อวี่เหวินฮ่าวหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วกินอาหารที่เย็นไปแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเบา ๆ "อยากสู้หรือ? กินอิ่มแล้วมีแรงแล้วค่อยสู้กัน"
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเธอเข้าใจผิด จึงอายเล็กน้อย เธอจึงใส่ปิ่นปักผมกลับไปและนั่งลง
เธอหิวมากจริงๆ เธอไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่
เพราะว่าเธอคอยระวังอยู่เสมอ เธอจึงกินอย่างรวดเร็วมาก
ส่วนอวี่เหวินฮ่าวก็กินช้าๆ อย่างดูดี สีหน้ายังคงมืดมน แต่เขาดูสงบเป็นพิเศษ แต่ความสงบนี้ทำให้คนรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ร้ายแรงซ่อนอยู่
หยวนชิงหลิงกินอาหารจนหมดด้วยความระแวง จากนั้นฉันก็เข้าไปด้านหลังของม่านบังแล้วฉีดยาและจ่ายยาให้ตัวเอง
ม่านบังใยไหมนั้นมีความโปร่งใส ที่จริงแล้วอวี่เหวินฮ่าวสามารถมองเห็นว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน
เขาเฝ้าดูอย่างเงียบๆ หลายวันที่ผ่านมา สิ่งต่าง ๆ อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา การเปลี่ยนแปลงของหยวนชิงหลิงทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปด้วย
เขาหลงอยู่ในวังวนอีกครั้ง
และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ถ้าหากสามารถทำให้เสด็จปู่ดีขึ้นมาได้ เขาก็จะไม่สนใจ
การเปลี่ยนแปลงของหยวนชิงหลิน เขาค่อยกลับไปสังเกตที่บ้านก็ได้ ถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หลังจากที่หยวนชิงหลิงฉีดยาเสร็จ เธอเอายาใส่เข้าปาก และกลืนลงด้วยน้ำเย็น
อวี่เหวินฮ่าวเงยหน้าขึ้นมามองเธอ พูดแผ่วเบาว่า: "กลับไปรอที่ห้องบรรทมเถิด ย่าถามอะไรมากมาย และอย่าแก้ตัวมาก ข้ากำลังจะออกจากวังแล้ว"
ปฏิกิริยาที่หยวนหลินชิงมีต่อเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าไม่ค่อยมั่นใจเขารู้สึกอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก
"ให้ข้าทำแผลให้เจ้าหน่อยเถิด" หยวนชิงหลิงพูดอย่างขมขื่น เมื่อนึกถึงความเลวของเขา เธอพูดประโยคนี้ออกมาอย่างขืนใจ
อวี่เหวินฮ่าวส่ายหัว แล้วลุกขึ้นยืนและหันหน้าไปแล้วเดินออกไป
หยวนชิงหลิงมองไปที่แผ่นหลังของเขา เธอรู้สึกแปลก ๆ เขาสามารถจากไปโดยไม่กินอาหารมื้อนี้ก็ได้
อีกอย่าง เมื่อสักครู่นี้เธอปฏิบัติต่อฉู่หมิงฉุ่ยเช่นนี้ ฉู่หมิงฉุ่ยคือคนสำคัญของเขา เขาปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปเช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงตอนที่เขายกมือขึ้นเตรียมตบ ความโกรธเคืองภายใต้ดวงตาของเขานั้นน่าเกรงกลัวอย่างมาก
เงาร่างของเขาทอดยาวตามเงาแสงที่เหลือของพระอาทิตย์ยามตกดิน หลังจากออกจากประตูไป เงาร่างของเขาก็หายไปในทันทีและไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
ในใจของหยวนชิงหลิงมีความรู้สึกแปลก ๆ ผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดี
เมื่อกลับมาถึงที่พระราชวังเฉียนคุน อดีตจักรพรรดิและฝูเป่ายังคงหลับอยู่ เธอนั่งอยู่ข้างๆ ฉางกงกงยืนอยู่หน้าพระแท่น เขายืนก้มหน้าลงแต่ก็เหล่มองเธอเป็นครั้งคราว
วันที่สอง ฝูเป่าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้จะรอดแล้ว
ฝูเป่าดีขึ้น อดีตจักรพรรดิก็อารมณ์ดีขึ้นเช่นกัน และอาการของท่านก็ดีขึ้นไปด้วย
เวลายามเช้าผ่านไป หมิงหยวนตี้ก็มาน้อมทักทายเป็นคนแรก จากนั้นก็ตามด้วย รุ่ยชินอ๋อง ฮองเฮา พระพันปี กุ้ยไท่เฟย จากนั้นก็เป็นเหล่าท่านอ๋องต่างๆ พระราชวังเฉียนคุนยุ่งมาตั้งแต่เช้า
แต่ว่า ส่วนใหญ่อดีตจักรพรรดิไม่ค่อยได้พูดอะไรมากนัก เหล่าท่านอ๋องเข้ามากราบจากนั้นก็ออกไป
ฉู่หมิงฉุ่ยและฉีอ๋องก็มาเช่นกัน ดวงตาของฉู่หมิงฉุ่ยมีเส้นเลือดสีแดงปรากฏ แต่ว่าฉีอ๋องนั้นรักเธออย่างมาก เข้าออกไปมาก็จับมือเธอไว้ตลอด
หลังจากที่ฉู่หมิงฉุ่ยเข้ามาในวัง เธอก็เหลือบมองไปที่หยวนชิงหลิงและแววตานั้นมีเลศนัยอย่างมาก
ในเวลานี้หยวนชิงหลิงกำลังทำแผลฆ่าเชื้อให้กับฝูเป่า พร้อมพูดกับฝูเป่าไปด้วยว่า " :black">ฝู้เป่าต่อไปถ้าหากเจ้าพบเห็นคนที่ทำร้ายเจ้า ต้องไม่ใจอ่อนนะ"
ฉีอ๋องจ้องไปที่หยวนชิงหลิง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ร้ายเช่นนี้? อู่เกอควรสั่งสอนเธอจริงๆ
หลังจากที่สองสามีภรรยาฉีอ๋องออกไป อดีตจักรพรรดิก็มองไปที่หยวนชิงหลินและกล่าวว่า " เจ้าเก็ยปากไว้เงียบๆ บ้างไม่ได้หรือไง? พูดอะไรออกมาเยอะแยะ?"
