช่น โคโรค พิษคางคก โสม ผงเขากวาง ถุงน้ำดีหมู ฯลฯ ซึ่งสามารถชุบหัวใจกลับมาได้ในระยะเวลาอันสั้นเจ้าค่ะ เป็นยาฉุกเฉินและให้โดยอาจารย์เมื่อตอนที่ท่านมาที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ ท่านบอกว่าเป็นยารักษาหัวใจที่ท่านกลั่นได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ให้สะใภ้พกติดตัวเอาไว้เจ้าค่ะ"
ขณะที่หยวนชิงหลิงพูดเช่นนี้ เธอรู้สึกร้อนตัวอย่างมาก ยาอมใต้ลิ้นคือไนโตรกลีเซอรีน และส่วนผสมต่างๆ ที่เธอบอกนั้นเป็นส่วนผสมของยาเม็ดบรรเทาหัวใจ
หมิงหยวนตี้นำยาไปไว้ใต้จมูกและดมกลิ่น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "แม้ว่าเจิ้นจะไม่เข้าใจเรื่องสมุนไพร แต่ก็รู้ว่ายานี้ไม่มีโสม โคโรค ฯลฯ ที่เจ้าพูดถึง"
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ "นี่มัน…สะใภ้เองก็ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์บอกเช่นนี้กับสะใภ้จริงๆ เจ้าค่ะ"
"มู่หยู นำยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วส่งให้พระชายากินเข้าไป ให้นางกินแบบเดียวกับอดีตจักรพรรดิกิน" หมิงหยวนตี้กล่าวอย่างเฉยเมย
มู่หยูกงกงรับคำสั่ง หยิบยาอมใต้ลิ้นออกมาหนึ่งเม็ดและส่งให้หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงรับยาและวางไว้ใต้ลิ้น
มู่หยูกงกงจับจ้องทุกการกระทำของเธอตลอด
"ส่งพระชายาไปที่ห้องโถง และให้กู้ซือจับตาดูเธอไว้" หมิงหยวนตี้กล่าวอย่างเย็นชา "เรียกจิ้งโหวเข้าพบ"
หยวนชิงหลิงนึกไม่ออกว่าจิ้งโหวคือใคร หลังจากที่มู่หยูกงกงพาเธอไปที่ห้องโถงแล้ว เธอจึงนึกขึ้นได้ว่า จิ้งโหวเป็นพ่อของหยวนชิงหลิงเจ้าของร่างคนเดิม
พ่อคนนั้นที่เห็นแก่ตัวและเห็นแต่ประโยชน์
เมื่อหยวนชิงหลิงได้รับเชิญไปที่จวนองค์หญิงเพื่อวางกลต่ออวี่เหวินฮ่าว เธอได้รับการสนับสนุนอย่างหนักจากจิ้งโหว
เมื่อหยวนชิงหลิงได้อภิเษกสมรสในเข้าจวนฉู่อ๋องตามที่ต้องการ เขาก็พบว่าลูกสาวคนนี้ไม่ได้รับความโปรดปราน แม้แต่ตอนพิธีกลับบ้านฉู่อ๋องก็ไม่ได้ตามนางมา เขาจึงรู้สึกผิดหวัง
ตอนแรก เขาเคยพยายามทำตัวเป็นพ่อตาต่อฉู่อ๋อง แต่นานๆ เข้าเขาก็พบว่าฉู่อ๋องไม่เหลียวมองเขาเลยด้วยซ้ำ เขาจึงตายใจและไม่สนใจหยวนชิงหลิงอีกเลย
MANGA DISCUSSION