ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 29 มู่หยูกงกงเสด็จ
ขณะที่เขาโกรธและตกใจนั้น เขาเห็นหยวนชิงหลิงถือมีดโกนขึ้นมา เขาถามด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง "เต้าคิดจะทำอะไรอีก?"
"โกนขนไง ไม่โกนขนออกจะทำแผลยังไง?" หยวนชิงหลิงตบไปที่ขาของเขา "ถ่างขาออก"
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกว่าเลือดในร่างกายพุ่งไปที่ศีรษะ เขาหูอื้อและหัวกำลังจะระเบิด
ได้ยินแต่เสียงของมีดโกนที่โกนไปตรงเนื้อของเขา ขนก็ร่วงตกลงผ่านต้นขาไป ทุกการสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย
ในใจของหยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
คิดว่านางอยากดูหรือ? ยินดีที่จะโกนขนให้เขาหรือ? คิดว่านางยินดีที่จะรักษาบาดแผลตรงนั้นให้เขาหรือ?
แต่ถ้าเขาเสียชีวิตเพราะอาการติดเชื้อ นางคงไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบต่ออดีตจักรพรรดิหรือจะรับผิดชอบต่อตนเองอย่างไร
แม้ว่าหารที่เขาเสียชีวิตไป นั่นก็เพราะตัวเขาเองก็ตาม
ถือว่าโชคดีที่แผลนั้นเลี่ยงเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาไป แต่ฟันโดนด้านข้างพอดี แผลลึกมาก ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนห้ามเลือดไว้ เขาน่าจะเทผงห้ามเลือดเองแล้ว เพราะว่าข้างๆ แผลนั้นมีผงยาที่เหนียวติดผิวหนังติดอยู่
อีกอย่างถ้าแผลขยับไปตรงกลางสักหน่อย คงตัดของชิ้นนั้นออกมาในแนวทแยงมุมอย่างแน่นอน
ถ้าตัดออกก็จะดีมาก เจ้าต้นตอของความชั่วร้ายทั้งหมด
นางแอบคิดในใจ แล้วแอบเงยหน้าเหลือบมองอวี่เหวินฮ่าว
อวี่เหวินฮ่าวเหวี่ยงหมัดเข้าหานาง นางก็รีบหดหัวกลับมา นางเหลือบเห็นใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับประทัด
"ก็ยังต้องเย็บแผลอยู่เช่นเคย!" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยท่าทางจริงจังหลังจากฆ่าเชื้อที่แผลเรียบร้อยแล้ว
"ไม่!" อวี่เหวินฮ่าวปฏิเสธ แล้วขยับขาเข้าหากัน แต่หยวนชิงหลิงได้ใช้มือกั้นไว้ก่อนแล้ว ไม่ยอมให้เขาหดขากลับ
อวี่เหวินฮ่าวโกรธจนรู้สึกว่าผมตั้งขึ้นและไหม้เกรียมด้วยความโกรธ
"ก็ได้!" หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาขึ้นมา และหายาสลบแบบทาออกมาพร้อมกล่าวว่า "ข้าจะถูยาห้ามเลือดให้เจ้านะ มันซึ่งสามารถช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น"
"ทำให้มันเร็วๆ หน่อย!" อวี่เหวินฮ่าวจ้องไปที่นางพร้อมพูด
หลังจากใส่ยาเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นและถามว่า "เจ้าไม่รู้สึกเจ็บแผลแล้วใช่หรือไม่?"
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกไม่เจ็บแล้วจริงๆ แต่เขาไม่ยอมรับ และพูดอย่างปากแข็งว่า "ใครบอกว่าไม่เจ็บ? เจ้าคิดว่ายาของเจ้านั้นวิเศษมากขนาดนั้นเลยหรือ?"
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาปากแข็ง นางก็ไม่ได้สนใจเขา นางหยิบเข็มออกมาแล้วร้อยด้ายพร้อมพูดว่า " ข้าทายาชาให้เจ้าแล้ว จะเริ่มเย็บแล้วนะ"
"หยวนชิงหลิง!" อวี่เหวินฮ่าวคำราม ไอ้บ้าเอ๊ย ผู้หญิงขี้เหร่นี้หลอกลวงคนอื่นเป็นแล้วหรือ?