หยวนชิงหลิงเช็ดมือของตน " เจ้าค่ะ หม่อมจะจำคำสอนของอดีตจักรพรรดิอย่างเคร่งครัดเจ้าค่ะ"
"ไม่พอใจหรือ? ข้าหวังดีกับเจ้า! " อดีตจักรพรรดิตะคอก " เจ้าไม่รู้หรือว่าตัวเองนั้นมีอำนาจเท่าไหน? ระวังภัยจะออกจากปากนะ"
หยวนชิงหลิงผงะและพูดด้วยความจริงใจว่า "เจ้าค่ะ หม่อมฉันทราบแล้วเจ้าค่ะ"
เธอไม่มีใครให้พึ่งพา เธอไม่ควรสร้างศัตรูขึ้นมาจริงๆ
อดีตจักรพรรดิตบไปที่ข้างเตียง "มาคุกเข่าที่นี่! "
ข้างพระแท่นนั้นมีเบาะรองนั่งวางอยู่ ซึ่งช่วยให้หยวนชิงหลิงได้นั่งคุกเข่าได้สะดวก
อดีตจักรพรรดิรู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถนั่งลงได้ ท่านั่งแบบคุกเข่านั้นสบายสำหรับเธอมากที่สุด เขาจึงให้ฉางกงกงเตรียมเบาะรองนั่งไว้
หยวนชิงหลิงนั่งคุกเข่าลง เธอรับใช้อยู่ในวังมาเป็นเวลาสามวัน รู้นิสัยใจคอของอดีตจักรพรรดิดี ตราบใดที่เขาสุขภาพแข็งแรงดี เขามักจะสั่งสอนคนอื่นๆ และไม่ยอมรับการโต้เถียงและอธิบายใดๆ ทั้งนั้น
มันเริ่มขึ้นแล้วจริงๆ
"เจ้ารู้สึกว่าที่บอกให้เจ้าทน หมายความว่าให้เจ้าเป็นคนไม่สู้คนใช่หรือไม่?"
หยวนชิงหลิงส่ายหัว "หม่อมฉันมิได้คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ"
" มิได้คิดเช่นนี้หรือ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าคิด เจ้าไม่พอใจ เจ้ารู้สึกว่าเรื่องใดหากมันไม่ยุติธรรมก็ต้องพูดออกมา ยอมไม่ได้"
หยวนชิงหลิงไม่ได้งี่เง่าเช่นนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงส่ายหัวอย่างหนักแน่น "หม่อมฉันมิได้คิดอย่างนั้นจริงๆ เจ้าค่ะ"
อดีตจักรพรรดิใช้หลังมือเคาะไปที่ขอบเตียง เขาพูดเสียงแข็งขึ้น "เจ้ากลัวเสียหน้าทำไม? ทุกๆ คนก็คิดเช่นนี้ เมื่อตอนนี้ข้ายังหนุ่มข้าก็คิดเช่นนี้ ข้าโดนปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน จึงได้เข้าใจความหมายที่แท้จริง ตอนที่เจ้ามีความสามารถ เจ้าสามารถพูดทุกอย่างที่ไม่ยุติธรรมออกมาได้ แต่หากเจ้ายังไม่มีความสามารถมากพอ คนอื่นสั่งให้เจ้ากินอุจจาระ เจ้าก็ต้องกินมัน "
"… รับทราบเจ้าค่ะ! " หยวนชิงหลิงก้มศีรษะลง ท่าทีรับฟังคำสอนด้วยความนอบน้อม
"เจ้าไม่พอใจอีกแล้วหรือ?" อดีตจักรพรรดิเลิกคิ้ว
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอไม่สามารถต้านทานใด ๆ ได้ เธออ่อนโยนและทำตัวนอบน้อมเหมือนกระต่ายน้อยตัวสีขาว ตรงไหนที่บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจหรือ?