วันนั้นที่เย็บแผล เขาเจ็บปวดมากกัดฟันจนฟันแทบหัก ตอนนี้ ที่ที่จะเย็บนั้นเป็นส่วนที่เจ็บปวดที่สุดของร่างกาย นี่นางต้องการจะฆ่าเขาหรือ
"เอาล่ะ ไม่เย็บแผล แต่แค่เอาหนองออก แบบนี้ได้ไหม?" หยวนชิงหลิงกล่าว
อวี่เหวินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ จึงหยุดความโกรธไว้ และเฝ้าดูนางก้มหัวลงไป เขาคิดว่าถ้าเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เขาจะเตะนางออกทันที
แต่อันที่จริงแล้วหยวนชิงหลิงกำลังเย็บแผล
นางทายาชาลงไปแล้ว หากนางเย็บอย่างรวดเร็ว ก็สามารถเย็บเสร็จก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์
ประตูถูกเปิดออกดูแรงกระแทก
ซวีอีเดินเข้ามาราวกับพายุ
เขาเปิดม่านออก และเมื่อเหลือบไปเห็นภาพนั้น เขาก็อึ้งอยู่กับที่ ราวกับถูกฟ้าผ่า
อาจารย์ทังบอกว่า ตกดึกท่านอ๋องต้องการคนที่คอยดูแลเรื่องขับถ่าย ดังนั้นเขาจึงมาเฝ้าเขาตอนกลางคืน และเขาคิดว่าอยากจะเข้ามารายงานสักหน่อย และเขาก็เห็นภาพที่พระชายาก้มหัวอยู่ที่ท่อนล่างของท่านอ๋อง
"ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!" อวี่เหวินฮ่าวเองก็ตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็โกรธโวยวายขึ้นมา
ซวีอีรีบวิ่งออกไปราวกับเห็นผี และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็วิ่งกลับและปิดประตู
ไม่มีใครได้ยินเสียงคร่ำครวญร้องไห้ที่ดังก้องในหัวใจของเขา ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะฉวยโอกาสที่ท่านอ๋องบาดเจ็บแล้วแต๊ะอั๋งเขา
สถานการณ์ตอนนั้นหยวนชิงหลิงถือว่านิ่งสงบที่สุดแล้ว
นางเย็บแผลเรียบร้อยอย่างสงบนิ่ง และกล่าวว่า "โอเค เย็บเสร็จแล้ว"
เสร็จแล้ว? นางลงมือเย็บแผลอีกแล้วหรือ!
เขาชกลงเตียงอย่างอ่อนแรง และไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้
หยวนชิงหลิงกำลังทำความสะอาด เขามองดูหยวนชิงหลิงปัดขนนั้นลงไปบนพื้น ขนสีดำ…..ช่อๆ นั้น
เขาต้องฆ่าคนสักสองสามคน ถึงจะระบายความโกรธแค้นในใจออกไปได้
แต่ว่า ตอนนี้ทำได้แค่ทนเท่านั้น หากเรื่องแค่นี้ก็ทนไม่ไหว แล้วจะทำเรื่องใหญ่ได้อย่างไร…
จากนั้นมา ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
หยวนชิงหลิงหมอบลงและหลับไป
ในฝัน นางกำลังถูกไล่ฆ่า นางซ่อนตัวไปตลอดทาง และในที่สุดนางก็วิ่งเข้าทางตัน มีดาบเล่มใหญ่เหวี่ยงขึ้น นางเอามือบังหน้าไว้แล้วมองผ่านนิ้วมือไป นางเห็นใบหน้าที่โกรธเคืองของอวี่เหวินฮ่าว
ดาบเล่มใหญ่นั้นเหวี่ยงลงมาที่นาง แล้วเลือดก็สาดกระเซ็นเต็มใบหน้าของนาง นางกรีดร้องและตื่นขึ้นมา
นางรู้สึกชื้นๆ บนใบหน้า และเมื่อเอามือมาแตะ ก๋พบว่าเปียกน้ำไปหมด
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นอวี่เหวินฮ่าวถือถ้วยชามอยู่ ปากชามคว่ำลงที่นาง และชามนั้นว่างเปล่า
สีหน้าของเขาดูเยาะเย้ยและร้ายกาจ
มีน้ำวางอยู่บนหัวเตียงอยู่ชามหนึ่งตลอด วางเพื่อให้เขาได้มีน้ำดื่มเมื่อกระหายน้ำ
หยวนชิงหลิงโกรธมาก นางทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาเขา แทนที่จะกล่าวขอบคุณ แต่เขากลับรังแกนาง
แต่ว่า นางไม่ได้แสดงความโกรธออกมา แต่มองไปที่เขาอย่างสงสารแทน "น่าสงสารจริงๆ ท่านอ๋องผู้สง่างามที่กวาดล้างศัตรูมานับไม่ถ้วน และตอนนี้กลับทำได้แค่แก้แค้นผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างข้าด้วยการสาดน้ำใส่"
อวี่เหวินฮ่าวโกรธเคืองอย่างมาก เขายกมือขึ้นและเหวี่ยงชามทุบเข้าหานาง
ชามไม่ได้เหวี่ยงไปโดนหยวนชิงหลิง แต่ร่วงลงที่หน้าของเขาเอง
ชามลื่นตกลงไป เขาไม่ค่อยมีแรง ดูเหมือนว่าเขาจะเหวี่ยงชามนั้นออกไป แต่จริงๆ แล้วเขาก็แค่ปล่อยมือก็เท่านั้นเอง
ชามกระแทกไปโดนจมูกของเขา มันเจ็บปวดจนทำให้น้ำตาไหลออกมาทันที
น่าสมเพชและเขินอายอย่างมาก
มุมปากของหยวนชิงหลิงกระตุก จากนั้นเขาก็หยิบชามขึ้นมาและเดินออกไป
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" หยวนชิงหลิงหัวเราะอยู่ด้านนอกประตูจนบาดแผลของนางแทบจะเปิดออก
ส่วนข้างในนั้นอวี่เหวินฮ่าวเอามือถูที่จมูกและตัวสั่นไปทั้งตัว "น่าโกรธเสียจริง! "
รุ่งอรุณเริ่มมาแล้ว สีแดงสีส้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้า เมฆก็ถูกทอและย้อมด้วยแสงอาทิตย์อย่างช้าๆ
เมื่อคืนซวีอีนั่งอยู่หน้าห้อง และหลับไปด้วยความงุนงง
เขาตื่นเพราะเสียงหัวเราะของหยวนชิงหลิง เขาขยี้ตาและมองหยวนชิงหลิงที่หัวเราะจนหน้าบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ "พระชายาขอรับ…ท่านสบายดีใช่ไหมขอรับ? "
หยวนชิงหลิงหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ แม้ว่านางจะหยุดหัวเราะได้แล้ว แต่มุมตาของนางยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางตบไปที่ไหล่ของซวีอี " ซวีอี เข้าไปดูแลท่านอ๋องเถิด ชีวิตเขา……ค่อนข้างขมขื่น"
ซวีอีมองไปที่นางจนนางพูดจบ แล้วนางก็หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งราวกับตัวประหลาด มันทำให้ซวีอีกลัวจนรีบหนีเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
"ไสหัวไป! "
เขาหนีออกมาอย่างน่าขัน สีหน้าของเขามืดลงราวกับถ่าน
หยวนชิงหลิงไม่ได้เข้าไป นางเดินออกไป เดินไปที่ทะเลสาบ มองดูวงแหวนสีส้มนั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฟ้า
การชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้นมักจะทำให้ใจคนเรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสดชื่นอยู่เสมอ
ความโศกเศร้าของการข้ามภพมาหลังความตายนั้น ถูกระงับโดยพระอาทิตย์ขึ้นอย่างช้า ๆ และกดทับมันเข้าไปในที่ที่ไม่เด่นชัด จนแทบจะสัมผัสไม่ถึง
บางทีอาจเป็นพระอาทิตย์ขึ้น หรือการหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเมื่อสักครู่นี้ ทำให้นางรู้สึกว่า ในที่สุดนางก็ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติไปสองสามนาทีเสียที
อยู่ใต้แสงแดดจะไปกลัวอะไร?
นางยืนอยู่ข้างๆ ทะเลสาบนานกว่าครึ่งชั่วโมง
จนกระทั่งแสงแดดแยงตา นางจึงค่อยๆ ละสายตาไป
ทังหยางเดินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า "พระชายาขอรับ มู่หยูกงกงเสด็จขอรับ"
หยวนชิงหลิงหันกลับไปหาเขา และมองไปที่ใบหน้าที่เคร่งขรึมเล็กน้อยของทังหยาง " มู่หยูกงกง"
"มู่หยูกงกงผู้จัดการใหญ่ข้างกายของฮ่องเต้ขอรับ"
"มีเรื่องอะไรหรือ?" หยวนชิงหลิงรู้ว่าปกติแล้วเขาเป็นคนนิ่งสงบ แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย แสดงว่ามู่หยูกงกงไม่ได้มาดีนะเนี่ย