"พอใจจริงๆ เจ้าค่ะ! " เธอพูดแล้วสายตาของเธอมองออกไปข้างนอก ท่านอ๋องทั้งหมดมาครบแล้ว แต่ทำไมถึงไม่เห็นอวี่เหวินฮ่าว? เดิมทีเธอไม่อยากให้เขามาเลย
เมื่ออดีตจักรพรรดิเห็นว่าเธอเหม่อลอย เขาจึงหน้าเสีย " ไม่เชื่อฟังคำพูดของคนชรา ก็จะเสียเปรียบในทันที อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ว่าคำพูดของข้านั้นเหมือนกับปรัชญา "
มีการสัมผัสคำด้วย! ช่างมีศิลปะทางด้านวรรณกรรมเหลือเกิน!
หมอหลวงนำยาเข้ามาในวังด้วยตัวเอง หยวนชิงหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งใจและพูดอย่างขยันขันแข็งว่า " วางไว้เดี๋ยวข้าจัดการเอง! "
หมอหลวงกราบบังคมทูลว่า "รบกวนพระชายาด้วยนะขอรับ"
เธอเดินไปพร้อมกับยาในมือ ใบหน้าของอดีตจักรพรรดินั้นมืดลงไป เขาเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนของหยวนชิงหลิง กรรมมาไวนะเนี่ย
ฉางกงกงถือบิดเจี่ยนไว้แล้วรออยู่ข้างๆ เมื่อดื่มยาเสร็จสิ้นก็จะรีบส่งบิดเจี่ยนให้ท่านทันที แววตาที่ฉางกงกงมองไปที่อดีตจักรพรรดินั้นเป็นห่วงเขาอย่างมาก
"บ่าวอยากจะป่วยแทนท่านเหลือเกินขอรับ"
หากว่าคนอื่นๆ พูดเช่นนี้ มันจะเป็นการประจบสอพลอ แต่ฉางกงกงพูด มันกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและใส่ใจ
"เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะป่วยแทนข้าหรือ?" อดีตจักรพรรดิอบบิดเจี่ยนในปาก และกล่าวอย่างคลุมเครือ
ฉางกงกงเพียงแค่มองเขาด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร
หยวนชิงหลิงป้อนน้ำให้ฝูเป่า ฝูเป่าไม่ค่อยสดใน ดื่มไปสองคำก็นอนลง หยวนชิงหลิงจึงได้ลูบหัวสุนัข
แสงแดดส่องเข้ามาจากด้านนอกของวัง และทุกอย่างในตำหนักนั้นก็ดูสงบสุขเป็นเวลานาน
มีขันทีน้อยเดินเข้ามาจากด้านนอก และรายงานด้วยเสียงแผ่วเบา " อดีตจักรพรรดิขอรับ จี้อ๋องรออยู่ด้านนอกตำหนักขอรับ"
ดวงตาของอดีตจักรพรรดิค่อยๆ เงยขึ้น เขาเก็บความโกรธบึ้งตึงเมื่อสักครู่นั้นไว้แล้วกล่าวอย่างใจเย็น: "เชิญเข้ามา! "
จี้อ๋องเดินเข้ามาในห้องโถง เขาสวมเสื้อลายงูหลามเมฆไหล ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก เขาก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงด้วยความเคารพ "หลานชายขอคารวะเสด็จปู่ขอรับ ขอเสด็จปู่จงเจริญขอรับ"
อดีตจักรพรรดินอนอยู่บนเตียงอย่างป่วยหนัก เขามองไปที่จี้อ๋องด้วยแววตาที่มืดมัว แล้วบีบเสียง อืม ที่แหบแห้งออกจากลำคอของเขา ซึ่งถือว่าตอบรับเขาแล้ว
หยวนชิงหลิงเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าของอดีตจักรพรรดิ ความเก็บและปล่อยอารมณ์นี้ เป็นนักแสดงดีเด่นเลยนะเนี่ย!
จี้อ๋องคุกเข่าและก้าวเข้าไป "เสด็จปู่รู้สึกอย่างไรบ้างขอรับ? "
"ดีขึ้นเยอะเลย! " อดีตจักรพรรดิกล่าวเช่นนี้ แต่ว่าฟังจากน้ำเสียงและสีหน้าแล้ว เหมือนจะไม่ดีเลย
"เสด็จปู่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ก็ถือว่าเป็นพรแก่เหล่าหลานๆ ขอรับ" จี้อ๋องมองไปที่เขาอย่างซาบซึ้ง
หลังจากพูดคุยไม่กี่ประโยค จี้อ๋องก็ลุกขึ้นและออกจากวังไป
ก่อนจากไป เขามองไปที่หยวนชิงหลิง เหมือนว่าตั้งใจ แต่ก็ดูไม่ตั้งใจ มีบางอย่างแปลก ๆ ปรากฏในแววตาของเขา
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าหัวใจของเธอสั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ถูก
MANGA DISCUSSION